<๒.
ศากยวงศ์ (Sakya clan)
ในยุคบรรพกาล
ได้มีชนเผ่าเชื้อสายอริยกะหรืออารยันอพยพเข้ามาตั้งรกรากและราชธานี
ณ เชิงเขาหิมาลัย ชนเผ่าที่อพยพเข้ามาในภายหลัง
ก่อนหน้านั้นดินแดนแถบนี้เป็นที่อยู่อาศัยของพวกมิลักขะซึ่งมีความเจริญที่น้อยกว่า
พวกอริยกะหรืออารยันเป็นพวกที่นับถือในศาสนาพราหมณ์เคร่งครัด
และเชื่อถือในระบบวรรณอย่างสุดโต่ง โดยเชื่อว่าวรรณะทั้ง
๔ ไม่สามารถที่จะแต่งงานร่วมกันได้ ถ้าแต่งงานบุตรจะกลายเป็นจัณฑาลทันที
พวกเขาถือว่าตนยิ่งใหญ่ และบริสุทธิ์กว่าสายเลือดอื่น
ๆ จึงแต่งงานด้วยกันเองภายในหมู่พี่น้องและวงศาคณาญาติซึ่งมีอยู่
๒ ตระกูลคือ ๑. ศากยวงค์ ๒.โกลิยวงศ์ และเพราะความถือตัวจัดนี้เองที่ทำให้กรุงกบิลพัสดุด์ถูกทำลายอย่างย่อยยับด้วยอำนาจของพระเจ้าวิฑูฑภะ
โอรสพระเจ้าปเสนทิโกศลแห่งสาวัตถี ซึ่งพระเจ้าวิฑูฑภะเอง
ก็ใช่อื่นไกลเป็นพระนัดดาของพระเจ้ามหานามแห่งกรุงกบิลพัสดุ์นั้นเอง
พระองค์ถูกเหยียดหยามจากพระญาติถึงขนาดเอาน้ำนมชำระล้างสถานที่ทุกแห่งที่พระองค์ประทับในกรุงกบิลพัสดุ์คราวเสด็จเยี่ยมพระญาติ
โดยพวกศากยะกรุงกบิลพัสดุ์รังเกียจว่า พระมารดาของพระองค์ไม่ใช่คนวรรณะกษัตริย์
แต่เป็นทาสีซึ่งเป็นคนละวรรณกับพวกตน นี่คือชนวนของการทำลายล้างกรุงกบิลพัสดุ์ในเวลาต่อมา
เกี่ยวกับทฤษฏีของชนชาติอารยันของพวกศากยะที่เมืองกบิลพัสดุ์นี้
นักปราชญ์ไทยหลายท่านตั้งข้อสงสัยว่า พวกเขาน่าจะเป็นคนผิวเหลืองเชื้อสายมองโกลอยเหมือนคนไทยมากกว่าที่จะเป็นอารยันแบบแขก
เพราะตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือมีชาวเนปาลเป็นจำนวนมากเชื่อว่าตัวเองเป็นเชื้อสายศากยะ
และหน้าตาพวกเขาก็เป็นคนผิวเหลืองไม่ใช่แขกอินเดีย
แต่ประเด็นนี้คงต้องศึกษากันต่อไป และไม่ควรด่วนสรุป
เพราะเป็นเรื่องใหญ่ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า
แม้แขกอินเดียเป็นจำนวนมากก็มีนามสกุลโคตมะหรือเคาตมะและยังเชื่ออีกว่าพวกเขามีเชื่อสายเดียวกับพระพุทธองค์
ในทัศนะของคนเนปาลเองทุกคนเชื่อเต็มเปี่ยมว่าพระพุทธเจ้าเป็นชายเนปาล
ไม่ใช่อินเดียเพราะพระองค์เกิดในฝั่งเนปาลไม่ใช่อินเดีย
ซึ่งเป็นความจริงอยู่ไม่น้อยเพราะว่าตามสถานที่ประสูติแล้ว
ลุมพินีและกบิลพัสดุ์ก็ล้วนแล้วอยู่ในฝั่งเนปาล
แต่เมื่อก่อนคำว่า อินเดีย เนปาลยังไม่เกิด
มีแต่คำว่าชมพูทวีป พระพุทธองค์ใช้ชีวิตส่วนมากที่ฝั่งอินเดีย
เพราะขณะที่พระชนม์ชีพอยู่ เมืองกบิลพัสดุ์ของพระองค์ก็ร้างแล้ว
และเขตแดนกปิลพัสดุ์ลุมพินีก็ยังอยู่ในฝั่งอินเดีย
จนอังกฤษเข้าปกครองอินเดียและยกให้เนปาลเมื่อ
พ.ศ.๒๓๙๕ มานี้เอง
อย่างที่กล่าวมาแล้วว่า
ต้นตระกูลของศากยวงศ์สืบเชื้อสายมาจากพระเจ้าโอกกากราชและแบ่งออกเป็น
๒ เมือง,๒ ตระกูล คือ เมืองกบิลพัสดุ์ เป็นนครหลวงของแคว้นสักกะ
และเมืองเทวทหะเป็นนครหลวงของแคว้นโกลิยะ ดังมีโครงสร้างดังนี้
ฝ่ายศากยวงศ์ พระเจ้าชัยเสนมีพระราชโอรสและธิดา
๒ พระองค์ คือ
๑.
พระเจ้าสีหนุ ๒. พระนางยโสธรา
ฝ่ายโกลิยวงศ์
มีพระราชาที่ไม่ปรกฏนาม มีโอรส ๑ และธิดา ๑
คือ
๑.
พระเจ้าอัญชนะ ๒. พระนางกาญจนา
พระเจ้าสีหนุ
แห่งศากยวงศ์อภิเษกสมรสกับ พระนางกาญจนา แห่งโกลิยวงศ์มีพระโอรสและธิดารวม
๗ พระองค์คือ
๑.
พระเจ้าสุทโธทนะ
๒.
พระเจ้าสุกโกทนะ
๓.
พระเจ้าอมิโตทนะ
๔.
พระเจ้าโธโตทนะ
๕.
พระเจ้าฆนิโตทนะ
๖.
พระนางปมิตา
๗.
พระนางอมิตา
พระเจ้าอัญชนะ
แห่งโกลิยวงศ์อภิเษกสมรสกับ พระนางยโสธรา แห่งศากยวงศ์
มีพระโอรสและพระธิดารวม ๔ พระองค์คือ
๑.
พระเจ้าสุปปพุทธะ
๒.
พระเจ้าทัณฑปาณิ
๓.
พระนางสิริมหามายา
๔.
พระนางมหาปชาบดีโคตมี
พระเจ้าสุทโธทนะ
แห่งศากยวงศ์อภิเษกสมรสกับพระนางสิริมหามายาแห่งโกลิยวงศ์
มีพระโอรส ๑ พระองค์คือ
๑.
เจ้าชายสิทธัตถะ
และต่อมาหลังพระนางสิริมหามายาสวรรคต
พระองค์อภิเษกสมรสกับพระนางมหาปชาบดีโคตมี มีพระโอรสและธิดา
๒ พระองค์คือ
๑.
เจ้าชายนันทะ
๒.
เจ้าหญิงรูปนันทา
พระเจ้าสุปปพุทธะ
แห่งโกลิยวงศ์ได้อภิเษกสมรสกับพระนางอมิตาแห่งศากยวงศ์มีพระโอรสธิดารวม
๒ พระองค์คือ
๑.
เจ้าชายเทวทัต
๒.
พระนางยโสธรา (พิมพา)
พระเจ้าสุกโกทนะ
แห่งศากยวงศ์อภิเษกสมรสกับพระนางกิสาโคตมี มีพระโอรสหนึ่งพระโอรส
๑ พระองค์คือ
๑.
เจ้าชายอานนท์
พระเจ้าอมิโตทนะ
แห่งศากยวงศ์ มีพระโอรสธิดารวม ๓ พระองค์คือ
๑.
เจ้าชายมหานาม
๒.
เจ้าชายอนุรุทธะ
๓.
เจ้าหญิงโรหิณี
พระเจ้ามหานาม
ครองราชสมบัติต่อจากพระเจ้าสุทโธทนะมีพระธิดาจากนางทาสี
๑ พระองค์คือพระนางวาสภขัตติยา ซึ่งต่อมาได้เป็นพระมเหสีของพระเจ้าปเสนทิโกศลแห่งสาวัตถี
มีพระโอรส ๑ พระองค์ คือ พระเจ้าวิฑูฑภะ
ดังมีโครงสร้างดังนี้
|