|
ลบหลู่-
ชาวพุทธสุดทนเจ้าหน้าที่วัดพนัญเชิง ปฏิบัติไม่เหมาะสมต่อหลวงพ่อโต
พระพุทธรูปสำคัญของชาติ โดยพากันป่ายปีนองค์พระโยนผ้าจีวรพาดบ่าตลอดทั้งวัน
ลักษณะเป็นธุรกิจ ระหว่างมีผู้มิจิตศรัทธาเดินทางมาทำบุญกราบไหว้
ตามข่าว |
พุทธศาสนิกชนสลดใจ
ร้องจนท.วัดพนัญเชิง ปีนป่าย "หลวงพ่อโต"
พระพุทธรูปเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองกรุงเก่า อ้างเปลี่ยนผ้าจีวรห่มองค์พระ
ชี้ไม่เหมาะสม ลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่สักการบูชา
แฉปีนกันตลอดทั้งวัน เอาจีวรที่ขายให้กับผู้มาทำบุญซื้อผืนละ
140 บาท ห่มองค์พระอ้างเป็นการทำบุญ เวียนขึ้นลงตั้งแต่เช้ายันเย็น
แถมบางคนดื่มเหล้าด้วย ด้านสำนักพุทธฯ ยันไม่เหมาะสม
เตรียมทำหนังสือแจ้งเจ้าอาวาสยกเลิก แนะควรใช้รอกชักแทนคนปีน
หรือทำเฉพาะวันสำคัญ ไม่ใช่ปีนป่ายกันทุกวัน
เมื่อวันที่ 2 ก.ค.
ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากพุทธศาสนิกชนที่เดินทางไปกราบไหว้สักการะพระพุทธไตรรัตนายก
หรือหลวงพ่อโต พระพุทธรูปโบราณศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง
ที่วัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า เจ้าหน้าที่ของวัดมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
และลบหลู่ องค์หลวงพ่อโต โดยปีนป่ายเหยียบย่ำขึ้นไปบนองค์หลวงพ่อโต
เพื่อเปลี่ยนผ้าจีวร โดยอ้างว่าเป็นกิจกรรมทางศาสนา
เพราะมีประชาชนที่เดินทางมานมัสการซื้อจีวรทำบุญเป็นประจำทุกวัน
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบที่วัดพนัญเชิง
พบว่าภายในวิหารพระพุทธไตรรัตนายก มีประชาชนจำนวนมากเข้าไปกราบสักการะหลวงพ่อโตกันอย่างเนืองแน่น
มีทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ภายในพระวิหารถูกแบ่งเป็นแผนกต่างๆ
เช่น แผนกขายผ้าจีวร แผนกนำถวาย และแผนกห่มผ้า โดยจะให้ประชาชนทำบุญด้วยการซื้อผ้าจีวรในราคาผืนละ
140 บาท เพื่อนำไปห่มองค์หลวงพ่อโต โดยอ้างว่าเพื่อความเป็นสิริมงคล
จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ของวัดเป็นผู้ชายประมาณ 4-5
คน ยืนเหยียบที่หน้าตักองค์หลวงพ่อ เพื่อรับและนำผ้าชักรอกขึ้นไปห่มบนองค์พระ
กระทำอย่างนี้ตั้งแต่เช้ายันเย็น แม้ว่าจะมีคนกลุ่มหนึ่งเห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว
แต่อีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่เห็นด้วย เพราะการขึ้นไปเหยียบบนองค์หลวงพ่อโต
เป็นการกระทำไม่เหมาะสม และลบหลู่ ที่สำคัญทำกันเป็นธุรกิจ
จึงต้องหมุนเวียนกันปีนขึ้นไปห่มจีวรบนองค์พระตลอดทั้งวัน
ต่อหน้าประชาชนที่มากราบไหว้
จากการสอบถามนายนก
หนึ่งในผู้ที่ขึ้นไปผูกจีวรบนองค์หลวงพ่อโต กล่าวว่า
ทำมานานกว่า 3 ปีแล้ว ตอนแรกก็มาทำงานแทนพ่อที่ทำมาก่อนหน้านี้
แต่พ่ออายุมากแล้วเลยมาทำแทน สำหรับการห่มผ้าพระนั้น
ในวันธรรมดาจะขึ้นไปผูกผ้ากันเพียง 3 คน แต่ถ้าเป็นวันหยุดเสาร์และอาทิตย์
หรือวันหยุดราชการ จะเพิ่มเป็น 5 คน โดยจะมีเวลาพักกลางวันเพียง
30 นาทีเท่านั้น หลังจากนั้นต้องขึ้นไปห่มผ้าต่อ
เพราะมีคนมาทำบุญเป็นจำนวนมาก และมากันเรื่อยๆ การขึ้นไปห่มผ้าหลวงพ่อโตนั้น
จะต้องขอขมาลาโทษหลวงพ่อก่อนทุกครั้ง และไม่คิดด้วยว่าจะเป็นการลบหลู่แต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า
จากการเฝ้าสังเกตการทำงานของเจ้าหน้าที่ห่มผ้าพระ
พบว่าหลังจากห่มผ้าจีวรที่องค์หลวงพ่อโตเสร็จ ก็จะมาล้อมวงกันกินข้าว
จับกลุ่มคุยกันด้านล่าง ที่ตกตะลึงคือบางคนดื่มสุราในขณะทำงานด้วย
ขณะเดียวกัน มีกลุ่มเจ้าหน้าที่วัดอีกส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับการปีนป่ายขึ้นไปบนองค์หลวงพ่อโต
โดยระบุว่า ไม่เหมาะสม เพราะให้คนปีนขึ้นไปเหยียบย่ำ
และต้องขึ้นไปนั่งรออยู่บนองค์พระ เพื่อรอให้คนข้างล่างโยนผ้าขึ้นไป
การโยนเป็นในลักษณะเหวี่ยงผ้าเพื่อโชว์ คงไม่เหมาะสมที่ทำแบบนี้กับพระพุทธรูปเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองอายุหลายร้อยปี
เป็นที่เคารพของคนทั้งประเทศ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร
เพราะเห็นว่าทำกันมานานแล้ว โดยไม่มีใครกล้าทักท้วง
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า
จากการสอบถามประชาชนที่มาทำบุญในวัด บางส่วนรู้สึกเฉยๆ
กับการกระทำดังกล่าว แต่บางคนไม่เห็นด้วยที่ต้องขึ้นไปเหยียบย่ำองค์พระประธานกันทั้งวันแบบนั้น
เป็นภาพที่ไม่เหมาะสม และอาจทำให้องค์พระชำรุดทรุดโทรมได้
เพราะต้องขึ้นไปย่ำอยู่บนนั้นทั้งวัน และจากการตรวจสอบไปยังวัดมงคลบพิตร
วัดเก่าแก่คู่เมืองพระนครศรีอยุธยาอีกแห่งหนึ่ง
เกี่ยวกับการปีนขึ้นไปห่มจีวรบนองค์พระ ทราบว่าเมื่อก่อนที่วัดมงคลบพิตรก็เคยมีพิธีห่มผ้าพระในลักษณะนี้เช่นกัน
แต่ขณะนี้เลิกไปแล้ว หันไปใช้วิธีปิดแผ่นทองคำแทน
เนื่องจากถูกกระแสต่อต้านการขึ้นไปเหยียบย่ำองค์พระ
นางสมวงศ์ พินิจกิจ
เจ้าหน้าที่มูลนิธิวัดมงคลบพิตร กล่าวว่า ทำงานมากว่า
20 ปีแล้ว สมัยก่อนที่วัดมงคลบพิตรก็เคยมีพิธีห่มผ้าพระเช่นกัน
แต่ต้องเลิกเพราะกรมศิลปากรบูรณะปิดทององค์พระประธานทั้งองค์
จึงไม่ให้ใครขึ้นไปเหยียบย่ำ อีกทั้งมีกระแสพูดกันถึงเรื่องความไม่เหมาะสมที่ต้องปีนขึ้นไปบนองค์พระ
หลังจากนั้นมาทางวัดก็แก้ปัญหา ด้วยการทำพระจำลององค์เล็กขึ้นมา
เพื่อให้ประชาชนมาห่มผ้า โดยไม่ต้องปีนป่ายขึ้นไปให้เป็นภาพที่ไม่เหมาะสม
วันเดียวกัน นายสมชาย
สุรชาตรี ผู้ช่วยโฆษกสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ
กล่าวถึงการปีนป่ายองค์หลวงพ่อโตที่วัดพนัญเชิงว่า
ไม่เหมาะสม แต่เท่าที่เห็นกรรมการวัดสวมชุดขาว และกระทำด้วยกิริยาที่สงบ
หากญาติโยมที่ไปทำบุญที่วัดเห็นแล้วไม่เหมาะสม ให้ทำหนังสือแจ้งโดยตรงไปยังเจ้าอาวาส
เพื่อพิจารณาเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิก หรือส่งหนังสือมายังสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ
เพื่อจะส่งหนังสือท้วงติงไปยังเจ้าอาวาสวัดพนัญเชิง
ขอความเห็นถึงพฤติกรรมดังกล่าว หรืออาจเสนอให้พิจารณาเปลี่ยนแปลงวิธีการทำบุญซื้อผ้าห่มพระเสียใหม่
อาจเป็นการใช้รอกชักผ้าห่มพระแทน เหมือนที่ทำกันในวัดหลายแห่งที่กรุงเทพฯ
หรือทำในเฉพาะวันเข้าพรรษาเพียงอย่างเดียว
ผู้ช่วยโฆษกสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ
กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานพุทธศาสนาฯ
ไม่สามารถก้าวล่วงอำนาจของเจ้าอาวาสวัด และกรรมการวัดที่ดูแลผลประโยชน์ของวัดพนัญเชิงได้
ส่วนจะถึงขั้นตั้งกรรมการสอบสวนกรรมการวัดหรือไม่
คงไม่สามารถทำได้ เพราะไม่มีระเบียบใดกำหนดไว้ ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่วัดบางคนดื่มสุราขณะห่มผ้าองค์พระถือว่าไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง
เพราะสถานที่ในวัดหรือโบสถ์ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
อีกทั้งเป็นเจ้าหน้าที่วัดจำเป็นต้องมีศีล หากเป็นคนนำอบายมุขเข้าวัดเสียเอง
ถือว่าศีลที่ถืออยู่ขาดไป และต้องแจ้งให้เจ้าอาวาสวัดไล่ออกทันที
|