มีนิยายคติเตือนใจในทางที่จะช่วยให้คนที่มีนิสัยเจ้ากี้เจ้าการเจ้าเรื่องเจ้าราว
กลับใจได้สติ หากได้อ่านนิยายเรืองนี้ ซึ่งเรื่องเขามีว่า..
คนเดินทางคณะหนึ่งเดินทางมาจากถิ่นไกล
ครั้นมาถึงกลางย่านห่างบ้านห่างตำบล หมายถึงทางเปลี่ยวไม่มีบ้านคน
มีศาลาอยู่หลังหนึ่ง ก็พากันเข้าพักอาศัยเอนกายพักผ่อน เหตุที่เดินทางเหนื่อยอ่อนกันมา
ไม่ช้าก็พากันหลับไหล
พอตกยามดึกสงัด เปรตตนหนึ่งมันออกจากที่เร้น
มาสู่ศาลาได้พบภาพการนอนหลับคนคณะนี้เข้า เพ่งพินิจพิศดูไปเห็นหมู่มนุษย์หลับไหลไร้สติ
นอนกันด้วยท่าทางอาการไม่น่าดู มีสภาพเหมือนไม่ขีดกล่องแตก
ท่านผู้อ่านลองเอากล่องไม้ขีดบี้ให้กล่องมันแตก
แล้วก็โยนลงไปบนพื้นกระดานดูซิ จะเห็นว่าก้านไม้ขีดแต่ละก้านจะกระจัดการจายเกะกะก้าวก่ายป่ายทับกัน
ดูน่ารำคาญพิลึกละ..
ภาพคนเดินทางที่นอนรวมกันอยู่ขณะนั้นก็เข้าลักษณะเกะกะเปะปะ
สับสน ไม่น่าดู เปรตตัวนี้ออกจะแก่ระเบียบ เคร่งครัดวัฒนธรรมซักหน่อย
จึงรู้สึกทุเรศต่อภาพการนอนของมนุษย์ชุดนี้มากมัน นึกตำหนิเอาอย่างหมดความเกรงใจไม่ไว้ศักดิ์ศรีเลยที่เดียว
"โอ้
มนุษย์เอ๋ย มนุษย์ นี่มันเป็นมนุษย์มนาขึ้นมายังไง ? ทำอะไรไม่เห็นจะมีระเบียบแบบแผนชั้น
แต่จะนอนก็ปล่อยตัวให้วิกลวิการหามีวัฒนธรรมสักนิดไม่นี่แหละน้า..
เกิดมาเสียชาติเสียคิว มาชิงตัดหน้าผู้ที่เขามีวัฒนธรรมให้หมดโอกาศเกิด"
เจ้าเปรตนึกบ่น นึกเทศนากถาทุเรศมนุษย์ชุดนี้เป็นการใหญ่ ในที่สุดก็ไม่อาจจะทนดูความไร้ระเบียบของมนุษย์ชุดนี้ได้
จึงจัดแจงท่านอนของมนุษย์ให้อยู่ในระเบียบตามความคิดของมัน
คนวางตัวตามแบบแผน ดำริจิตคิดอะไร ๆ
ก็มุ่งให้มีระเบียบในหมู่ชน หากได้พบเห็นสิ่ง "ที่มีสภาพตรงกันข้ามแล้ว
ก็เกิดความผิดหวังสะเทือนใจ เป็นทุกข์อย่างสภาพสังคมของคนเรา ปัจจุบันนี้จะเป็นทางให้เกิดหวุดหวิดผิดหวังง่ายที่สุด
อย่างนักศึกษาไม่อยู่ในระเบียบไม่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่ครูบาอาจารย์
มิหนำซ้ำยังแสดงอาการหลบหลู่ดูหมิ่นเสียอีก หรือบุคคลผู้อยู่ในเครื่องแบบมีหน้าที่บริการประชาชนให้
"ความคุ้มครองปวงชน" แต่กลับมาทำตัวเป็นอันตรายต่อประชาชนจนถูกเรียกว่า
"โจรในเครื่องแบบ" อย่างนี้เป็นต้น ถ้าไม่มีใจกว้างจนยอมรับความจริงเป็นทุนอยู่แล้ว
สภาพการณ์เหล่านี้จะกลายเป็นสิ่งรบกวนใจอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ก็เพราะไม่ได้เห็นสิ่งที่ควรจะเป็นหรือน่าจะเป็นนั้นเอง
มันมักปรากฏอยู่อย่างหนึ่งว่า ความทุกข์ของคนส่วนหนึ่งมักมาจากต้องการให้ทุกสิ่งมันเป็นอย่างที่มันควรเป็น
เช่น เด็กเคารพผู้ใหญ่ คนอยู่ในเครื่องแบบมีความสุจริต ซื่อตรง มั่นคงต่อหน้าที่อย่างนี้เป็นต้น
เมื่อมันไม่เป็นอย่างที่น่าจะเป็นหรือควรจะเป็น ก็ถึงกับทนดูเห็นสภาพที่ผิดไปจากฐานที่ควรไม่ไหว
จึงระเบิดการประณามสาปแช่งออกมา อย่างนี้ก็เข้าตำราเปรตจัดหัวจัดตีนเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
ทางที่ดีต้องยอมรับว่า คนทุกคนมีอะไรไม่เท่ากัน
โดยเฉพาะสภาพจิตใจ ฉะนั้นเขาจึงทำตัวตามที่ควรไม่ได้เท่ากันไปทุกคนนี่แหละสังคมของนที่มีอะไรในชีวิตไม่เท่ากัน
มันต้องเป็นอย่างนี้
การนึกได้อย่างนี้
ทำอารมณ์วางจิตใจได้ดังนี้ ก็จะช่วยให้พ้นจากการกระเทือนประสาทและสามารถอยู่กับความไม่เรียบร้อยของสังคมได้อย่างปกติหรือทนได้
ไม่ต้องอยู่อย่างอยากจะหนีโลก หรือรังเกียจโลกซึ่งมันไม่มีผลดีแก่ตัวเองเลย
โลก หรือ สังคมที่เราเข้าไปรู้สึกชิงชัง ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงขึ้นมา
ส่วนจิตใจที่รู้สึกไม่ดีนั้นสิ กลับถูกแผดเผาให้เร่าร้อน เพราะความไม่รู้จักยอมรับของตน
เหมือนก่อไฟเผาตัวเองไม่ผิด
เขาจึงว่า ความหวังดีต่อโลกนั้นดีแน่
แต่อย่าให้เกินไปจนถึงขนาดยึดมั่นถือมั่น เพราะจะกลายเป็นความเดือดร้อน
คือมันจับลากมานอนเรียงกันที่ละคน พอเอามาเรียงกันหมดแล้ว ก็ดูหายทุเรศลงหน่อย
แต่ก็ยังมองขัดลูกนัยน์ตาอยู่อีกเพราะหัว-ตีนยังเลื่อมล้ำกันอยู่ เจ้าเปรตจึงจับดึงทางหัว
จนหัวมนุษย์แต่ละคนเรียงระดับเป็นแนวเดียวกันแล้วก็ถอยหลังไปยืนหลิ่วตามองด้านปลายตีน
แต่แล้วก็พบภาพที่ทำให้มันหงุดหงิดอีก คือทางด้านเท้าเกิดเหลื่อมล้ำกันอีกแล้ว
มันจึงจัดดึงเท้าดึงตีนมนุษย์ต่อไปเสร็จแล้วก็สบายใจ หันไปพินิจด้านศีรษะ
เอ้า ! ทางด้านศีรษะเกิดเสียระเบียบเหลื่อมล้ำกันเสียอีกแล้ว ก็ต้องดึงทางหัวอีกกลับมาดูปลายตีน
เอ้า ! ไม่เสมอกันอีกแล้วก็ต้องกลับมาดึงเท่า เฝ้าแต่ดึงหัวดึงเท้าจัดหัวจัดตีนของมนุษย์ชุดนี้อยู่อย่างนั้น
พอหัวดี ตีนเสีย พอตีนดี หัวเสีย ตกลงคืนนั้นทั้งคืน เจ้าเปรตเจ้าระเบีบบแก่วัฒนธรรมตนนี้
ก็ต้องเหน็ดเหนื่อย อดตาหลับขับตานอนยันสว่างทำงานแทบตาย แต่ประโยชน์ไม่เกิดแม้สักกะนิด
เรื่องมันก็มีอยู่เท่านี้..
การที่เปรตมันต้องลงทุนแบบสูญเปล่าไปดังนี้
จะโทษใครไม่ได้ต้องโทษเจ้าเปรตเอง คือโทษมันโง่ และมันก็โง่จริง ๆ
คือคิดทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้จะตกแต่งดัดแปลงสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ อย่างที่มันทำอยู่จะให้คนนอนมีระเบียบ
หัว-ตีน เสมอกัน มันจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อแต่ละคนนั้นตัวมันยาวสั้น-สูงต่ำไม่เท่ากัน
ไปจัดให้เสมอกันด้านหนึ่ง มันก็ไปเหลื่อมล้ำกันอีกด้านหนึ่งถ้าเจ้าเปรตมันมีความคิดสักหน่อย
ยอมรับรู้ว่า คนแต่ละคนตัวไม่เท่ากันเสียเท่านั้น การมานะดึงดันกะเกณฑ์ให้คนนอนหัวตีนเท่ากัน
ก็ จะไม่เกิดขึ้นจะไม่พยายาม ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
ตกลงว่า ความผิดก็อยู่ที่เจ้าเปรตนั่นเอง
หาใช่มนุษย์ชุดนี้ไม่ คติจากเรื่องนี้อยู่ที่ว่า
ให้คนยอมรับความเป็นจริงในสังคม
โดยเฉพาะผู้มีหน้าที่ปรับปรุงสังคมหรือย่างน้อยก็ผู้หวังดีต่อสังคมไทย
ซึ่งอยากจะเห็นสังคมอยู่ในสภาพที่ดี เช่นปรารถนาที่จะเห็นประชาชนในชาติ
ดำเนินชีวิตตั้งอยู่ในวัฒนธรรมประเพณีที่ดี

|