ชาวป่าผู้หนึ่ง
ขณะที่ตัดต้นไม้อยู่ริมลำธาร ทำขวานหลุดมือพลัดตกจมหายไป ตัวเป็นคนว่ายน้ำไม่เป็น
ครั้นจะลงไปงม ก็กลัวจะจมน้ำตาย ไม่รู้ที่จะทำประการใด ก็นั้งลงกอดเข่าร้องไห้อยู่ริมลำธาร
เทพารักษ์มีความสงสารจึงมาปลอบโยนให้หยุดร้องไห้ แล้วก็ลงไปงมเอาขวานทองขึ้นมาส่งให้เล่มหนึ่ง
ชาวป่าผู้นั้นเห็นว่าไม่ใช่ขวานของตนก็บอกว่า "ขวานของข้าพเจ้าไม่ใช่เล่มนี้"
เทพารักษ์ก็วางขวานนั้น
ลงไปงมให้ใหม่คราวนี้ถือเอาขวานเงินขึ้นมาส่งให้ ชาวป่าผู้นั้นก็ยืนยันว่า
ไม่ใช่ขวานของตนอีก ครั้งนี้เทพารักษ์งมเอาขวานเหล็กเล่มที่ทำตกน้ำขึ้นมาให้
ชาวป่าผู้นั้นดีใจยกมือขึ้นไหว้แล้วรับเอา เทพารักษ์เห็นชาวบ้านผู้นั้นเป็นคนซื่อสัตย์จึงเลยยกขวานเงินทั้งสองเล่มนั้นให้ด้วย
เมื่อกลับบ้านก็เล่าเรื่องการได้ขวานทองขวานเงินเพราะทำขวานตกน้ำให้เพื่อชาวป่าฟังทั่วกัน
ชาวป่าอีกผู้หนึ่ง อยากจะได้ขวานทองขวานเงินบ้าง ก็ฉวยขวานของตนเข้าป่าไปที่ข้างลำธารนั้น
แล้วก็เหวี่ยงขวานลงไปในน้ำ แกล้งร้องไห้คร่ำครวญอยู่ข้างลำธาร
มิช้ามินาน
เทพารักษ์ก็มาปลอบโยน แล้วดำลงไปเอาขวานทองขึ้นมายื่นให้ ถามว่า "นี่ขวานของเจ้าหรือมิใช่"
ชาวป่าคนที่สองนั้นเห็นขวานทองก็ดีใจรับตะลีตะลานรับว่าเป็นขวานเล่มที่ตนทำตกในน้ำทันทีเทพารักษ์จึงว่า
"เมื่อเจ้ารักจะประพฤติเป็นคนไม่ซื่อสัตว์สุจริตก็อย่าเอาขวานทองเล่มนี้เลย
ถึงขวานที่เจ้าทำตกน้ำข้าก็จะไม่งมให้ด้วยเหมือนกัน"
ครั้งชาวป่าคนที่สองกลับบ้าน
ก็เล่าเรื่องการไม่ได้ขวานทองซ้ำเสียขวานเหล็ก เพราะเหตุที่ใจเร็ว
ชิงบอกว่าขวานทองเป็นของตนเสียตั้งแต่แรก ฝ่ายชาวป่านอกนั้นที่ล้วนแต่อยากได้ขวานทองด้วยกันทั้งนั้น
เมื่อรู้เคร็ดลับของการจะได้ขวานทองขวานเงินมาเป็นสมบัติ โดยเพียงแต่บอกเทพารักษ์ไปตามตรงว่า
ขวานทองที่ยื่นให้ไม่ใช่ของตนเท่านั้นเองเช่นนั้น ก็ประชุมตกลงกันจับฉลากกัน
ในบรรดาผู้แสดงความจำนง จะไปทำขวานเหล็กตกน้ำเพื่อได้รับขวานทองขวานเงินจากเทพารักษ์มาไว้ในครอบครอง
ผู้จับฉลากได้หมายเลขลำดับหนึ่ง
ก็ฉวยขวานเข้าป่าไปที่ข้างลำธารแล้วก็เหวี่ยงขวานลงไปในน้ำ นั่งร้องไห้อยู่ริมฝั่ง
ตามขั้นวิธีปฏิบัติการที่ชาวป่าสองคนได้ผ่านเป็นลำดับมาแล้ว เทพารักษ์ก็มาปลอบโยนตามหน้าที่
แล้วดำลงไปเอาขวานทองมายื่นให้ คาดหมายว่าคงจะรีบตะกรุมตะกรามยื่นมือรับเหมือนรายที่สอง
แล้วเทพารักษ์ก็จะได้ขวานทองคืนไป เป็นอันหมดธุระของเทพารักษ์เพียงนั้น
แต่ปรากฏว่า รายนี้ แม้จะแกล้งโยนขวานทิ้งน้ำไปก็ไม่รับขวานทองบอกว่าไม่ใช่ของตน
เทพารักษ์ก็จำเป็นต้องวางขวานทองไว้ แล้วดำลงไป เมื่อเทพารักษ์ยื่นขวานเงินให้
ชาวป่าคนที่สามนี้ ก็บอกว่าไม่ใช่ของตนอีกนั้นแหละ เทพารักษ์ก็ดำลงไปเป็นครั้งที่สามเอาขวานเหล็กส่งให้ชาวป่านั้นจึงยอมรับ
ก็มองดูขวานทองขวานเงินเป็นการเตือนเทพารักษ์ก็จำต้องมอบขวานทองขวานเงินให้ตามประเพณีที่ทำมา
และชาวป่าผู้จับสลากหมายเลขลำดับสอง
ก็แบกขวานเข้าป่าโยนขวานนั่งร้องไห้ เทพารักษ์มาปลอบโยน เทพารักษ์ดำเอาขวานทองมาส่งให้ไม่ยอมรับ
เทพารักษ์ดำเอาขวานเงินมาส่งให้ ไม่ยอมรับเทพารักษ์ดำขวานเหล้กมาส่งให้ยอมรับ
เทพารักษ์ก็จำต้องมอบขวานโลหะมีค่า คือขวานเงินมาให้อีกชุดหนึ่งตามระเบียบ
ผู้จับสลากหมายเลยลำดับสาม
- สี่ - ห้า - หก จนถึงยี่สิบ ก็เข้าคิวกันตามลำดับ ไปโยนขวานลงน้ำ
ให้เทพารักษ์ดำน้ำสามหน แล้วแบกขวานทองขวานเงินเป็นสมบัติทั่วทุกคน
การปรากฏว่า
ขวานทองขวานเงิน ที่เทพารักษ์เบิกมาจากพระอินทร์นั้นหมดสต๊อกลง จึงรับเดินทางขึ้นไปเบิกมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง
พระอินทร์นั้นสอบถามได้ความว่าไปเสียท่ามนุษย์มาจนหมดทุน จึงสั่งย้ายให้ไปประจำการในป่าอื่นไกลออกไปมากจากหมู่บ้าน
ในป่าที่รู้เคล็ดลับเรื่องการจำหน่ายจ่ายแจกขวานทองขวานเงินนี้เสีย
แล้วย้ายเอาเทพารักษ์ที่ไม่ค่อยจะใจง่าย มาประจำแทนต่อไป
นิทานเรื่องนี้สอนเทพารักษ์ให้รู้ว่า
อย่ามาทำเล่นกับชาวป่าตัดฟืนสมัยนี้หน่อยเลย และสอนให้ชาวป่าตัดฟืนรู้ว่า
เพียงแต่พูดความจริงหน่อยเท่านั้นแม้ใจจะไม่ค่อยซื่อสัตย์ ก็ใช้ได้แล้ว
แต่ชาวป่าตัดฟืนประเภทที่แย่มากนั้นคือซื่อสัตย์ก็เปล่าและซ้ำพูดไม่จริงเสียด้วยแหละ!
|