เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ได้รับฟังมาจากคุณหมอพงษ์ศักดิ์
ตั้งคณา ท่านเล่าว่า...
มีครอบครัวหนึ่งมีอยู่ด้วยกัน ๔ ชีวิต
มีคนแก่อยู่คนหนึ่งทุกคนในบ้านเรียกว่า แม่และย่า ผู้เป็นย่าแก่เฒ่าชราป่วยเป็นอัมพาต
ต้องเป็นภาระให้กับลูกชาย ลูกสะไภ้ และหลานชาย ต้องช่วยกันปฏิบัติดูแลเอาใจใส่
ต้องป้อนข้าวป้อนน้ำ เช็ดหนักเช็ดเบา อดตาหลับขับตานอน เหน็ดเหนื่อย
เมือ่ยล้า เบื่อ เซ็ง ฯลฯ...
ในค่ำของคืนวันหนึ่ง ผู้เป็นพ่อออกปากชวนลูกชายของตัวเองว่า
"วสันต์ ลูกพ่อ ตอนนี้ดึกมากแล้ว
ไปเอาเข่งหลังบ้านมาลูก"
"เอามาทำไมหละพ่อ"
"เอามาใส่ย่าไปทิ้งแม่น้ำ ดึกมากแล้วไม่มีใครเห็นหรอกลูก"
ทั้งพ่อและลูกจัดการ จับเฒ่าชราใส่เข่ง
ถอยรถมายกเข่งขึ้นวิ่งมาพักเดียว ถอยรถจ่อแม่น้ำช่วยกันยกเข่ง เตรียมพร้อมจะโยน
ผู้เป็นลูกชายพูดกับพ่อว่า
"พ่อ พ่อ โยนแต่ย่านะ เอาเข่งไว้"
"เอาไว้ทำไมล่ะ ลูก"
"อ้าว พ่อ ... ผมก็จะเก็บเข่งใบนี้ไว้ ตอนพ่อแก่เป็นอัมพาตก็จะได้ใช้เข่งใบนี้
ใส่พ่อมาทิ้งเหมือนย่านี่ไง๊ ไหนๆ พ่อก็แก่ลงทุกวัน คงไม่นานเกินรอ
ไม่ต้องหาเข่งใบใหม่ ประหยัดดีพ่อ"
ผู้เป็นพ่อฟังลูกชายเจรจาสาธยาย เสียวแว้บเข้าไปในหัวใจ....
ผู้เขียนเคยถามนักเรียนที่มาเข้าค่ายจริยธรรมที่วัดถามว่า
"ใครกล้าโยนย่ายกมือขึ้น" ...นักเรียนเงียบกริบ...ไม่มีใครยก...
นี่แหละเรียกว่า กรรมสนองกรรม กรรมติดจรวด
ไม่ต้องรอถึงชาติหน้า ทำตัวอย่างไม่ดีให้ลูกเห็น ลูกก็เอาอย่างบ้าง
ต่อแต่นี้ไป ขอให้ผู้เป็นผู้ใหญ่ทั้งหลาย ต้องทำตัวอย่าง แบบอย่างให้ลูกหลานเยาวชนได้ดู
ได้พบเห็นแต่สิ่งที่ดีดี ให้มากๆ ไว้เถิดนะ อย่างน้อยก็ขอให้ผู้ใหญ่ทำหน้าที่สอง
อ.
อ. ที่หนึ่ง ต้องทำหน้าที่
อบรม
อ. ที่สอง ต้องให้ความอบอุ่น
ท่านเจ้าคุณพิศาลธรรมพาที พระพยอม วัดสวนแก้ว
ท่านจึงบอกว่า
"จงทำดีไว้ให้ลูก
จงทำถูกไว้ให้หลาน จะไม่ทำชั่วช้าสามานให้ลูกหลานดูถูก"
|