|  
             สมัยก่อน...หลังพุทธกาล... 
              มีเรื่องเล่าอยู่เรื่องหนึ่ง..น่าสนใจ... 
            เขาบอกว่า...หญิงชาวบ้านคนหนึ่ง...แต่งงานกับหนุ่มต่างถิ่น... 
              แต่งงานเสร็จ...ก็ไปอยู่บ้านฝ่ายชาย... 
              แรกๆ ก็ไม่รู้สึกอะไร... 
            ต่อมามีลูก... 
              พอคลอดลูกออกมา...เธอจึงเข้าใจว่า... 
              การคลอดลูกนี่มันเจ็บปวดแค่ไหน... 
              เจ็บปวด...จนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด... 
              พอลูกร้อง...อุแว้...อุแว้... 
              น้ำตาแม่ไหล... 
              แม่พึ่งเข้าใจว่า... 
              ความรักของแม่...ที่มีต่อลูก...มันยิ่งใหญ่ขนาดไหน... 
              ในนาทีวิกฤตินั้น... 
              ถ้ามีชีวิตหนึ่งที่จะต้องสิ้น... 
              แม่ยอมตาย...เพื่อให้ลูกรอด... 
            แม่รักลูกสุดชีวิต...จนสามารถตายแทนได้... 
              ถ้าลูกเป็นอะไรไป...แม่คงขาดใจตายไปพร้อมกับลูก... 
            ตอนที่ตัวเองอยู่กับพ่อแม่...ไม่เข้าใจความรู้สึกนี้เลย... 
              พอมีลูกแล้ว...ถึงรู้ซึ่ง... 
              จึงบอกกับสามีว่า... 
              จะขออนุญาตเดินทางไปเยี่ยมแม่... 
              ไปบอกให้แม่รู้...ว่าลูกเข้าใจความรักที่มีต่อลูกแล้ว... 
              และจะมาตอบแทนบุญคุณพ่อแม่... 
            สามีก็อนุญาต... 
            ในขณะที่เดินทาง...แดดจัด...อากาศร้อนมาก... 
              เธออุ้มลูกเดินทางไกล...ด้วยความเหนื่อยล้า... 
              เมื่อมาถึงริมธารน้ำ...จึงวางลูกน้อยไว้ริมตลิ่ง... 
              ตัวเองเดินลงน้ำ...วักน้ำลูบหน้า...ลูบตัว... 
              ให้เย็นสบาย...คลายร้อน...หายเหนื่อย 
            ทันทีที่สัมผัสความเย็นสบาย...ด้วยสัญชาตญาณของแม่... 
              ทันทีที่แม่มีความสุข... 
              ใจของแม่จะคิดถึงลูกขึ้นมาทันที... 
              เธอตกใจรีบหันไปมองลูก... 
            เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง...กำลังอุ้มลูกของตนวิ่งหนี...ไปต่อหน้าต่อตา... 
              นางตกใจแทบสิ้นสติ...ใจหวิวเหมือนจะขาด... 
              รีบวิ่งตามทั้งที่เหนื่อยล้าสุดกำลัง...และร้องเรียกให้คนช่วย... 
              วิ่งไล่ตามกันเข้าไปในหมู่บ้าน... 
            ชาวบ้านได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ... 
              พากันออกมาดักหน้าหญิงคนที่อุ้มเด็กไว้... 
              เมื่อแม่ตามมาทัน...ก็ยืีอแย่งลูกกัน... 
            ต่างคน...ต่างอ้างสิทธิ์ความเป็นแม่... 
              บอกว่าเด็กเป็นลูกของตน... 
              ไม่มีใครยอมใคร... 
            ชาวบ้านที่มามุงดู...ไม่มีใครสามารถตัดสินได้... 
              ทั้งสองคนมีเหตุผลน่าเชื่อ...ทั้งคู่... 
              จึงพาำแหามโหสถ...ผู้คงแก่เรียน...หรือที่เราเรียกว่า ... บัณฑิต... 
              เป็นผู้มีปัญญาล้ำเลิศ... 
              ให้ช่วยตัดสินให้... 
            มโหสถฟังเรื่องแล้ว...หัวเราะ... 
              บอกว่าสบายมาก...เรื่องนี้พิสูจน์ได้ไม่ยาก... 
              มีวิธีหาแม่ตัวจริงได้ง่าย... 
              จึงบอกให้ชาวบ้านเอาเชือกมาสองเส้น... 
            เส้นหนึ่ง...มัดไว้ที่ราวนม...ใต้แขนเด็ก... 
              อีกเส้นหนึ่ง...มัดไว้ที่รอบเอวเด็ก... 
              แล้วให้ผู้หญิงสองคน...ที่อ้างว่าเป็นแม่เด็ก...ถือเชือกไว้คนละข้าง... 
            มโหสถบอกว่า... 
              เราจะนับหนึ่ง...ถึงสาม...แล้วให็หญิงทั้งสองดึงเชือก... 
              ใครสามารถดึงเด็กไปทางด้านตัวเองได้... 
              แสดงว่า...รักเด็กมาก...มีความมุ่งมั่นที่อยากจะได้เด็กมาเป็นเจ้าของ... 
              คนนั้น...คือแม่เด็ก... 
            แล้วมโหสถก็นับ...หนึ่ง...สอง...สาม... 
              พอสิ้นเสียง...หญิงทั้งสองก็เริ่มดึงเชือก... 
              พอเชือกตึง...เด็กรู้สึกเจ็บ...ก็ร้องไห้จ้าขึ้นมาทันที... 
            พอลูกร้องไห้...แม่ตัวจริงตกใจ...สงสารลูกเหมือนใจจะขาด... 
              โยนเชือกทิ้ง...แล้วร้องไห้... 
              ผู้หญิงอีกคน...ดึงเด็กเขยื้อนไปทางตัวเองได้... 
              มโหสถจึงสั่งให้หยุด... 
            แล้วเดินไปอุ้มเด็ก...มาส่งให้กับ... 
              แม่ตัวจริง...ที่ยืนร้องไห้อยู่... 
              โดยบอกว่า... 
              ไม่มีแม่คนไหน...ทนเห็นความเจ็บปวดของลูกได้... 
              ทันทีที่ลูกร้อง...เธอโยนเชือกทิ้งทันที... 
              เธอเป็นแม่ที่ประเสริฐ...ควรได้รับโอกาสให้เลี้ยงดูเด็กคนนี้ต่อไป... 
            ชาวบ้านที่มุง...ไม่มีใครสามารถเถียงมโหสถได้... 
              ยืนน้ำตาซึมไปตามๆกัน...  
            
           |