คงยังพอจำกันได้สำหรับโครงการ
"ปฏิบัติธรรมไม่ถือเป็นวันลา" แนวคิดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
ที่เคยเสนอต่อคณะรัฐมนตรี จนได้รับความเห็นชอบไปเมื่อวันที่
20 มกราคม 2547 อนุมัติให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรม
ในเบื้องต้นให้ทดลองดำเนินโครงการเป็นระยะเวลา 1
ปี จากนั้นก็ค่อยมาว่ากันใหม่หลังจากรายงานผลการประเมิน
ว่าสมควรอนุมัติให้เป็นโครงการระยะยาวเวลา 1 ปี
จากนั้นก็ค่อยมาว่ากันใหม่หลังจากรายงานผลการประเมิน
ว่าสมควรจะอนุมัติให้เป็นโครงการระยะยาวต่อไปหรือไม่
ซึ่งตลอดปี 2547 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากเหล่าบรรดาข้าราชการเป็นอย่างมาก
เพราะนอกจากจะได้ไปปฏิบัติธรรมโดยไม่ถือเป็นวันลาแล้ว
ยังได้มีการหยิบยกประเด็นเรื่องการปฏิบัติธรรมเพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงานขึ้นมานำเสนอ
โดยถือเป็นเงื่อนไขให้ผู้ที่จะเลื่อนตำแหน่งต้องผ่านการปฏิบัติธรรมตามโครงการ
ใครไม่เข้าร่วมอาจเสียเปรียบเพราะคุณสมบัติไม่ครบถ้วน
อะไรประมาณนั้น
ปัจจุบันได้ผ่านช่วงที่คณะรัฐมนตรีให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติทดลองดำเนินงานไปเรียบร้อยแล้ว
ปรากฏว่าโครงการปฏิบัติธรรมโดยไม่ถือเป็นวันลาได้เงียบหายไป
จนบัดนี้เวลาล่วงมาจวนจะครบ 2 ปีอยู่อีกแค่ไม่กี่เดือน
หลายคนห่วงใยว่าโครงการปฏิบัติธรรมอันบรรเจิดสรุปแล้วมีทีท่าว่าจะรอดหรือร่อแร่
จะอยู่หรือจะยุบ จดจ่อรอลุ้นทั้งหลวงพ่อหลวงพี่
ส่วนเจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการ
ต่างบอกเล่าความรู้สึกในทำนองเดียวกัน ภายหลังได้ปฏิบัติธรรมว่าต้องการให้โครงการลักษณะนี้ดำเนินการต่อไป
เพราะพบว่าจิตใจผ่อนคลายเกิดความสงบและมีอารมณ์มั่นคง
เข้าใจในกฎแห่งกรรมและจะมุ่งปฏิบัติตนตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
มีความตั้งใจที่จะปฏิบัติงานในฐานะที่เป็นบุคลากรขององค์กรอย่างเต็มกำลังความสามารถ
มีความอดทนอดกลั้นต่อสภาวะที่เกิดจากความกดดันจากการทำงาน
จนเมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจึงได้จัดประชุมประเมินผลโครงการปฏิบัติธรรมฯ
ณ วัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม เพื่อพิจารณาหารือเกี่ยวกับการรายงานผลการประเมินโครงการปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
"ปฏิบัติธรรมโดยไม่ถือเป็นวันลา" ขณะนี้ได้ปรากฏออกมาเป็นเอกสารฉบับสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว
โดยคณะผู้ประเมินผลจากวิทยาลัยการบริหารรัฐกิจ มหาวิทยาลัยบูรพา
เอกสารฉบับนี้พร้อมจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง
เพื่อพิจารณาและตัดสินใจได้ว่าโครงการปฏิบัติธรรมโดยไม่ถือเป็นวันลาคุ้มค่ากับการลงทุน
เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาสังคมและประเทศชาติมากน้อยเพียงใดหรือไม่
พระเถรานุเถระที่ร่วมประชุมต่างแสดงความคิดเห็นพ้องกันว่า
แม้งานด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และการฝึกอบรมปฏิบัติธรรมให้แก่ประชาชนจะเป็นหน้าที่ของพระสงฆ์โดยปกติอยู่แล้ว
แต่สิ่งสำคัญที่เกื้อกูลกันคือการดำเนินงานในเชิงนโยบายของภาครัฐ
ที่ต้องอาศัยความจริงจังที่จะนำหลักธรรมในพระพุทธศาสนามาเป็นแนวทางในการพัฒนาคนและประเทศชาติ
มีความต่อเนื่องไม่ทำแบบหยุดๆ หย่อนๆ ซึ่งแน่นอนว่านั่นจะไม่ใช่โครงการปฏิบัติธรรมแบบบังคับ
"ชาตินี้ครั้งเดียว"
ชาวพุทธจะมีโอกาสได้เห็นภาพสังคมแห่งการปฏิบัติธรรมแบบ
"ตลอดปีตลอดชาติ" เกิดขึ้นในประเทศไทยให้สมกับที่เป็นเมืองพุทธ
มีพุทธมณฑลเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลกหรือไม่
เอกสารรายงานผลการประเมิน...เล่มนั้น...ช่วยได้หรือช่วยไม่ได้
โครงการจะอยู่หรือยุบ ผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจเท่านั้นที่จะให้คำตอบ
|