นายสมเจตน์ กราบทูลคำประกาศเกียรติคุณแด่สมเด็จพระสังฆราช ว่า พระองค์ทรงเป็นพระประมุขแห่งคณะสงฆ์ไทย ทรงเป็นนักการศึกษาและนักบริหารการศึกษาที่มีความเป็นเลิศ เป็นแบบอย่างแก่คนทั่วไป ในระยะเวลาที่ผ่านมากว่า 40 ปี ทรงมีพระกรณียกิจมากมาย ทรงมีผลงานวิชาการด้านพระพุทธศาสนาไม่น้อยกว่า 150 เรื่อง ทรงเป็นทั้งครูผู้อบรมสั่งสอน ทรงดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการการศึกษาและเจ้าอาวาสวัด ทรงเผยแผ่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์อย่างกว้างขวางต่อชาวไทยและต่างชาติ กอปรกับในปี พ.ศ.2548 ทรงมีพระกรุณาธิคุณอย่างสูงยิ่งต่อชาวมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ที่ประทานนามพระพุทธรูปประจำมหาวิทยาลัยว่า "พระเจ้าศรีโสภณสัตตนาคสิริราชภัฏมหาสารคาม" อันเป็นที่สักการะแก่ชาวมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามและพุทธศาสนิกชนทั่วไป

"จากพระเกียรติประวัติและผลงานที่ทรงคุณค่าเป็นเอนกอนันต์ สภามหาวิทยาลัยมหาสารคาม จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ขอน้อมทูลถวายปริญญาครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต กิตติมศักดิ์ สาขาการบริหารการศึกษา แด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เพื่อเป็นพระเกียรติประวัติและนำมาซึ่งสิริมงคลอันสูงสุดแก่มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามสืบไป" รศ.สมเจตน์ กล่าว

จากนั้น นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ได้ทูลถวายปริญญาบัตร ทูลถวายชุดครุย พระสงฆ์จำนวน 10 รูป เจริญพุทธมนต์ โดยสมเด็จพระสังฆราช ประทานคำอวยพรว่า "ขออนุโมทนาในกุศลเจตนาที่ท่านทั้งหลายได้มาพร้อมกัน เพื่อแสดงไมตรีจิตและอวยพรแก่อาตมาภาพครั้งนี้ ขอทุกท่านทุกฝ่ายจงประสบสิ่งอันพึงประสงค์ทั้งปวง โดยธรรมทั่วกัน และทรงกล่าว "อภิวาทนสีลิสสะ นิจจัง วุฑฒาปจายิโน จัตตาโร ธัมมา วัฑฒนติ อายุ วัณโณ สุขัง พลัง" ด้วยพระสุรเสียงอันแจ่มใส พร้อมกับประทานหนังสือที่ทรงพระนิพนธ์และของที่ระลึกแก่คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ก่อนเสด็จกลับ