ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร แจ้งว่า
หน้าบันวัดคูยาง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร จำนวน 2 ชิ้น
ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนโจรกรรมไป ตั้งแต่วันที่ 8
ก.ค.ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบโดยกลุ่มทะเบียนโบราณวัตถุ
ศิลปวัตถุ พบว่า หน้าบันจำนวน 1 ใน 2 ชิ้น ได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณวัตถุ
ศิลปวัตถุ ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 122 ตอนที่
69 ง วันที่ 22 สิงหาคม 2548 หน้าบันวัดคูยางชิ้นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมีขนาดกว้าง
237 เซนติเมตร สูง 191 เซนติเมตร หนา 47 เซนติเมตร
อายุราวพุทธศตวรรษที่ 25 ศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์
วัสดุไม้ประดับกระจกสี ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมแกะสลักลวดลายพันธุ์พฤกษาและลายก้านต่อดอก
ลวดลายยังคงความงดงามวิจิตรบรรจงอย่างยิ่ง สภาพชำรุด
สึกกร่อนกระจกสีหลุดล่อนตามกาลเวลา ได้ประกาศขึ้นทะเบียนเนื่องจากเป็นงานวิจิตรศิลป์ที่งดงามด้วยฝีมือช่างชั้นสูง
ลวดลายวิจิตรบรรจง อ่อนช้อยอย่างยิ่ง
นายสมัย เชื้อทอง
หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกำแพงเพชร เปิดเผยว่า
หน้าบันของวัดคูยาง 1 ในหลายชิ้นได้หายไปเมื่อหลายเดือนก่อน
ซึ่งทางวัดได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้ว
โดยหน้าบันชิ้นที่ถูกลักขโมยยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนต่อกรมศิลปากร
แต่ได้รายงานเรื่องดังกล่าวไปที่กรมศิลปากร กรุงเทพฯ
เนื่องจากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานาน
เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรเห็นว่าวัตถุโบราณที่ชาวบ้านมีไว้ในครอบครองเป็นสิ่งมีคุณค่า
เสี่ยงต่อการถูกโจรกรรม ได้แนะนำว่าควรนำมาขึ้นทะเบียน
และเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ แต่ชาวบ้านเกรงว่าการขึ้นทะเบียนสิ่งของจะสูญเสียสิทธิ์ในการครอบครอง
แต่หากโบราณวัตถุดังกล่าวถูกโจรกรรมคงเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก
ด้านนายเขมชาติ เทพไชย
ผู้อำนวยการสำนักโบราณคดี กรมศิลปากร กล่าวว่า ขอฝากเตือนเจ้าของวัตถุและโบราณสถานที่มีไว้ในครอบครองว่าควรถ่ายรูปและจัดทำทะเบียนส่วนตัวเอาไว้ด้วย
เมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และกรมศิลปากรจะได้ตามหาได้ง่ายขึ้น
หากสิ่งของหรือโบราณสถานใดยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับทางกรมศิลปากร
ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ไปตรวจสอบ และขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง
เพื่อทำให้การตามหาง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม หากผู้ใดพบเห็นหน้าบันวัดคูยาง
อ.เมือง จ.กำแพงเพชร จำนวน 2 ชิ้น ที่มีลักษณะคล้ายกับข้อมูล
โปรดแจ้งไปที่ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร
โทร. 0-2628-5034 ต่อ 314, 315
|