น.พ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์
ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)
เปิดเผยว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี
ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้สอบถามถึงคดีฆ่าพระสุพจน์
สุวโจ พระนักอนุรักษ์ที่สำนักปฏิบัติธรรม อ.ฝาง
จ.เชียงใหม่ โดยความคืบหน้าของคดีดังกล่าวนั้น ตนได้นิมนต์พระกิตติศักดิ์
กิตติโสภโณ ประธานกลุ่มเสขิยธรรม หนึ่งในทีมงานและพระภิกษุผู้ใกล้ชิดกับพระสุพจน์มาให้ข้อมูลต่อนายจาตุรนต์
เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ณ พุทธมณฑล จ.นครปฐม
แต่เนื่องจากนายจาตุรนต์ติดภารกิจราชการ จึงได้ส่งนายอุดม
ไกรวัฒนุสสรณ์ รองเลขาธิการฝ่ายการเมือง สำนักนายกรัฐมนตรี
และเลขานุการนายจาตุรนต์ ให้เดินทางมารับข้อมูลแทน
โดยใช้เวลาหารือกันนานกว่า 1 ชั่วโมง พระกิตติศักดิ์จึงได้เดินทางกลับและไม่เปิดเผยถึงการหารือแต่อย่างใด
เนื่องจากอาจมีผลต่อรูปคดี
น.พ.จักรธรรม กล่าวต่อว่า
ในส่วนของสำนักพุทธฯ จะไม่เข้าไปดำเนินการในทางคดี
แต่จะดูแลในส่วนญาติของพระสุพจน์ ส่วนการดูแลพระกิตติศักดิ์
ทราบว่าได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม 4 นาย
พร้อมกับเจ้าหน้าที่จากกระทรวงยุติธรรม คอยอารักขาความปลอดภัยให้น่าจะเพียงพอแล้ว
ทราบว่าในเร็วๆ นี้ พระกิตติศักดิ์จะเดินทางไปจำพรรษาที่สำนักปฏิบัติธรรม
จ.เชียงใหม่ ซึ่งก็น่าเป็นห่วงเพราะรูปคดียังไม่มีความคืบหน้า
แต่ตัวท่านเองบอกว่าไม่กลัวและยืนยันจะไปจำพรรษาที่จ.เชียงใหม่
และในกลุ่มของท่านมองว่าการมรณภาพของพระสุพจน์ถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของวงการคณะสงฆ์
วงการพระนักพัฒนา ผู้ที่กระทำการฆ่าพระอาจจะไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไรลงไป
แต่ท่านไม่ได้ปักใจ ตำหนิใคร เพียงแต่อยากจะให้ดำเนินการคดีให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
ผลจะออกมาอย่างไรรับได้
ด้านนายอุดม เปิดเผยว่า
จากการที่ได้รับฟังข้อมูลทางพระกิตติศักดิ์พบว่าขณะนี้คดีสังหารพระสุพจน์
ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด เท่าที่ทราบข้อเท็จจริงจากชาวบ้านข้างสำนักปฏิบัติธรรม
ส่วนใหญ่พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในด้านข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่
แต่ปรากฏว่านับแต่เกิดคดีฆ่าพระสุพจน์ขึ้นจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาเกือบ
1 เดือนแล้ว ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกชาวบ้านหรือพระใกล้ชิดไปให้ปากคำแต่อย่างใด
ข้อนี้เป็นที่น่าสงสัย ทางพระกิตติศักดิ์จึงแสดงความเป็นห่วงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเกี่ยวกับคดี
จึงได้รวบรวมข้อมูลที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมามอบให้ในวันนี้
ก่อนที่ตนจะนำข้อมูลไปเสนอต่อนายจาตุรนต์ เพื่อเร่งประสานกับกระทรวงยุติธรรม
ให้มีความคืบหน้าในคดีโดยเร็วที่สุด เพราะเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจมาก
"ข้อมูลที่ได้จากพระกิตติศักดิ์ได้แก่ประวัติส่วนตัว
ประวัติการทำงานของพระสุพจน์ ข้อมูลความเป็นมาตั้งแต่เกิดเหตุ
ซึ่งถือเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี พระกิตติศักดิ์ได้ร้องขอความเป็นธรรมด้วย
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายต้องการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ
(ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม รับไปดำเนินคดีต่อเนื่องจากเห็นว่าตำรวจในพื้นที่อาจจะทำงานไม่สะดวก
ถ้าได้ตำรวจจากส่วนกลางไปดำเนินงานน่าจะทำให้เกิดความคลี่คลายขึ้น
คิดว่าหากรองจาตุรนต์ฯ เข้าไปช่วยเร่งดำเนินคดีน่าจะได้ข้อสรุปในระดับ"
นายอุดม กล่าว
|