เมื่อวันที่ 16 พ.ค. รายงานข่าวจากกองสมุดสมเด็จฯ
กรมพระยาดำรงราชานุภาพ แจ้งว่า ภายหลังจากที่มีการเสนอข้อคิดเห็น
กรณีหอสมุดสมเด็จฯ เชิญชวนประชาชนร่วมใจรณรงค์อัญเชิญมงคลนามพระราชทาน
"สยาม" กับมาใช้เรียกคู่กับ "ประเทศไทย"
ในศุภวาระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ
60 ปี ในปีพ.ศ.2549 เฉกเช่นกับนานาอารยประเทศที่เก่าแก่
ที่ประชาชนในชาติจะเรียกชื่อประเทศของตนกันติดปากได้มากกว่า
1 ชื่อ อาทิ อเมริกา หรือยูไนเต็ด สเตท, อิงแลนด์ หรือเกรท
บริเตน, สวิตเซอร์แลนด์ หรือเฮลวีเทีย, ฮอลแลนด์ หรือเนเธอร์แลนด์,
และเจแปน หรือนิปปอน เป็นต้น
รายงานข่าวแจ้งต่อว่า ขณะนี้ปรากฏผลการแสดงข้อคิดเห็นเข้ามายังหอสมุดฯ
เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการนำชื่อพระราชทานสยาม
กลับมาใช้ หลายคนก้าวไปไกลถึงขั้นเห็นควรปรับเปลี่ยนชื่อประเทศไทย
กลับไปเป็นสยาม เพราะเพิ่งทราบว่าในรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสมคราม
เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้กำหนดชื่อประเทศไทย ขึ้นเอง ท่ามกลางการคัดค้านจากผู้คนจำนวนมาก
สำหรับข้อคิดเห็นของประชาชนที่เห็นควรปรับเปลี่ยนชื่อกลับไปเป็นสยามนั้น
จำแนกได้ดังนี้
1.สยามเป็นชื่อพระราชทานจากในหลวงรัชกาลที่
4
2.เป็นชื่อบ่งบอกถึงความเป็นชาติที่เก่าแก่ และมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน
3.เป็นชื่อที่มีความไพเราะ และให้ความหมายถึงแผ่นดินที่มีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข
4.เป็นชื่อที่ครอบคลุมชนทุกเชื้อชาติศาสนาที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของในหลวง
5.เพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6 "สยามมานุสติ"
บ่งบอกถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง และความภาคภูมิใจของสยามประเทศ
และประชาชนทั้งแผ่นดิน
6.เห็นควรใช้ชื่อสยามควบคู่กับประเทศไทยตลอดไป
|