นายสุเมธ
ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา
บรรยายพิเศษเรื่อง "บทบาทพระพุทธศาสนากับการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น"
ว่าปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นหรือการฉ้อราษฎร์บังหลวง เป็นปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดของสังคมไทยในปัจจุบัน
รากเหง้าของการทุจริตคอร์รัปชั่นได้ฝังลึกลงไปสู่สังคมทุกภูมิภาค เพิ่มปัญหาทั้งปัญหาการเมือง
สังคม และเศรษฐกิจ พระภิกษุในฐานะผู้เผยแพร่หลักธรรมทางพุทธศาสนา ควรจะต้องหาแนวทางการนำหลักธรรมทางพุทธศาสนามาช่วยแก้ไขปัญหาการทุจริตให้ลดน้อยลงหรือบรรเทาเบาบางลง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีความห่วงใยต่อปัญหาการคอร์รัปชั่นเป็นอย่างยิ่ง
โดยทรงเห็นว่าปัญหาดังกล่าวจะนำอันตรายมาสู่ประเทศไทย ทรงเรียกร้องให้ยุติการทุจริต
โดยใช้วิธีการที่เหมาะสมในการเผยแพร่อบรมศีลธรรมแก่บุคคลต่างๆ ปราการสำคัญในการต้านการทุจริต
คือจริยธรรมและคุณธรรมประจำใจ เป็นเรื่องของอุปนิสัย เรื่องของการอบรม
ซึ่งเป็นผลผลิตของกระบวนการระยะยาว ไม่เพียงแต่จะอบรมศีลธรรมแก่เด็กเพียงอย่างเดียว
ผู้ใหญ่ในสังคมต้องทำให้ดูเป็นตัวอย่างด้วย
นายสุเมธกล่าวต่อว่า การอบรมสั่งสอนโดยใช้หลักพุทธศาสนา
ต้องเผยแพร่ต่อชาวไทยทุกคน ทุกสาขาอาชีพให้ปฏิบัติตาม โดยใช้สื่อต่างๆ
องค์กร สมาคมที่เผยแพร่หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา สื่อบุคคล ได้แก่ พระสงฆ์
พ่อแม่ ครูอาจารย์ ผู้ใหญ่ที่เป็นที่นับถือของคนทั่วไป สื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ
และที่สำคัญ คือ การเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนต่างๆ ให้ปฏิบัติตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาและธรรมะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน
อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาการทุจริตด้วยหลักธรรมทางพุทธศาสนาเป็นสิ่งจำเป็น
แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาควบคู่กันไปด้วย คือการเสริมสร้างกลไกโครงสร้างในระดับป้องกันให้มาก
กฎหมายเป็นกลไกสำคัญอย่างหนึ่งในการกำกับดูแลป้องกัน
"การเสริมสร้างกลไกใหม่ๆ เพื่อแก้ไขปัจจัยเก่าที่สนับสนุนให้เกิดการฉ้อราษฎร์บังหลวง
ให้การกระทำทุจริตทำได้ยากขึ้น เสี่ยงมากขึ้น เสี่ยงในทางกฎหมายและเสี่ยงในชื่อเสียงฐานะของตนเองในสังคม
ที่เรียกว่า Social Sanction แต่ในสังคมไทยไม่มีกระบวนเหล่านี้ คนที่ยิ่งร่ำรวย
ยิ่งมีหน้าตา ทั้งๆ ที่เรารู้ แต่ก็ไม่มีใบเสร็จว่าความรวยของคนๆ นั้นมีที่มาอย่างไร
เป็นมาอย่างไร อัตราเสี่ยงแทบไม่มี เราต้องมีกลไก มีมาตรการที่จะทำให้ความเสี่ยงมีมากขึ้น"
เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนากล่าว
|