ผู้ประสบภัยจากคลื่นยักษ์
สึนามิ เป็นส่วนหนึ่งของประชากรในประเทศไทย ที่กำลังประสบปัญหาทั้งทางด้านร่างกายและทางด้านจิตใจ
รวมถึงทรัพย์สินเงินทอง และการสูญเสียที่สำคัญคือ การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักในครอบครัว
ถือว่าเป็นการสูญเสียอย่างยิ่งใหญ่ ที่ทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชน รวมทั้งหน่วยงานองค์กรต่างๆ
เข้าร่วมกันช่วยเหลือดูแลประชากรผู้ประสบภัย
พระเทพโสภณ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.)
กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้นำคณะผู้บริหาร คณาจารย์ และเจ้าหน้าที่
ไปเยี่ยมนิสิต มจร. ที่ไปปฏิบัติศาสนกิจ ณ สำนักสงฆ์บ้านน้ำเค็ม อำเภอตะกั่วป่า
จังหวัดพังงา ที่มหาวิทยาลัยส่งไปช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจผู้ประสบภัย ตั้งแต่วันที่
31 ธ.ค. พ.ศ.2547 จนถึงปัจจุบัน ได้ส่งนิสิตไป 3 ชุด และล่าสุดได้จัดส่งนิสิตรุ่นทื่
4 เพื่อผลัดเปลี่ยนลงพื้นที่ในเขตจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดพังงา วัตถุประสงค์ที่ได้จัดส่งนิสิตลงไปฟื้นฟูสภาพจิตใจชาวบ้านที่ประสบภัย
คือช่วยเหลือฟื้นฟูจิตใจประชาชนผู้ประสบภัยให้มีกำลังใจในการเผชิญกับปัญหาอุปสรรค
และประชาชนสามารถนำหลักธรรมที่พระนิสิตลงไปเผยแผ่นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
ส่วนในเรื่องการปฏิบัติงานในพื้นที่ จะจัดแบ่งคณะทำงานออกเป็น 7 ทีม
เป็นทีมให้การปรึกษาฟื้นฟูจิตใจเพื่อกระจายความสามารถในการทำงานได้อย่างคล่องตัว
และสามารถประยุกต์หลักธรรมจิตวิทยา ตามแต่ละสถานการณ์ต่างๆ ตามความเหมาะสม
เก็บข้อมูลที่ได้จากการลงพื้นที่ ประเมินข้อมูลที่ได้จากการเก็บรวบรวมข้อมูลในการลงพื้นที่
วินิจฉัย ข้อมูลที่ได้ตามกระบวนการทางจิตวิทยา เพื่อหาสาเหตุและหาแนวทางแก้ไขเมื่อพบปัญหา
และทำการสรุปผลจากการให้คำปรึกษา และฟื้นฟูจิตใจผู้ประสบภัย
อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณฯ กล่าวถึงผลที่คาดว่าจะได้รับในการลงไปฟื้นฟูสภาพจิตใจว่า
ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยพิบัติมีสุขภาพและจิตที่ดีขึ้น
สามารถสร้างความสามัคคีการมีส่วนร่วมระหว่างพระกับชาวบ้าน ประชาชนได้รับความสะดวกด้านที่อยู่อาศัยและการบริหารจัดการอื่นๆ
จากองค์กรคณะสงฆ์ และได้พัฒนาวิถีชีวิต คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตามกระบวนการหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง
พระมหา ดร.ประยูร ธีรวํโส ประธานที่ปรึกษาหน่วยฟื้นฟูจิตใจ
กล่าวว่า ในการดำเนินงานช่วยเหลือฟื้นฟูจิตใจผู้ประสบภัยจากคลื่นยักษ์
สึนามิ ตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค. 48 ถึงวันที่ 1 ก.พ. 48 อาตมาได้เป็นประธานที่ปรึกษาคณะทำงานหน่วยฟื้นฟูจิตใจชุดที่
4 ได้วางแผนในการดำเนินงานออกเป็น 4 ฝ่ายด้วยกัน คือ ฝ่ายการให้คำปรึกษา
ฝ่ายมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายธรรมะบันเทิงสู่เยาวชน ฝ่ายวิทยุสื่อสารมหาจุฬาฯ
สู่มวลชน คณะทำงานได้วางแผนการให้คำปรึกษาแก่ผู้ประสบภัย โดยดำเนินงานตามขั้นตอนหลักการทฤษฏีทางจิตวิทยา
ประยุกต์ใช้กับหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา มีการทำแบบฟอร์มบันทึกการสังเกต
การทดลองและการสัมภาษณ์เป็นต้น ในการให้คำปรึกษาตามศูนย์พักพิงชั่วคราวต่าง๐
รวมผู้ประสบภัยที่มาขอคำปรึกษาและได้ให้คำปรึกษาแล้วประมาณ 200 คน
ผู้ประสบภัยที่ควรติดตามให้คำปรึกษา 50 คนผู้ประสบภัยที่มีปัญหาทางจิตที่ควรดูแลหรือส่งต่อให้เจ้าหน้าที่อีก
20 คน
ประธานที่ปรึกษาหน่วยฟื้นฟูจิตใจ กล่าวต่อว่า ผลการดำเนินงานจากการวิเคราะห์เชิงสถิติจำนวน
100 คน จากผู้ประสบภัยทั้ง 16 ศูนย์พักพิง มีผลเฉลี่ยตามนัยสำคัญทางสถิติ
69 เปอร์เซ็น เกณฑ์เฉลี่ยอยู่ในระดับที่ดี ส่วนปัญหาที่ยังพบอยู่ในขณะนี้
คือ ประชากรมีการย้ายเข้าออกอยู่ตลอดเวลา ทำให้ยากต่อการทำงาน และติดตามผล
ส่วนสภาพจิตใจลึกๆ ของผู้ประสบภัย ยังคงมีความหวาดวิตก และเสียใจต่อการจากไปของบุคคลอันเป็นที่รักในครอบครัว
ควรให้กำลังใจและช่วยเหลือทางด้านจิตใจอย่างต่อเนื่อง ผู้ประสบภัยบางส่วนขาดแนวทางในการดำเนินชีวิต
และควรมีพระสงฆ์อยู่ประจำในแต่ละศูนย์พักพิง เพื่อให้การช่วยเหลือในเรื่องของ
พิธีกรรม และทางด้านจิตใจ เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้ประสบภัย
|