ครับในครั้งก่อน
ท่านพระมหานพดล ท่านได้มาจบลงตรงสาราณียธรรม คือ ธรรมที่เราควรกระทำไว้ในใจ
..ส่วนท่านใดจะรับอาสาทำดูคนละข้อ สองข้อก็เชิญนะครับ หรือจะทำได้หรือไม่ได้
ก็ขึ้นอยู่กับตัวของท่านแล้วล่ะ
(ต่อ)
..ขอให้เชื่อมั่นว่า ไม่มีอะไรเลวร้ายไปหมดอย่าเพิ่งตกอก ตกใจในความเปลี่ยนแปลงในตัวลูกหลานของท่านเอง
เพราะนั่นเป็นพฤติกรรมชั่วคราวที่มักปรากฏในหมู่วัยรุ่น ทุกอย่างต้องเปลี่ยนแปลงตามกฎของธรรมชาติอยู่แล้ว
คือไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา หาตัวตนเที่ยงแท้ไม่ได้ ทุกอย่างต้องมีการแปรเปลี่ยนสภาพตามเหตุปัจจัย
และตามกาลเวลา เพียงแต่ผู้ใหญ่จะต้องคอยสังเกตดูพฤติกรรมของเขา แล้วปรับให้พอเหมาะพอดี
ในกรอบแห่งเหตุผลที่ต้องอยู่บนสัมมาทิฏฐิ(การเห็นถูก เห็นควร) และบางครั้งก็ต้องหัดทำใจหากเขาไม่เป็นไปดังใจเรา
ดังที่เราคิดคาดหวังไว้ เพราะแท้ที่จริงแล้วเขาก็คือ เขา เราก็คือ
เรา ต่างคนต่างมีกรรมเป็นของตัวเอง หากเราช่วยเหลือที่สุดแล้ว เราก็ต้องปล่อยวางสักระยะหนึ่ง
ให้เวลาและประสบการณ์สอนเขา ให้บทเรียนช่วยพัฒนาเขาให้ก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้ใหญ่ที่ดี
มีเหตุผล ใจเย็นเป็นสุขได้ด้วยตนเอง รู้จักพึ่งตนเอง และเราเป็นเพียงผู้ให้กำลังใจ
ถามไถ่บ้าง ในยามที่เขาเป็นปกติสุข ดำเนินชีวิตไปได้ด้วยตนเอง ชื่นชมในคราวที่เขาทำดี
และประสบความสำเร็จในสิ่งต่าง ๆ แม้จะเล็กน้อยก็ตาม และพร้อมเสมอที่จะเป็นพ่อ
เป็นแม่ เป็นพี่ เป็นเพื่อน และเป็นทุก ๆ อย่างที่ดีที่เขาปรารถนาด้วยกระแสแห่งน้ำใสใจจริงอย่างไม่ขาดสาย
เขาผิดพลาดสักกี่ครั้ง เศร้าทุกข์ระทมมาสักกี่หน เมื่อเขาหันหน้ามาหาเรา
เราพร้อมที่จะหยิบยื่นให้อภัย ให้รอยยิ้ม ให้กำลังใจ และอ้าแขนโอบรับเขากลับมาสู่ความเป็นมนุษย์
เช่นเดียวกับเราที่ปรารถนาความสุข ไม่ปรารถนาความทุกข์ เพราะรู้ดีว่าไม่มีใครสมบูรณ์ในตัวเอง
การให้เป็นการได้มาซึ่งสุข และความเบิกบานใจที่เป็นอมตะ เป็นยาใจที่ประสานสังคม
และประชาคมโลกมิให้แตกสลายกลายเป็นสงครามล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยกันดังพระบาลีที่ว่า
"โลโกปัตถัมภิกา เมตตาความรักที่ปรารถนาดีต่อกันนั้นช่วยค้ำจุนเกื้อหนุนสร้างสันติภาพให้โลกงดงาม
น่าอยู่อาศัย"
และดังมีพระราชดำรัสที่
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงผู้เป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย
ได้พระราชทานไว้ให้พสกนิกรชาวไทยว่า " ให้ชาวไทยรู้รักสามัคคี
"
รู้
คือ การศึกษา และปัญญา พิจารณาทุกอย่างด้วยเหตุผล
รัก
คือ เมตตากรุณา ใน พรหมวิหารธรรม 4 ที่มีต่อกันอย่างไม่เสื่อมคลาย
ไม่เลือกถือปฏิบัติแบบชาติชั้นวรรณะ และตามหลักสาราณียธรรม 6 ประการข้างต้น
สามัคคี
คือ การร่วมแรงร่วมใจกันปฏิบัติหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดตามหลักของทิศ
6 ให้ประสานสอดคล้องไปด้วยกัน ในกรอบกติกาสังคมเดียวกันจึงจะทำให้กิจการของครอบครัวมั่นคง
ครอบครัวมีความอบอุ่น เมื่อครอบครัวอบอุ่น สงบ เย็นเป็นสุขมั่นคงแล้ว
ก็จะขยายไปสู่ สังคม ชุมชน ประเทศชาติ และประชาคมโลกได้ในที่สุด
ข้อสำคัญ ให้เราเข้าใจ และยอมรับความจริงว่า นี่คือ เด็กไทย ลูกหลายไทย
ยังไง ๆ เขาก็ลูกหลานเรา แม้เขาจะเป็นเด็กไทยพันธุ์ใหม่ ยุค 2002 ก็ตาม
เขาก็คือ ลูกหลานเลือดเชื้อไทย เราจะปฏิเสธ ด่าว่า ประจาน รังเกียจ
ทอดทิ้ง พวกเขา ก็เท่ากับเราพากันประจานความเป็นคนไทยเราเอง ที่ไม่สามารถสั่งสอนลูกหลานตนให้เป็นเด็กไทยที่ดีเพียงพอ
ได้ดั่งที่ใจของเราคาดหวังไว้ หรือว่าเรายังจะต้องปรับใจเราให้เป็นพ่อ
แม่ พันธุ์ใหม่ ในยุคโลกาภิวัตน์ เพื่อให้สอดคล้องกับเด็กยุคนี้กระนั้น
หรือ ?
|