ทางเลือกของการบำเพ็ญเพศฆราวาส
ทางเลือกของการบำเพ็ญเพศฆราวาส
ยกตัวอย่าง ท่านหนึ่ง ที่เป็นฆราวาส ที่บำเพ็ญ แล้วมีชะตาชีวิต และให้เลือก จะมี ๓ ทางให้เลือก
๑. ไม่เอาทางครอบครัว ให้มุ่งสู่การปฏิบัติ
๒. มีครอบครัว แล้วก็บำเพ็ญด้วย เป็นการแบ่งครึ่ง
๓. ไม่เอาบำเพ็ญเลย ไปทางครอบครัวอย่างเดียว
มี ๓ ทางให้เลือก
ผลก็คือ ถ้าเอาอย่างที่ ๓ ชาตินี้ก็เดือดร้อน ชาติหน้าก็เดือดร้อน
ถ้าเอาข้อที่ ๒ ก็สามารถเจ๊ากันได้ มีสร้างกุศลได้ แล้วแต่เราจะจัดสัดส่วน แล้วแต่ว่าจะเอา ๗๐ : ๓๐ หรือ ๖๐ : ๔๐
และจะออกบวชไม่ได้ด้วย
เพราะอะไรถึงบวชต่อไม่ได้ เพราะเหตุวิบาก จะถูกขัดขวางด้วยกรรมเก่า โอกาสก็จะถูกทำลาย คือ เราจะไม่ออกบวช แต่บำเพ็ญ
ถ้าหากว่าบวช ก็จะมีเส้นทางให้สะดุดอยู่เรื่อย
แต่ถ้าอยากไปบวช ก็ต้องเคลียร์วิบากให้จบ แล้วถึงจะไปบวชได้ แต่เป็นการไปบวชเพื่อตาย เป็นการบวชครั้งสุดท้ายเพื่อเข้าสู่ธรรม
เมื่อพิจารณาแล้ว วิถีเส้นทางที่ ๒ จะเหมาะสมที่สุดสำหรับเขา เพราะวิถีแรก ตัวเขาเองก็คงรับไม่ได้
แต่ถ้าเลือกวิถีเส้นทางที่ ๓ ก็จะทำลายโอกาสไปเรื่อย
แต่ถ้าเลือกเส้นทางที่ ๒ จะดีที่สุด
ดูแล้วเหมือนไม่เหมาะ แต่เจริญที่สุดในชีวิตของเขาเลย ก็คือให้แต่งงานกับน้องส้ม
แต่ถ้าจะเอาความสวยงามของน้องส้ม อย่างนี้ก็คงไม่ได้ แต่เราต้องเอาตัวหลัก แล้วตัวย่อยค่อยไปบริหารเอา
เราต้องมาทำความเข้าใจ เราจะได้ทั้งหมด ทั้งทางธรรมและทางโลก
เหตุผลทำไมต้องเอาน้องส้ม เพราะว่าเขาดูแลตัวเองได้ และเขายินดีที่จะดูแลตัวเองอยู่แล้ว หน่ำซ้ำยังยินดีที่จะดูแลเขาด้วย นี่แหละก็จะลดห่วง น้อยมากที่จะทำให้ไปนึกคิดในเรื่องครอบครัวแค่ ๓๐% เขาสามารถไปบำเพ็ญได้เลย ๗๐%
แต่ถ้าไปเอาผู้หญิงอีกประเภทหนึ่ง เขาอาจจะต้องบำเพ็ญแค่ ๓๐% แต่ต้องมาดูแลครอบครัว ๗๐% เพราะเขาจะเรียกร้องให้ดูแล
แล้วจะมีใครเหมาะสมมากกว่าน้องส้มไหม? ผู้รู้ท่านพิจารณาแล้วไม่มี
ถ้าจะสร้างเหตุใหม่ แต่อาจจะสายเกินไปเพราะว่าอายุมากแล้ว
แต่ถ้า ๒ คนจะรักกัน จะต้องเรียนรู้ ถ้าไม่เรียนรู้จะผ่านไม่ได้ ทำไมถึงผ่านไม่ได้ เพราะว่าสิ่งที่บำเพ็ญนี้เป็นกุศล พวกเจ้ากรรมนายเวรจะขัดขวางเต็มที่เหมือนกัน เขามีความสุขเจ้ากรรมนายเวรก็ไม่ยอม เราจะต้องเรียนรู้ แก้ไขได้ เข้าใจได้ ไม่ถูกเสี้ยมได้ พอไม่ถูกเสี้ยมได้ถึงจะสามารถสร้างกุศลบังคับให้เจ้ากรรมนายเวรรับกุศลเลย ในธรรม เพราะว่าทำแล้วมีกุศล ในธรรมจะจัดการบังคับเอง ขอให้เราทำให้ถูก
ไม่ใช่ว่าเจ้ากรรมใหญ่ที่สุด แล้วงอแงจะเอาทุกเรื่องได้ อย่างนี้ไม่ได้ พระพุทธองค์ไม่ยุ่ง พ่อพรหมไม่ยุ่ง แต่ธรรมเขามีกฎเกณฑ์ แต่ธรรมต้องการให้เราทำถูกในกฎเกณฑ์
ฉะนั้น ตอนนี้ท่านอย่าวิจิกิจฉาเลย ต้องสรุป
สรุปว่าต้องเอาน้องส้ม น้องส้มจะส่งเสริมให้บำเพ็ญ ๗๐% ดูแลครอบครัว ๓๐% ได้
แต่ส่วนนี้ไม่เป็นปัญหา แต่ที่เป็นปัญหาอยากจะอย่างนั้นบ้าง อย่างนี้บ้าง อันนี้ต้องไปบริหารเองซะ อย่างนั้นเองไม่เป็นปัญหา แต่อย่ามาเอาเป็นกิจลักษณะ
พอเราบำเพ็ญน้องส้มกลับทำอะไรคล่อง ทำอะไรก็ดี ค้าขายดี ถูกหวยบ้าง เดี๋ยวๆ ก็ได้เงิน คือ ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะไม่มีเงินใช้ ไม่ต้องกังวลเลย นี่แหละเหมาะมาก ทั้ง ๒ คนเอื้อที่จะบำเพ็ญ
ธรรมดาจะต้องไม่ถูกใจบ้าง จะต้องมีการแลกเปลี่ยนกัน ไม่ได้ตามใจตนเอง เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของเขา ถ้าหากว่าค้นหาในตัวน้องส้มก็จะเจอะเจอของดีกว่านั้นอีก ของดีด้อยลงมาเราก็ไปบริหารได้ ไม่ยาก
ทำไมสรุปไม่แตกเพราะว่า
๑. ตัวเองไม่มีประสบการณ์ ดูไม่ออก
๒. ไม่ยอมเชื่อผู้รู้ หัวใจ ๕ อ่อน วิจิกิจฉา สงสัย
สรุปไปเลยว่า แต่งงานจะต้องเอาน้องส้ม
ดูแล้วไม่สมควรแต่มีความสุข เพราะเขายินยอม
^_^ ..._/_... ^_^
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต