จิตประภัสสรไม่เกิดไม่ดับ
จิตประภัสสรไม่เกิดไม่ดับ
จิตประภัสสรคือจิตดั้งเดิม จะไม่มีการดับการเกิด จิตประภัสสรนี้จะอยู่ในธรรมชาติ
จิตของเราก็อยู่ในธรรมชาติ ธรรมชาติในไหน ธรรมชาติในตัวรู้ รู้แล้วจะไปบวก (+) อะไรก็จะเป็นอีกชื่อหนึ่งแล้ว
สมมติว่า จิตเราอยู่ตรงไหน แล้วเราไปอาฆาตเขา จิตของเราก็กลายเป็นจิตอาฆาต
ฉะนั้น จิตประภัสสรนี้จะไม่เกิด ไม่ดับ เพราะว่าอยู่ในธรรมชาติอยู่แล้ว จิตประภัสสรนี้ใครก็เป็นเจ้าของไม่ได้ และใครก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นเจ้าของ
จิตประภัสสรเป็นแต่เพียงรู้ ทำอะไรไม่ได้ จิตจะนิพพานหรือไม่นิพพาน ตัวจิตประภัสสรจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางนี้
การเข้าฌานสมาบัติ หรืออะไรก็แล้วแต่ คือ การชำระตัวกิเลสตัณหาออกจากตัวจิตแล้ว
พระอรหันต์มีกิเลสตัณหา แต่ควบคุมไม่ให้เกิดกิเลสตัณหาที่เป็นปัญหา ไม่ใช่ว่าจะขจัดกิเลสตัณหาออกจากจิต หมายถึง ไม่ให้ตกเป็นทาสแห่งอารมณ์กิเลสตัณหาได้
มีกิเลสตัณหาแต่เราไม่ยึดมั่นถือมั่น ในกิเลสตัณหา
พระอรหันต์ หรือพระพุทธเจ้าเข้านิโรธสมาบัติเพื่ออะไร ท่านเข้าไปเพื่อพักเหมือนกับเรานอนหลับ แล้วก็ตื่นมาทำงานต่อ เพื่อให้สดชื่น เพราะจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เพราะไม่ถูกสิ่งแวดล้อม และอย่างอื่นมารบกวน ก็เลยกลายเป็นพักผ่อนได้เต็มที่
แต่ถ้าเรานอนเอาแต่ฝัน หรือนอนคิดเราก็พักผ่อนไม่เต็มที่ ถ้าเราถูกอย่างอื่นมายุ่งเกี่ยวเราก็เหนื่อย
ท่านเข้านิโรธสมาบัติแล้วก็ออกมาก็แค่นี้ ไม่ยึดติด ยึดมั่นถือมั่น จะเข้ากี่ครั้งก็แล้วแต่ จะนานหรือไม่นานก็แล้วแต่ แต่เข้าตลอดไม่ได้ พระพุทธเจ้าจึงบอกว่าไม่มีประโยชน์ แก้ทุกข์ไม่ได้ พอเราออกมาแล้วเราก็ทุกข์ต่อ
เราต้องมาหาทุกข์ แก้เหตุได้ทุกข์ก็หาย ทุกข์มันเปลี่ยนไป
เป็นพระอรหันต์ก็สามารถฝันได้ เพราะอยู่ที่ท่านกำหนด ท่านเป็นพระอรหันต์ก็จริงแต่ว่าท่านกำหนดจิตมั้ย ท่านกำหนดว่าตนเองเป็นพระอรหันต์หรือเปล่า ถ้าท่านไม่ได้กำหนดจิตเป็นพระอรหันต์ จิตก็ย่อมเป็นปกติเหมือนคนธรรมดา อะไรก็เป็นได้ ถ้าท่านกำหนดจิตว่าเป็นพระอรหันต์ท่านก็มีภาวะภูมิแบบพระอรหันต์
มีพระอรหันต์ที่เข้าภูมิอรหันต์เข้าๆ ออกๆ อย่างนี้มั้ย? ก็มีเหมือนกัน มีตลอด เพราะว่า พระอรหันต์ท่านก็มีขั้นเหมือนกัน ขั้น ๑-๒-๓-๔-๕ ฯลฯ แม้ว่าจะเป็นอรหันตผลแล้วก็ยังเป็นขั้นอีก ถือว่าเป็นธรรมดา ไม่เช่นนั้นจะมีกาลเวลา มีขั้นตอนทำไม ธรรมชาติก็สร้างไว้เรียบร้อยแล้วต้องมีขั้น อย่าพูดรวมๆ อย่าพูดเหมารวม
ถามว่าอรหันตมรรคมีผลมั้ย ย่อมมี เหมือนกับเราเรียนมหาวิทยาลัย ถ้าเราเรียน ป.๑ เราก็จบ ป.๑ ก็มีผล ป.๑ อย่างเดียวกัน มีมรรคก็ต้องมีผล มีผลแต่ก็ยังมีต่อไปเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด ถ้าสิ้นสุดกฎอนิจจังก็ใช้ไม่ได้นะสิ
ถ้าเรียนรู้สิ้นสุดอรหันต์ก็ต้องเรียนรู้พุทธเจ้านะสิ ถ้าเราเรียนรู้ขั้นอรหันต์ ขั้นอรหันต์ก็ยังไม่สิ้นสุดเลย แล้วการเรียนรู้ของพระพุทธเจ้าก็ไม่สิ้นสุด
ถามว่า ทำไมศาสนาของพระพุทธเจ้าทำไมยั่งยืนเพียงแค่ ๕,๐๐๐ ปีล่ะ ทำไมไม่ยืนยงไปตลอด
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ไม่มีใครบอกว่าพระพุทธเจ้าเป็นองค์เดียวตลอด ก็มีการเปลี่ยนองค์ไปเรื่อยๆ ท่านก็ต้องศึกษาต่อแล้วส่งทอดให้องค์ต่อๆ ไป องค์ที่ ๕-๖-๗ ไปเรื่อยๆ ความรู้ก็ต้องส่งไปเรื่อยๆ
อันที่จริงพระพุทธเจ้ามีหลายหมื่นหลายพันองค์ ศาสนาของพระพุทธเจ้าน่าจะอยู่ได้มากกว่า ๕,๐๐๐ ปี เพราะว่าได้ความรู้จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนที่ส่งมาให้ เป็นเพราะอะไรถึงอยู่ได้แค่ ๕,๐๐๐ ปี
เพราะภาวะธรรมก็มีการกำหนดตามกาลเวลาว่า เหมาะสมแค่ไหน และแค่ไหนถึงจะเปลี่ยนองค์พระพุทธเจ้า แล้วองค์ใหม่มาสืบศาสนาต่อ แม้แต่โลกก็ยังต้องเปลี่ยน แกนโลกเอียงๆ ไปมา
ทุกอย่างมีวิถีธรรม
นี่แหละ แม้ขนาดพระพุทธเจ้ายังยืนยงสถาพรยังไม่ได้
ถ้าอย่างนั้นจะเป็นพระพุทธเจ้าทำไม ในเมื่อยืนยงสถาพรไม่ได้ ก็เป็นตามวาระที่ธรรมท่านจัดสรรให้มา ณ ตรงนั้น แล้วท่านก็ต้องทำให้ดีที่สุดของท่าน ถ้าเราไปบอกว่า แค่นี้ไม่เป็นพระพุทธเจ้า ถ้าคิดอย่างนี้ยังไงก็ไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า เพราะว่าแนวคิดอย่างนี้ยังติดกิเลสข้างล่างอยู่ กิเลสของฉัน
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์