ญาณ


ญาณแท้


ผู้เรียนหญิง : คนเข้าไปวัดวาบอกว่าเห็นโน้นเห็นนี่ เป็นยังไงค่ะ


ผู้รู้ : หนังสือไม่ยอมเรียน แต่จะไปล่องลอยอยู่เรื่อย หาเรื่องหลับตาล่องลอย เรียนจริงๆ ไม่ยอมเรียน
ผู้เรียนหญิง : เพราะเมื่อก่อนหนูก็เห็นจริงๆ


ผู้รู้ : เห็นจริงตามภาวะการณ์นั้นๆ ไม่ใช่จริงแท้โดยทุกภาวะการณ์


ยกตัวอย่าง โทรทัศน์รับภาพ เรามองไปไม่รับภาพ พอมีเครื่องก็รับภาพ ภาวะการณ์หนึ่งของสมองก็เปรียบเหมือนโทรทัศน์ ภาพนั้นก็เข้ามา แต่ในขณะอย่างนั้นก็ต้องหายไปอีต้องไปตามภาวะแห่งธรรมนั้นๆ อยู่ยั่งยืนไม่ได้ พอมึงได้จะเอาอยู่อย่างนั้นเรื่อยๆ บ้าสิ พอมีแสง อยากจะมีแสงเรื่อยๆ เขาเรียกว่า จิตหลอกจิต แล้วพอภาวะการณ์นั้นผ่านไป


เราเปิดโทรทัศน์บางครั้งเผลอ เครื่องเราไม่ดีปั้บ คลื่นพม่าก็เข้ามา มึงไปเปิดวิทยุยิ่งไปใหญ่ สถานีวิทยุกำลังส่งกำลังไม่ดี ก็จะมีเสียงแทรก เสียงอื่น พอแทรกเข้ามาแล้วเราจะไปหลงอยู่เสียงตรงนี้ แล้วยังจะไปเอาอีก มึงก็ตาย ง่าว!! ตรงนี้มันของเก๊ อย่างนี้เขาเรียกว่า ญาณปลอม ญาณอุปโลกน์


หลวงพ่อ บอกว่า ต้องตัดออกจากความคิด คือความคิดอุปโลกน์ของเรา ความคิดอคติของเรา ความคิดเป็นคติของเรา ต้องตัดออก ถ้าไม่ตัดออก ก็จะไม่จริง อีจะเอาตรงนี้ขึ้นมา


ผู้ศึกษา : ญาณต้องประกอบด้วยเหตุผล


ผู้รู้ : ถ้าเอาความคิดเราเข้าไปใส่ กลายเป็นเหตุผลของกูไปแล้ว ที่กูชอบพูดว่า มึงของธรรมหรือของเอ็ง ถ้าอย่างนั้น ของเอ็งเขาเรียกว่า ญาณอุปโลกน์ ถ้าของธรรม คือ ญาณแท้ คือความรู้ที่แท้จริง ถ้าของเราเป็นอุปโลกน์รู้ นั่งสมาธิแล้วจะรู้เอง อะไรอย่างนี้ ในธรรมไม่มี ต้องเรียนกอไก่ ถึงจะรู้กอไก่


ผู้เรียนหญิง : นั่งสมาธิปัญญาจึงจะเกิด


ผู้รู้ : แล้วกูจะถามว่า ปัญญาตัวไหนเกิด


ผู้เรียนหญิง : มันก็จะรู้สึกว่า ที่เราทำไม่ดีอะไรไว้โผล่ขึ้นมา นี่คือปัญญา


ผู้รู้ : บ้าสิ ปัญญาผีสิ แล้วถ้าคนไม่ได้ทำผิดอย่างมึงก็ไม่มีปัญญาสิ (หัวเราะ) มึงก็มีปัญญาอยู่คนเดียว ถามทีเดียว ตกกระป๋องหมดเลย ตอบไม่ได้หมด เห็นมั้ย นี่คือปัญญาอุปโลกน์


อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์

   

7,670







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย