ที่เราอาบน้ำถูสบู่ทุกวัน ก็ทำลายจุลินทรีย์บนผิวหนังไปไม่รู้เท่าไรแล้วครับ (*-*)
บุหรี่ ข้าวหมาก ควรหลีกเลี่ยงถวายพระจะดีกว่า
เป็นบาปหรือเปล่า ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายใจเลย ก็ควรงดถวายเถิดครับ
สาธุครับท่านนาคราช
ซื้อบุหรี่ถวายพระ เป็นบาปหรือเปล่าครับ ?
ตรงนี้ต้องแยกว่า
1. โดยเจตนาคือทานหรือการให้ ตรงนี้จัดว่าเป็นบุญครับ
2. แต่วัตถุที่ให้เป็นสิ่งที่มีพิษ ตรงนี้จะให้วิบากหรือผลที่ไม่ดี เช่นได้ของบริโภคที่เป็นพิษ ทำให้ป่วยเป็นมะเร็งหรือโรคอื่น ตามปริมาณของวัตถุมีพิษที่นำไปให้เป็นทานครับ
หากพระสูบบุหรี่ ควรให้"ธรรมทาน"โดยการแนะนำท่านถึงโทษของบุหรี่ ถ้่าจะว่ากันให้ถูก การที่ท่านสูบบุหรี่ก็เท่ากับผิดศีลข้อ 5(ซึ่งหมายถึงการเสพสิ่งเสพติด เช่นบุหรี่ด้วย )นั่นหมายความว่าท่านไม่สมควรแก่การเป็นพระภิกษุในพุทธวินัย แต่อาจแต่งตัวเหมือนเพียงเพื่อหลอกหาลาภ และปัจจัยมาบริโภคเป็นมิจฉาชีพอย่างหนึ่ง ที่เราทั้งหลายพึงไม่ควรส่งเสริมหรืออุปถัมภ์ อย่าเพียงศรัทธาเพราะผ้าเหลืองอย่างเดียว การอุปถัมภ์ผู้ประพฤติตนเช่นนี้ ไม่เป็นผลดีแก่ศาสนาและผู้ที่บวชแล้วประพฤติตนเยี่ยงคนลวงเช่นนี้ เมื่อตัวตายเพราะกายแตก เขาย่อมมีนรกและอบายเป็นที่ไปในเบื้องหน้่า
ซ้อข้าวหมากถวายพระ เป็นบาปหรือเปล่าครับ ?
เจตนาให้เป็นบุญ แต่ข้าวหมากมีส่วนผสมเป็นเหล้าส่วนหนึ่ง เอาแค่เราคนธรรมดาเสพก็ผิดศีล 5แล้ว จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าไม่มันเหมาะสมที่จะนำไปถวายพระครับ เข้าใจว่าคงมีอาหารไทยและเทศอีกนับไม่ถ้วนที่ท่านสามารถเลือกนำไปถวายพระสงฆ์ได้นะครับ
ซื้อนมเปรี้ยวที่เขาโฆษณาว่ามีจุลินทรีย์ที่มีชีวิตตั้งหลายๆล้านตัวถวายพระ เป็นบาปหรือเปล่าครับ ?
อันนี้ดีมากครับสนับสนุนให้ถวายพระจะช่วยให้ท่านมีสุขภาพดีครับ ผลที่คุณจะได้รับคือ "อโรคยาปรมาลาภา"ครับ
แล้วพระที่ท่านใช้หรือฉันของที่เราเอาไปถวายนี้ ท่านจะเป็นบาปหรือเปล่าครับ ?
1. หากท่านไม่ได้เอ่ยปากขอ หรือทำนิมิตหมายใ้้ห้คุณหามาให้ ก็ไม่บาป
2. หากท่านพิจารณาก่อนบริโภค(ปัจจเวก) ก็ไม่บาป
3. หากท่านไม่เก็บค้างคืนไว้เพื่อนำมาบริโภคในวันรุ่งขึ้นก็ไม่บาป(ยกเว้นยา เก็บไว้ใช้ต่อไปได้)
อย่าลืมว่า การให้ทานใดๆ พึงพิจารณาถึงประโยชน์และโทษของวัตถุทานที่จะให้ให้รอบคอบ เพราะเรากำลังสะสมกุศลที่จะเป็นเสบียงสำหรับการเดินทางของเราในสังสารวัฏอันไม่มีที่สิ้นสุด เราควรจะหาแต่ของที่ดีมีประโยชน์ติดตัวไป อย่าพกวัตถุมีพิษทั้งหลายตามไปด้วยเลยครับ เราเลือกได้ครับ
อนุโมทนาในกุศลทานอันควรแก่สงฆ์บริโภคครับ
แยกพิจารณาเป้นสองส่วนนะครับ
1. เจตนาที่ให้
ถ้าดี ก็เป้นบุญ
เจตนาไม่ดีก้เป้นบาป
ใจเรานั่นแหละ รู้ดีว่าบาปหรือบุญ
2. ผลของการกระทำ (ผลของการให้)
ก็ปรากกว่าเป็นผลในทางลบเสียมากกว่า
เมื่อรู้อยู่ว่าเป็นของเสื่อม นำไปสู่ความเสื่อม
แน่นอนว่าบาปเกิดในใจเราแน่ๆ
การทำทาน จึงต้องประกอบด้วยปัญญาด้วย
ถ้าอะไรรู้สึกว่ามันเทาๆ ก็อย่าทำ
อะไรรู้สึกว่า ขาวสะอาดบริสุทธิ์ นำไปสู่ความเจริญ อำนวยสงเคาระห์ให้ผู้ทรงธรรมเจริญขึ้นก็ทำไปเถิด