อย่าโกรธเมื่อใครติเตียนพระพุทธเจ้า

 แมงปอหลงลม    

       ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! คนเหล่าอื่นอาจกล่าวติเตียนเรา ติเตียนพระธรรม หรือ

ติเตียนพระสงฆ์ ท่านทั้งหลายไม่พึงผูกอาฆาต ขุ่นเคือง ไม่พอใจในบุคคลเหล่านั้น  เพราะ

ถ้าท่านทั้งหลายโกรธเคือง หรือไม่พอใจในบุคคลที่กล่าวติเตียนเรา ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์

นั้น อันตรายเพราะความโกรธเคืองนั้นก็จะพึงเป็นของท่านทั้งหลายเอง   ถ้าท่านทั้งหลายโกรธ


เคือง หรือไม่พอใจในบุคคลที่กล่าวติเตียนเรา ติเตียนพระธรรม ติเตียนพระสงฆ์ จะรู้ได้ละหรือว่า คำ

กล่าวของคำเหล่าอื่นนั้น เป็นคำกล่าวที่ดี (สุภาษิต) หรือไม่ดี (ทุพภาษิต) ? "ไม่ทราบ พระเจ้าข้า " "ดู

ก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ท่านทั้งหลายพึงชี้แจง (คลี่คลาย) เรื่องที่ไม่เป็นจริง ให้เห็นว่าไม่เป็นจริง ในข้อที่

คนเหล่าอื่นกล่าวติเตียนเรา ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์ ให้เขาเห็นว่าข้อนั้นไม่จริง ข้อนั้นไม่

แท้ ข้อนั้นไม่มีในพวกเรา ข้อนั้นไม่ปรากฎในพวกเราดังนี้ "  

ที่มา : พรหมชาลสูตร ๙/๓ พระไตรปิฎกฉบับประชาชน   





กราบนมัสการเจ้าค่ะพระคุณเจ้า .....

ไหน ๆ ท่านจะยกพระไตรปิฎกมา ก็น่าจะยกฉบับเต็มมานะเจ้าคะ และควรจะยกให้ครบความในหัวข้อนั้น
การยกมาครึ่ง ๆ กลาง ๆ และเน้นสีเฉพาะส่วน ทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดได้เจ้าค่ะ

โยมเข้าใจในกุศลเจตนาของท่านที่ท่านเน้นสีในส่วนนั้น
แต่อาจจะทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดได้ และผิดไปจากเจตนาของท่านที่นำมาลง

จากพระไตรปิฎก เล่มที่ ๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑ ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค
ใน "พรหมชาลสูตร" เรื่อง สุปปิยปริพาชกกับพรหมทัตตมานพ ..... ดังนี้ค่ะ


กราบขอขมาที่ต้องล่วงเกินท่านเจ้าค่ะ







ดูกรภิกษุทั้งหลาย
บัดนี้เธอทั้งหลายนั่งประชุมสนทนาอะไรกัน และเรื่องอะไรที่พวกเธอพูดค้างไว้
เมื่อตรัสอย่างนี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
พระพุทธเจ้าข้า ณ ที่นี้ เมื่อพวกข้าพระพุทธเจ้าลุกขึ้น ณ เวลาใกล้รุ่ง
นั่งประชุมกันอยู่ที่ศาลานั่งเล่นเกิดสนทนากันขึ้นว่า

ท่านทั้งหลาย เท่าที่พระผู้มีพระภาคผู้รู้เห็นเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ทรงทราบความที่หมู่สัตว์มีอัธยาศัยต่างๆ กันได้เป็นอย่างดีนี้ น่าอัศจรรย์นัก ไม่เคยมีมา
ความจริง สุปปิยปริพาชกนี้ กล่าวติพระพุทธเจ้า ติพระธรรม ติพระสงฆ์ โดยอเนกปริยาย
ส่วนพรหมทัตตมาณพอันเตวาสิกของสุปปิยปริพาชก กล่าวชมพระพุทธเจ้า ชมพระธรรม ชมพระสงฆ์
โดยอเนกปริยาย อาจารย์และอันเตวาสิกทั้งสองนี้ มีถ้อยคำเป็นข้าศึกแก่กันโดยตรง ฉะนี้
เดินตามพระผู้มีพระภาคและภิกษุสงฆ์ไปข้างหลังๆ พระพุทธเจ้าข้า เรื่องนี้แลที่พวกข้าพระพุทธเจ้า
พูดค้างไว้ พอดีพระองค์เสด็จมาถึง.





พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนพวกอื่นจะพึงกล่าวติเรา ติพระธรรม ติพระสงฆ์ ก็ตาม
เธอทั้งหลายไม่ควรอาฆาต ไม่ควรโทมนัสน้อยใจ ไม่ควรแค้นใจในคนเหล่านั้น

ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนพวกอื่นจะพึงกล่าวติเรา ติพระธรรม ติพระสงฆ์
ถ้าเธอทั้งหลายจักขุ่นเคือง หรือจักโทมนัสน้อยใจในคนเหล่านั้น
อันตรายจะพึงมีแก่เธอทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นเป็นแน่

ดูกรภิกษุทั้งหลาย
คนพวกอื่นจะพึงกล่าวติเรา ติพระธรรม ติพระสงฆ์
ถ้าเธอทั้งหลายจักขุ่นเคืองหรือจักโทมนัสน้อยใจในคนเหล่านั้น
เธอทั้งหลายจะพึงรู้คำที่เขาพูดถูก หรือคำที่เขาพูดผิดได้ละหรือ?

ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้อนั้นเป็นไปไม่ได้ทีเดียว พระพุทธเจ้าข้า.

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
คนพวกอื่นจะพึงกล่าวติเรา ติพระธรรม ติพระสงฆ์ ในคำที่เขากล่าวตินั้น
คำที่ไม่จริง เธอทั้งหลายควรแก้ให้เห็นโดยความไม่เป็นจริงว่านั่นไม่จริง แม้เพราะเหตุนี้
นั่นไม่แท้ แม้เพราะเหตุนี้ แม้นั่นก็ไม่มีในเราทั้งหลาย และคำนั้นจะหาไม่ได้ในเราทั้งหลาย






ดูกรภิกษุทั้งหลาย
คนพวกอื่นจะพึงกล่าวชมเรา ชมพระธรรม ชมพระสงฆ์
เธอทั้งหลายไม่ควรเบิกบานใจ ไม่ควรดีใจ ไม่ควรกระเหิมใจในคำชมนั้น

ดูกรภิกษุทั้งหลาย
คนพวกอื่นจะพึงกล่าวชมเรา ชมพระธรรม ชมพระสงฆ์

ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ถ้าเธอทั้งหลายจักเบิกบานใจ จักดีใจ จักกระเหิมใจในคำชมนั้น
อันตรายจะพึงมีแก่เธอทั้งหลายเพราะเหตุนั้นเป็นแน่

ดูกรภิกษุทั้งหลาย
คนพวกอื่นจะพึงกล่าวชมเรา ชมพระธรรม หรือชมพระสงฆ์ ในคำชมนั้น
คำที่จริง เธอทั้งหลายควรปฏิญาณให้เห็นโดยความเป็นจริงว่า นั่นจริงแม้เพราะเหตุนี้
นั่นแท้ แม้เพราะเหตุนี้ แม้คำนั้นก็มีในเราทั้งหลาย และคำนั้นจะหาได้ในเราทั้งหลาย



เจริญในธรรมเจ้าค่ะ


                

     


• พระสงฆ์ปลุกเสกพระได้ไหม?  พระมาปลุกเสกพระทำไม

• เผชิญความตายด้วยใจสงบ

• พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) วัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ (2399 - 2475)

• ๑๗.ปางเรือนแก้ว

• คนเราต้องใช้พละ ๕ ในชีวิตประจำวัน

• พาลสงฺคตจารีหิ ทีฆมทฺธาน โสจติ คนเที่ยวสมาคมกับคนพาล ย่อมโศกเศร้าตลอดกาลยืดยาวนาน

RELATED STORIES




จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย