การกินเนื้อสัตว์

 PK    

สวัสดีครับ ผมเป็นสมาชิกใหม่ ก็เรียกตัวเองว่าเป็นพุทธศาสนิกชนคนหนึ่ง แต่ก็ยังมีข้อข้องใจเกี่ยวกับข้อธรรมะอีกมากครับ คราวนี้อยากให้ท่านผู้รู้ช่วยไขความกระจ่างเรื่องการกินเนื้อสัตว์หน่อยครับ

คือว่า มีเพื่อนชาวต่างชาติ ที่เค้าไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ แต่เค้าพอจะรู้อยู่บ้าง ว่าการฆ่าสัตว์นั้นเป็นบาปในศาสนาพุทธ คือผิดศีล แล้วทีนี้ ศาสนาพุทธของเราไม่ได้ห้ามไม่ให้กินเนื้อสัตว์ เพื่อนเค้าก็ถามว่า คนที่นับถือศาสนาพุทธกินเนื้อสัตว์ได้อย่างไร ทั้งๆ ที่การฆ่าสัตว์นั้นเป็นการผิดศีล เป็นบาปในศาสนาพุทธ ผมเองก็ไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน กินข้าวแต่ละมื้อก็มีหมูบ้าง ไก่บ้าง เป็นธรรมดา เมื่อมีคำถาม จึงได้คิด

คือว่าการที่เราไปซื้อเนื้อสัตว์มากิน ก็ไม่ได้บาป เพราะเราไม่ได้ผิดศีล ไม่ได้ฆ่าสัตว์ ไม่ได้ลักขโมยของใคร ไปซื้อมาด้วยเงินที่ได้มาด้วยความสุจริต แต่ว่าการกระทำแบบนี้ก็ถือเป็นการสนับสนุนให้มีการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเกิดขึ้น คือว่าทำให้อาชีพคนขายเนื้อสัตว์ ทำให้มีโรงฆ่าสัตว์ เกิดขึ้น

แล้วอย่างนี้ เวลากินเนื้อสัตว์เราจะบาปหรือเปล่าครับ แล้วคนที่เค้าขายเนื้อสัตว์ คนที่เค้าฆ่าสัตว์ เค้าก็ทำอาชีพที่สุจริต แต่ว่าเกี่ยวข้องกับการฆ่าสัตว์ ถึงแม้ว่าจะฆ่าเพื่อเป็นอาหารก็ตามที แต่การฆ่าก็คือการฆ่า การทำลายชีวิต แล้วแบบนี้ คนที่เค้าทำอาชีพขายเนื้อสัตว์ อาชีพฆ่าสัตว์ เค้าจะบาปหรือเปล่าครับ?

ขอความกรุณาชี้แนะด้วยครับ




เห็นด้วยกับคุณดอกไผ่
ขออนุโมทนาครับ


ขอบคุณที่ช่วยให้ความกระจ่างครับ


การกินเนื้อสัตว์นั้นไม่บาป แต่มีกิเลสพอกพูน ถ้ากินเพราะติดรสชาติ
การฆ่าที่ประกอบไปด้วยเจตนานั้นบาป ถึงเป็นอาชีพที่สุจริตไม่ผิดกฎหมาย แต่ผิดหลักธรรม
พระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องศีลข้อที่ 1 เพื่อให้เราละจากการฆ่า ละจากบาป สัตว์ทุกชนิดรวมถึงคน ย่อมรักชีวิตของตัวเองเป็นที่สุด ไม่มีความชอบธรรมอันใดให้เรามีสิทธิในการพรากชีวิตของสัตว์อื่น
พระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องอาชีพที่เป็นบาป เพื่อให้เราประกอบอาชีพที่สุจริต และถูกหลักธรรม
เมื่อทุกๆคนทำตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอน ย่อมไม่มีใครฆ่าสัตว์ ในตลาดย่อมไม่มีเนื้อสัตว์ให้เราซื้อ ไม่มีที่ไหนๆที่มีอาหารปรุงจากเนื้อสัตว์
วัฒนธรรมการกินของเราย่อมเปลี่ยนแปลง
สิ่งที่เราจะใส่บาตรย่อมไม่มีเนื้อสัตว์เช่นกัน
แน่นอนว่ามันยากมาก แต่พระพุทธเจ้าท่านก็สอนเราเรื่องความอดทนกับความเพียรอีกนั่นแหละ



ไม่บาปหรอกมันเป็นไปตามหลักธรรมชาติ สมมุติว่าเรากินเนื้อวัว วัวกินหญ้า
หญ้ากินสารอาหารที่อยู่ในดิน ลองคิดดูว่าร่างกายเราเกิดมาจาก ธาตุ ทั้ง 4 ประกอบกัน คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เมื่อเราตายก็กลายเป็นดิน กลายเป็นอาหารให้กับหญ้า
วัวก็กินหญ้า (อาจมีร่างกายชองเราในชาติปางก่อนติดมาด้วย) แล้วกลายเป็นเนื้อวัว
แล้วเรากินเนื้อวัว (ไม่แน่อาจกินเนื้อตนเองในชาติปางก่อน) ลองคิด ๆ ย้อนไปมาล่ะกัน ว่ามันเป็นวัฏจักร ดังนั้นในการกินแต่ละครั้งเราต้องมีสติกำหนดรู้ กินเพื่อ กำจัดความหิว ให้ร่างกายสามารถดำรงอยู่ได้ เพื่อจะได้สร้างความดีต่อไป อย่ากินเพื่อความเพลิดเพลิน เพื่อสนุก


เรื่องฉันเนื้อฉันปลานี้ก็มีในพุทธบัญญัติแล้ว พระเทวทัตมาขอพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าไม่ทำตามจึงได้แยกจากพระพุทธเจ้า

๑) ให้พระอยู่ในป่าเป็นวัตร เป็นประจำชีวิตตั้งแต่วันบวช เข้าบ้านเป็นผิด พระองค์ก็อนุญาตไม่ได้ เพราะพระเกิดมากับญาติกับโยม พระมีความเคลื่อนไหวไปมาได้ ตถาคตเองก็อยู่ได้ทั้งป่าทั้งบ้านเกี่ยวกับโลกสงสาร แน่ะ เราอนุญาตไม่ได้

๒) ไม่ให้ฉันเนื้อฉันปลา ถ้าฉันเป็นผิด อันนี้ก็เหมือนกัน สิ่งที่เกิดมาตามที่อธิบายผ่านมาแล้ว พระองค์ยังทรงเล็งญาณดูอีกนะ เอาย่อๆ นักปฏิบัติภาวนาจะรู้เรื่องของพระพุทธเจ้าเหล่านี้ได้เต็มกำลังของตัวเอง

ขอไม่ให้ฉันเนื้อฉันปลา คือเนื้อปลาเหล่านี้ สัตว์บางประเภทๆ นี้ รายไหนตายไปเนื้อหนังของเขา เขาหวังประโยชน์จากเนื้อหนังของเขาตลอด เวลาได้นี้ไปทำบุญให้ทานเขามีหวังได้รับ ถ้าปิดเสียนี้ทางเดินของเขาที่จะได้บุญได้กุศลไม่มี

เอ้าไม่ต้องพูดไกลละ
คุณแม่แก้วก็เป็นลูกศิษย์หลวงตาบัว
ลูกศิษย์หลวงปู่มั่นนั่นแหละ แกนั่งภาวนาอยู่ตอนเช้า

มีบุรุษคนหนึ่งเข้ามาขอ คุณแม่
นี่ผมเป็นหมูถูกนายบินยิงอยู่ที่ภูเขาลูกนั้น ที่ห้วยทรายนะ
ไปเผลอตัวถูกเขายิงตาย เวลาผมตายแล้วนี้เขาเอาเนื้อหนังมาถวาย
ขอให้ฉันฉลองเมตตาให้ผมด้วย
นี่เห็นไหมล่ะ ผมตายด้วยความพลั้งเผลอ
คือหิวน้ำไปกินน้ำเขาฆ่าตาย เขายิง

พอตื่นเช้ามาก็เรียกหมู่เพื่อนมา
ทำไมแปลกๆ อย่างนี้ มันจะจริงไหม
มันเป็นอย่างนั้นเมื่อคืนนี้ แกก็เล่าให้เขาฟัง
ไม่นานพวกลูกเมียของนายบินที่ฆ่าหมูตายแล้ว
เอาเนื้อมาถวายสำนักแม่ชี

นี่เนื้ออะไร โอ๋ย เนื้อหมูนี่ไอ้บินมันไปฆ่า
ได้หมูมาจากภูเขานั้นๆ เลยเอามาทำบุญให้ทาน
เป็นไงเข้ากันได้ไหมล่ะ ตรงเป๋งเลย

ชื่อไอ้บินจริงๆ ยิงหมูตายแล้ว ทางนี้มาบอกไว้ก่อน
เวลาเขาเอาเนื้อมาทานนี้ให้ฉลองศรัทธาให้ผมหน่อย
ผมจะได้มีส่วนบุญส่วนกุศลจากเนื้อนี้

ผมสุดวิสัยตายไปแล้ว บุญกุศลจะเป็นเครื่องหนุนผม
เวลาเขาเอามาถวายขอให้คุณแม่ช่วยฉลองให้หน่อย

พอพระออกบิณฑบาตกลับมานี้ เขาก็เอาเนื้อหมูมา เราซักใหญ่เลยที่นี่เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นสักครู่ พูดกันยังไม่จบ มาก็เรื่องเข้ากันร้อยเปอร์เซ็นต์เลย อย่างนี้เป็นต้น เข้าใจไหม มันลึกลับ สัตว์ทั้งหลายที่ตายไปนั้นจะห้ามกันได้ยังไง

เมื่อห้ามอันนี้ความมุ่งหมายของสัตว์ที่ตายไปแล้วจะไม่มีทางก้าวเดิน ไม่มีทางออก เข้าใจไหม ต้องอาศัยบุญกุศลจากเนื้อหนังของเขาที่ตายไปแล้วนั้นมาหนุนตัวเองไปอีก เข้าใจเหรอ

เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงไม่ทรงห้ามเรื่องการฉันเนื้อฉันปลา คือพระพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาตคำขอของพระเทวทัต เอาสดๆ ร้อนๆ มาพูดนี่ พระพุทธเจ้าทราบด้วยญาณ อันนี้เรายกมาเพียงตัวอย่างย่อๆ เพียงเท่านี้ นี่ละเหตุที่พระพุทธเจ้าไม่ทรงรับ

: ครูบาอาจารย์ไม่ดุ
: หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=2838&CatID=2

=================

ความเห็นส่วนตัวครับ

- ถ้าเราเป็นฆารวาส หาอยู่หากินด้วยตัวเองได้ เช่นเป็นปุถุชนหาเลี้ยงชีพด้วยตนเอง ไม่เกี่ยวเนื่องด้วยบุคคลอื่นและโดยไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น เราก็สามารถรับประทานมังสวิรัตได้ ซึ่งก็ไม่เห็นแปลก เพราะเดี๋ยวนี้มีเทศกาลกินเจกันเป็นประจำทุกปี

- ในสมัยที่พระโพธิสัตว์ท่านเป็นพราหมณ์ บวชอยู่ในป่า ท่านก็ฉันใบไม้หรือผลไม้เท่าที่ท่านจะหาได้ เพราะท่านไม่เบียดเบียดสัตว์อื่นให้ได้รับความเดือดร้อน

- ถ้าเราเป็นนักบวชในพระพุทธศาสนา เราเป็นเนื้อนาบุญในอันที่สรรพสัตว์ทั้งหลายต้องการบูชา ไม่ว่าคน สัตว์ ยักษ์ เทวดา พรหม (ตามบทสวดมนต์สรรเสริญพระสังฆคุณที่ว่า สุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ...) ต้องเกี่ยวเนื่องกับบุคคลอื่นมากมาย ต้องอาศัยผู้อื่นในการยังชีพ การเลือกฉันอย่างนั้นอย่างนี้จึงไม่สมควร พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์จึงทรงไม่อนุญาตตามที่ท่านพระเทวทัตทูลขอ พระสงฆ์เป็นพุทธบุตรสมควรดำเนินรอยตามพระบรมศาสดาจึงจะถูกต้อง

- เมื่อกินเจ แล้วเกิดอุปทานว่าตนเป็นคนมีเมตตาสูง ร่างกายสะอาด ทำสมาธิก็ง่าย บรรลุธรรมก็เร็ว ถึงจะไม่ข่มคนกินเนื้อว่า เป็นยักษ์เป็นมาร ทำลายชีวิตสัตว์ ขาดเมตตา ก็ทำให้ตัวเองเกิดอัตตาขึ้น ขอให้ดูพระพุทธองค์ทรงฉันทั้งเนื้อและผัก เมตตากรุณาของพระองค์นั้น อัปมัญญา ไม่มีประมาณ

- ในชาดกเรื่อง สสปัณฑิต สมัยที่องค์พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นกระต่าย โดยให้ชีวิตเป็นทานนั้น หากทุกคนเป็นมังสวิรัตหมด การให้ทานของพระองค์ก็สูญเปล่าแน่

=======
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=15660


การกินเนื้อสัตว์เป็นบาปอยู่แล้วแต่ถ้าจะไม่ให้กินก็ขาดสารอาหารดังนั้น เวลาทำบุญก็แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ที่เรากินเค้าไป แล้วก็พยายามทำความดีทำประโยชน์เพื่อสังคม
เพราะเราอาศัยชีวิตของสัตว์ทั้งหลายที่เรากินไปยังชีพ ต้องคิดเสมอว่าสัตว์ที่เรากินไปเค้ายอมสละชีวิตเพื่อให้เราได้ปฏิบัติกรรมดี เคยถามพระที่เคร่งวิปัสสนานะค่ะ ท่านบอกว่าไม่จำเป็นต้องทานมังสวิรัติค่ะ ขอให้พยายามรักษาศีล 5 หมั่นนั่งสมาธิก็พอแล้ว พอหลังจากนั่งสมาธิก็แผ่เมตตาให้เจ้ากรรม นายเวร สัตว์ที่เรากินเค้าค่ะเพราะเค้าจะได้รับบุญไปเกิดเป็นสิ่งมีชิวิตที่ดีกว่าเดิมค่ะ


ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับผม




http://lotto1688.weebly.com/
http://www.funpalace88.com/genting-club.html


 3,962 

  แสดงความคิดเห็น


RELATED STORIES




จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย