(*ขอเชิญชายไทยใจกล้า*) รับสมัครเข้าอุปสมบทนาคหมู่ ถวายเป็นพุทธบูชา พระธุดงค์กรรมฐาน รุ่น 17 เเละ รับเจ้าภาพอุปถัมภ์บวชพระ 15 ท่าน

 ตะวันธรรม    24 ก.พ. 2558

 
ขอเชิญชายไทยเเท้ ใจกล้า เเละมีศรัทธาอย่างมุ่งมั่นในการออกบวช (รักษาใจ)
เเละปฏิบัติธรรมเเบบอุกกฤษเเบบวิเวก (เเสดงหาความสงบทางใจ)  

สมัครเข้ารับการอบรมเเละอุปสมบทนาคหมู่เฉลิมพระเกียรติ
เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเเด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว(ร.9) 87 พรรษา

อุปสมบทนาคหมู่เฉลิมพรนะเกียรติ พระธุดงค์กรรมฐาน รุ่นที่ 17
ถวายเป็นพุทธบูชา เทศกาลวันมาฆบูชา จำนวน 15 รูป ประจำปี 2557 นี้

 
(((เเละรับเจ้าภาพอุปถัมภ์บวชพระ 1 รูป อุปถัมภ์จนตลอดจบโครงการ 1 เดือน))))
 

/สักครั้งได้บวชเเทนพระคุณพ่อ-เเม่/
/สักครั้งได้บวชปฏิบัติธรรม รักษาใจให้สะอาด /
/สักครั้งได้อุปถัมป์ สนับสนุนพระธุดงค์กรรมฐาน/
สร้างศาสนทายาท-สร้างพระผู้เผยเเผ่ธรรม-สร้างบุญบารมีสูงล้ำ
((หลังจบโครงการรูปที่ไม่สึก จะไปเป็นเนื้อนาบุญประจำตามศูนย์อบรมพระกรรมฐาน เพื่อเเนะนำกรรมฐานเบื้องต้นกับสาธุชน))

โครงการอุปสมบทนาคหมู่พระธุดงค์กรรมฐาน ถวายเป็นพุทธบูชา เทศกาลวันมาฆบูชา รุ่น ๑๗
( อบรมหลักสูตรเเบบ = ปริยัติ-ปฏิบัติ-ปฏิเวก)
จัดโดย มูลนิธิพิจิตรกตัญญู, เครือข่ายพระผู้นำคุณธรรมเชิงบูรณาการ ,ชมรมพุทธบุตรบารมี


 
**-ครั้งหนึ่งในชีวิตได้บวช ..สักครั้งได้เข้าถึงพุทธธรรมด้วยการบวช... บุญนี้เเด่ผู้มีพระคุณ... -**
 



(บวชฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย)
<<รับจำนวนจำกัด>>


::::::ญาติมิตร บิดา-มารดา ผู้เห็นความสำคัญสามารถเเนะนำคนรู้จักได้ เพื่อได้มีโอกาศเข้ารับการอบรมในโครงการดีดีนี้::::::::


ด้วยการสมัครเข้ารับการอบรมก่อนบวช 7 วัน
ณ พุทธอุทยานมหาราชหยกขาว ต.เนินปอ อ.สามง่าม จ.พิจิตร (มูลนิธิพิจิตรกตัญญู)
เเละอุปสมบท รวมการอบรมทั้งสิ้น เป็นเวลา จำนวน 1 เดือน

(((ผู้ผ่านการอบรม ทุกรูปจะได้รับใบเกียรติบัตร รับรองการผ่านการอบรม)))
โดยโครงการมีการอบรมพระกรรมฐาน เเละความรู้ทางธรรมโดยพระอาจารย์ที่คอยให้ความรู้ความเข้าใจด้านพระกรรมฐาน เเละความรู้ทางพระธรรมวินัย เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการเข้ารับการอบรม


 
กำหนดการอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ  

โทรสมัครลงทะเบียน เเละสัมภาสก่อนเข้ารับการอุปสมบทได้
ตั้งเเต่วันที่ 1 ธันวาคม 2557 - 6 มีนาคม 2558
ที่เบอร์โทร 09-30375441


 
กิจกรรมพิธีถวายเครื่องบริขารนาคหมู่ (ณ มูลนิธิพิจิตรกตัญญู)  

วันเสาร์ ที่ 7 มีนาคม 2558


เวลา 09.00 น. รับศีล ๕
เวลา 10.00 น. พิธีขอขมาค โดยคณะผู้ปกครองนาค เเละสาธุชน ณ มูลนิธิพิจิตรกตัญญู กทม
เวลา 10.30 น. พิธีโกนผมนาคโดย ผู้ปกครองนาค เเละคณะเจ้าภาพอุปถัมภ์บวชพระ
เวลา 11.00 น.ฟังบรรยายธรรมะเรื่องพระคุณเเม่, เเละพิธีมอบเครื่องอัฐบริขารบวชโดยคณะเจ้าภาพผู้อุปถัมป์ เเละสาธุชนที่เข้าร่วมงาน
เวลา 12.00 น. นาคให้พรเเละ เจ้าภาบวชรับของที่ระลึกโครงการอุปสมบท, ถ่ายรูปหมู่

(ขอเชิญสาธุชน คณะเจ้าภาพ เเละญาติธรรม เเละสาธุชนทั่วไป ที่ปรารภในบุญครั้งนี้ ขอเชิญร่วมกิจกรรม
เสร็จเเล้วเจ้าภาพรับของที่ระลึกโครงการ, รับพร


** พิธีอุปสมบทนาคหมู่ วันที่ 8 มีนาคม 2558 **



 
((อบรมปฏิบัติพระกรรมฐานพื้นฐานเบื้องต้นก่อนบวช))  

ตั้งเเต่วันพุธ ที่ 1 กุมภาพันธ์ - 6 มีนาคม 2558 (12 วัน)
ณ สวนป่าพุทธอุทยานวิปัสสนา จ.พิจิตร



บวชเเล้วฝึกการปฏิบัติภาวนาเบื้องต้น

(ศูนย์อบรมพระธุดงค์กรรมฐาน(ฝึกฝนตนเองเเบบวิเวก)
หลักอบรมกรรมฐานเเล้ว 1 สัปดาห์
เดินธุดงค์ 7 วัน


หลักจบโครงการ รับบิณฑบาตร ทำบุญพระธุดงค์กรรมฐาน มื้อสุดท้ายเเละ
(พิธีมอบใบเกียรติบัตรสำหรับผู้ผ่านการอบรม พระธุดงค์กรรมฐาน ๑๗) จบโครงการ
ณ มูลนิธิพิจิตรกตัญญู กทม.


โดยในการอบรมพระนั้นมีพระอาจารย์พี่เลี้ยงคอยควบคุมดูเเลในการเข้าอบรมตลอดโครงการ
โดยถือธุดงค์วัตร ใน 13 ข้อ เป็นข้อัวตรในการปฏิบัติขณะดำรงเพศสมณะ
<<รวมกำหนดการอบรม 1 เดือน >>

หลักจากการอบรมพระภิกษุจะเข้าประจำตามศูนย์อบรมปฏิบัติธรรมศูนย์สาขา ต่างๆ
เพื่ออบรมสมณะธรรมต่อไป เเละเป็นเนื้อนาบุญอุบาสก-อุบาสิกา ต่อไป


 
คุณสมบัติอุปสมบท  

1.เป็นเพศชายเเท้บริบูรณ์
2.ไม่ติดยาเสพติด
3.ไม่ต้องโทษอาญาเเผ่นดิน
4.ไม่หลบหนีงานราชการ(ราชการต้องลางานก่อน)
5.มีร่างกายสมบูรณ์เเข็งเเรง ไม่มีโรคร้ายเเรง (ไม่เป็นคนทุพลภาพ)
6.มีความตั้งใจจริงศรัทธาจริงในการออกบวช
7.สามารถรับการอบรมภาวนาของศูนย์ได้
8.สามารถเลิกบุหรี่ได้ในขณะเข้าอบรม




 
เอกสารในการสมัคร  

1.กรอกใบสมัครขอบวช( จากผู้ปกครอง)
2.เอกสารใบทะเบียนบ้าน(ถ่ายเอกสาร)
3.เอกสารบัตรประจำตัวประชาชน(ถ่ายเอกสาร)
4.ในลางานราชการ(ถ้าทำงานราชกาล)
5.ใบตรวจสุขภาพจากโรงยาบาล(เน้นระบุตรวจเลือด hiv, ยาเสพติด,ไวรัสตับอักเสบ)


 
(สำหรับผู้ประสงค์ สมัครเข้ารับการอบรมก่อนบรรพชาอุปสมบทนั้น ดังนี้) 


1.ส่งรายชื่อ-ที่อยู่-เบอร์ติดต่อ- e-mail
เเละตอบคำถาม ดังนี้ คือ
1.ประสพการณ์บวช
2. อาชีพปัจจุบัน
3. บอกประสพการณ์ปฏิบัติธรรมเเนวใดบ้าง
4. มีโรคประจำตัวใดบ้าง
5. ตั้งใจบวชเพื่อจุดประสงค์ใด (1.เพื่อศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรม หรือเเก้บน ,หนีทุกข์ หรือ ตามประเพณี)

 
**เเจ้งรายชื่อ - ที่อยู่ เเละพร้อมคำถามส่งมาที่  

..e-mail..dhammaprathai@hotmail.com



หรือส่ง sms มาที่เบอร์ 09-30375441 ....จ่าหน้าหัว ว่า สมัครบวชพระรุ่น 17**
(( เดี๋ยวเจ้าหน้าที่ จะติดต่อกลับ )) เเละส่งใบสมัคร, ใบเอกสารโครงการ , กำหนดการ, ใบท่องขานนาค,
สำหรับ ผู้รับราชการ สามารถขอใรับรองได้


 
ตารางกิจกรรม(พิเศษ)  

ในโครงการในการเข้ารับการอุปสมบท
(((รีบโทรศัพท์ด่วน)


1.กิจกรรมปฏิบัติธรรมพระกรรมฐาน (เช้า-สาย-บ่าย-เย็น) ตลอดโครงการ
2.กิจกรรมสวดมนต์เช้า-เย็นเเปล
3.กิจกรรมปลักกลดธุดงค์
4.กิจกรรมเดินธุดงค์
5.เรียนธรรมะวิชานวโกวาท
6.กิจกรรมปลูกต้นไม้/บวชต้นไม้ จำนวน 85 ต้น ถวายในหลวง
7. พระทุกรูปจะได้ปฏิบัติธรรมในป่า ฉันมื้อเดียว นอนในกลด
ที่สำคัญพระภิกษุทุกรูปจะต้องเข้าฝึกอบรมพระกรรมฐาน เพื่อปฏิบัติธุดงค์กรรมฐาน



 
ตารางฝึกอบรมก่อนบวชเบื้องต้น  

(ฝึกอบรม วันศุกร์ ที่ 21 กุมภาพันธ์ - 6 มีนาคม 2558)

เวลา ๐๔.๐๐ - ๐๖.๐๐ น. ปฏิบัติธรรม เจริญสติ ภาวนา (ช่วงเช้า)
เวลา ๐๖.๐๐ น. - ๐๗.๐๐ น. รักษาความสะอาดบริเวณที่พักอาศัย
เวลา ๐๗.๓๐ น. รับประทานอาหารเช้า อย่างมีสติ
เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๑.๐๐ น. ปฏิบัติกรรมฐานเบื้องต้น (ช่วงสาย)
เวลา ๑๒.๐๐ น. (พักผ่อนตามอัธยาศัย อย่างมีสติ)
เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๕.๓๐ น. ปฎิบัติธรรม เจริญสติ (ช่วงบ่าย)
เวลา ๑๕.๓๐ น. เรียนพระธรรมวินัย/ข้อปฏิบัติตนในการถือธุดงค์

เวลา ๑๖.๓๐ น. ทำความสะอาด/ชำระร่างกาย
เวลา ๑๗.๓๐ น. สวดมนต์ทำวัตรเย็น /ปฏิบัติภาวนา (ช่วงเย็น)
เวลา ๒๐.๐๐ น. ฝึกอบรมพระธรรมวินัย/พักผ่อน



 
อบรมปฏิบัติธรรม เจริญสติปัฏฐาน ๔  

ตั้งเเต่ วันที่ 8 มีนาคม - 6 เมษายน 2558

ปฏิบัติธรรมเจริญสติภาวนา 6-8 ชม.ต่อวัน

ตารางเวลา

เวลา ๐๔.๐๐ -๐๕.๐๐ น. ............... สวดมนต์ภาวนาทำวัตรเช้า
เวลา ๐๕.๐๐ - ๐๖.๐๐ น................ ปฏิบัติธรรม เจริญสติ ภาวนา (ช่วงเช้า 1 ชม.)
เวลา ๐๖.๐๐ น. - ๐๗.๐๐ น........... บิณฑบาตร
เวลา ๐๘.๓๐ น........................... ฉันเช้า (ฉันมื้อเดียว)
เวลา ๐๙.๓๐ – ๑๒.๐๐ น.............. ปฏิบัติกรรมฐาน (ช่วงสาย 2 ชม. )
เวลา ๑๒.๐๐ น......................... (พักผ่อนตามอัธยาศัย อย่างมีสติ)
เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๖.๓๐ น............. ปฏิบัติกรรมฐาน (ช่วงบ่าย 3 ชม.)
เวลา ๑๖.๓๐ น......................... ทำความสะอาด/ชำระร่างกาย
เวลา ๑๘.๐๐ น....................... สวดมนต์ทำวัตรเย็นรวมกัน /
เวลา ๑๙.๐๐ น........................ . ปฏิบัติภาวนา สอบอารมณ์ / ฟังข้อปฏิบัติ /ปฏิบัติภาวนา (ช่วงเย็น 2 ชม.)
เวลา ๒๑.๓๐ น...........................ปลักกลดในป่า
*****(รวมการปฏิบัติธรรม วันล่ะ ๘ ชม.) ไม่รวมกิจวัตรต่างๆ*******

 
ตารางฝึกอบรมพระกรรมฐานวิเวกถือธุดงค์วัตร (เดินธุดงค์ )
จำนวน 7 วัน  

(ฝึกอบรม หลักอบรมปฏิบัติธรรมพระกรรมฐาน เบื้องต้น )

เวลา 06.00 น. เดินธุดงค์ วันล่ะ 10 ถึง 20 กม. ทุกวัน
เวลา 09.00 น. ฉันภัตตาหารเช้ามื้อเดียว
เวลา 11.00 น. ออกเดินธุดงค์ ต่อให้ครบตามกำหนด
เวลา 18.00 น. สวดมนต์ภาวนาพร้อมกัน
เวลา 19.00 น. ปฏิบัติธรรมภาวนา, เเผ่เมตตาจิต
เวลา 21.30 น. จำวัตรในกลด

((พิเศษรับบุคคลภายนอกร่วมเดินธุดงค์ด้วย..หากมีกำลังศรัทธาในการปฏิบัติธรรมข้อธุดงค์กรรมฐาน))


((หมายเหตุ. ตารางเวลาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม))



 
กิจกรรมพิเศษ  

1.เวียนเทียนวันมาฆบูชา
2.เดินธุดงค์ 7 วัน



 
สาธุชนสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในบุญครั้งนี้ได้ ดังนี้คือ  

เป็นเจ้าภาพอุปสมบทหมู่พระกรรมฐาน จำนวน 15 เจ้าภาพบุญ < อุปถัมภ์ตลอด 1 เดือน >
(รับจำนวนจำกัด)


1. เป็นเจ้าภาพบวชพระธุงดงค์กรรมฐานหมู่ 1 รูป
((คณะเจ้าภาพทุกท่านสามารถร่วมอธิฐานจิต เเละมอบบริขารต่างๆเเก่นาคที่จะเข้าอุปสมบท
เเละร่วมพิธีในการอุปสมบทนาคหมู่ในครั้งนี้ได้ ที่วัด ในกทม.))



2.เจ้าภาพอุปถัมป์ร่วมสนับสนุน ตามกำลังเเรงทรัพย์ศรัทธา
((สักครั้งได้มีโอกาศได้สนับสนุน อุปถัมป์พระธุดงค์กรรมฐานเฉกเช่นในสมัยพระพุทธกาล สมได้เป็นยอดเเห่ง อุบาสก-อุบาสิกา
ที่เเท้จริง))


สามารถเข้าร่วมพิธีอุปสมบทนาคหมู่พระธุดงค์กรรมฐานได้ วันอาทิตย์ ที่ 8 มีนาคม 2558
< เวลา 15.00 น.> .

ออกเดินทาง จาก พุทธอุทยานประวัติศาสตร์มหาราชหยกขาว อ.สามงาม จังหวัดพิจิตร
(ถนนนครสวรรค์-พิษณุโลก กม.80)



 
สอบถามเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมบุญนี้ได้  


กิจกรรม สำหรับเจ้าภาพอุปถัมภ์บวชพระกรรมฐาน(รุ่น 17)
วันเสาร์ ที่ 7 มีนาคม 2558


 
ร่วมกิจกรรม ดังนี้  

-กิจกรรมขอขมา สำหรับผู้ปกครอง-เจ้าภาพ
-กิจกรรมโกนผมนาคหมู่(พระธูดงค์กรรมฐาน)
-กิจกรรมถวายผ้าไตรนาค
-กิจกรรมรับพรจากคณะสงฆ์เเละนาค
-กิจกรรมรับของที่ระลึกจากพระอาจารย์
(ลากลับ)


-*-สร้างคนให้เป็นมนุษย์ สร้างมนุษย์ให้เป็นพระ สร้างพระให้เป็นพระที่ประเสริญสุด ร่วมเป็นส่วนหนึ่งใน การสร้างศาสนทายาทได้-*-



<<เจ้าภาพทุกท่านจะได้ ของที่ระลึกเป็นกรอบรูปพระพุทธรูปหยกขาว ทั้ง สามองค์ ณ พุทธอุทยานประวัติศาสตร์มหาราชหยกขาว>>





 
ติดต่อสอบถาม หรือสมัครอุปสมบทด่วนหมู่ได้ที่  

ศูนย์ประสานงานโครงการอุปสมบทนาคหมู่พระธุดงค์กรรมฐาน ถวายเป็นพุทธบูชา
เทศกาลวันมาฆบูชา รุ่น ๑๗

**ติดต่อสอบถามโครงการ. **
หรือ สมัครบวช หรือ ประสงค์อุปถัมภ์บวชพระ 1 รูป หรือมากกว่า
(จำนวนกำจัด 15 ท่าน)
โทรติดต่อ 09-30375-441



 
ดำเนินโครงการโดย. "มูลนิธิพิจิตรกตัญญู"  


ศูนย์ฝึกอบรมพระธุดงค์กรรมฐาน "สวนป่าพุทธอุทยานวิปัสสนา"
เเละ"คณะพระผู้นำการเผยเเผ่คุณธรรมเชิงบูรณาการ"
เเละ"ชมรมพุทธบุตรบารมี"
เเละสาธุชนเหล่าพุทธบุตรอาสา อุบาสก-อุบาสิกา
ร่วมดำเนินงาน



 
ที่ปรึกษาโครงการ  

อดีตนายกสมาคมชาวพิจิตร พลโทเสนิท ไพรทอง
ประธานมูลนิธิพิจิตรกตัญญู



 
ติดต่อสอบถามสมัคร / เจ้าภาพบวชพระ  
E-mail...dhammaprathai@hotmail.com

โทร.09-30375441





 
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ (((เว็บไซต์..ธรรมะดี))  
http://www.dhammadee.com

เฟสบุ๊คโครงการ
[url]
lamphongdhamma@hotmail.com[/url
](ลำโพงข่าว ข่าวสด)




 
ผลอานิสงส์เบื้องต้นในการออกบวชคือ  

1.ได้บารมีจากการบวช (เนขขัมมะบารมี ซึ่งพระพุทธเจ้าเเละพระปัจจเกพุทธเจ้า พระโพธิสัตย์ เเละสาวกได้สร้างบำเพ็ญทุกชาติ
2.ได้อานิสงส์ส่งผลเพื่อตอบเเทนพระคุณบิดา-มารดา ผู้มีพระคุณอย่างมากมาย(ศีล227ข้อ)
3.เป็นทางเเห่งสายเอกที่มุ่งเพื่อมรรค-ผล
4.ได้เรียนรู้หลักประพฤติเเละธรรมะในพระพุทธศาสนา
5.เป็นศาสนทายาทที่เเท้จริงเพื่อสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา
6.เป็นการเเก้ผลของกรรมที่สร้างมาได้เร็วโดยเฉพาะเข้ารับการปฏิบัติเป็นพระธุดงค์กรรมฐาน เป็นต้น



 
สำหรับผู้ร่วมเป็นเจ้าภาพได้อานิสงส์ผลบุญเบื้องต้น คือ  

1.เป็นการสร้างเหตุปัจจัยในการออกบวช (ภพหน้าหรือปัจจุบันจะได้มีบริขารบวช)
............. ในสมัยพระพุทธเจ้ามีพระอรหันต์ไม่ได้บวชเพระาไม่เคยถวายบริขารบวช
2.เป็นการสร้างเเรงอธิฐานเพื่อให้ชาติหน้าได้มีโอกาศบวชบ้างในชาตินี้หรือชาติหน้า(สำหรับผู้หญิงปรารภได้เป็นชายได้ออกบวชเป็นพระ)
3.เป็นการสร้างบุญบารมีจากการบวช(เนกขัมมบารมี:บารมีจากการบวช)
4.เป็นการสนับสนุนการสร้างศาสนทายาทเพื่อต่ออายุพระพุทธศาสนา(ถ้าใครเเนะนำลูกออกบวชนั้นเป็นการมอบเป็นลูกในพระศาสนา)
5.ได้เป็นส่วนหนึ่งในบุญที่พระธุดงค์ทุกรูปได้ประพฤติปฏิบัติธรรมความดีงามในโครงการด้วย
6.เเก้กรรมของเราได้ส่วนหนึ่งเพราะได้บุญจากการสนับสนุนการบวชเเล้วก็เเผ่บุญกุศลให้เจ้ากรรม(การบวชเเล้วปฏิบัติถือว่าสูงสุด)
7.เป็นการสนับสนุนให้ผู้ประสงค์บวชได้มีโอกาสได้บวชเพื่อศึกษธรรมประพฤติธรรมในร่มผ้ากาสายะ

เป็นต้น


 
อานิสงส์ของการออกบวช  

พระเจ้าอชาตศัตรูทูลถามพระพุทธเจ้าว่า :


"บุคคลในโลกนี้เขามีอาชีพแตกต่างกัน เป็นทหาร เป็นข้าราชการ เป็นคหบดี มีอาชีพเป็นช่างต่างๆเป็นชาวนา เป็นชาวไร่ ชาวสวน หรืออาชีพช่างไม้ต่างๆบุคคลที่ประกอบอาชีพเหล่านี้ เมื่อประกอบอาชีพแล้วก็สามารถจะสร้างตัวได้ เลี้ยงตัวได้ในปัจจุบันแล้วก็มีเงินทองเลี้ยงดูบุตรภรรยาของตน และก็ทำบุญ ทำทาน ก็มีโอกาสไปเกิดบนสวรรค์ อยากจะถามว่า ในพระพุทธศาสนานี้ พระองค์ตรัสความเป็นสามัญผล คือ
ผลที่จะได้จากการบวช ของกุลบุตรในศาสนานี้ไว้อย่างไรบ้าง? "



พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสว่า : "ผู้ที่บวชเข้ามาในศาสนานี้ย่อมได้อานิสงส์ถึง ๑๔ ประการ"
สามัญญผล ๓ หมวด

สามัญญผล หรือ ผลของความเป็นสมณะที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้นี้ สามารถจัด
ออกได้เป็น ๓ หมวด คือ หมวดที่ ๑ ทำให้พ้นจากฐานะเดิม คือ พ้นจากความเป็นทาส เป็นกรรมกร เป็นชาวนา ได้รับการปฏิบัติดีแม้จากพระมหากษัตริย์ นี้ คือ ผลข้อที ๑ และข้อที่ ๒ หมวดที่ ๒ เมื่ออบรมจิตใจเป็นสมาธิ เป็นเหตุให้ได้ฌานที่ ๑ ถึงที่๔ อันทำให้กิเลสอย่างกลางสงบลงได้ คือ ผลข้อที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ และที่ ๖

หมวดที่ ๓ ทำให้ได้วิชชา ๘ เริ่มตั้งแต่ข้อที่ ๗ คือ ได้วิปัสสนาญาน จนถึงข้อที่ ๑๔ คือ อาสวักขยญาณ


ในข้อแรก
พระพุทธองค์ตรัสถามพระเจ้าอชาตศัตรูว่า :


"ก็คนที่เป็นทาสกรรมกรของพระองค์ เคยรับใช้พระองค์อยู่ ตื่นก่อนนอนทีหลังทาสกรรมกรเหล่านั้นมาพิจารณาว่า พระมหากษัติย์เจ้านายของเรานี้ทรงมีบุญญาธิการ มีบุคคลแวดล้อม มีทรัพย์สินนานัปการ มีอำนาจยิ่งใหญ่ พระองค์ก็เป็นมนุษย์ เราก็เป็นมนุษย์ เพราฉะนั้น เราจะต้องออกบวชเสียดีกว่า เมื่อออกบวชแล้ว ประพฤติพรหมจรรย์ ต่อมาพระองค์ได้พบทาสกรรมกรของพระองค์นั้น พระองค์จะเรียกบุคคลนั้นให้มาทำงานรับใช้พระองค์ ให้ตื่นก่อนนอนทีหลังอีกหรือเปล่า? "

พระเจ้าอชาตศัตรูทูลตอบว่า :
"ไม่อย่างนั้น แต่ข้าพระองค์จะเคารพกราบไหว้ผู้นั้น ให้ความคุ้มครองตามธรรม"


พระพุทธองค์ตรัสว่า : นี่แหละคืออานิสงส์ของการบวชข้อที่ ๑ ที่เห็นได้ชัดในปัจจุบัน ต่อจากนั้น

พระพุทธองค์ตรัสว่า : "มีคนที่ทำนาของพระองค์ มาพิจารณาว่า พระเจ้าแผ่นดินของเรามีอำนาจวาสนามีบุญใหญ่ พระองค์ก็เป็นมนุษย์ เราก็เป็นมนุษย์ ไฉนหนอ เราจึงจะได้ออกบวชประพฤติพรหมจรรย์ และในที่สุด ท่านผู้นั้นก็ได้ออกบวชประพฤติพรหมจรรย์ เมื่อพระองค์ทรงพบภิกษุที่เคยเป็นชาวนานั้นเข้า จะตรัสเรียกท่านผู้นั้นให้

มาทำนาให้แก่พระองค์อีกหรือ ?"

พระเจ้าอชาตศัตรูทูลตอบว่า :"ไม่อย่างนั้น แต่ข้าพระองค์จะเคารพกราบไหว้ ให้ความคุ้มครอง ถวายปัจจัย ๔ ให้การคุ้มครองด้วยความเป็นธรรมแก่ผู้นั้น"

พระพุทธองค์ตรัสว่า : นี่เป็นสามัญญผล คือ ผลที่เห็นได้ชัดจากการบวชข้อที่ ๒

พระพุทธเจ้าจึงตรัสต่อไปว่า : คหบดีหรือ กุลบุตรในแว่นแคว้นของพระองค์นี้ มาพิจารณาเห็นว่า พระเจ้าแผ่นดินของเรานั้นเพียบพร้อมไปด้วยความสุข มีความรุ่งเรือง ก็เรานี้เห็นว่าการครองเรือนเต็มไปด้วยความทุกข์ เป็นที่คับแคบ ส่วนบรรพชาเป็นช่องว่าง การที่อยู่ครองเรือนจะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์สะอาดดุจดั่งสังข์ขัดนั้นทำได้ยาก เพราะฉะนั้น เขาจึงออกบวช ประพฤติพรหมจรรย์ สมบูรณ์ไปด้วยศีล

คือ จุลศีล มัชฌิมศีล และมหาศีล (คือ ศีลขนาดเล็ก ขนาดกลาง และศีลมาก) ต่อจากนั้นภิกษุนั้นสำรวมอินทรีย์ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มีสติสัมปชัญญะ ละบาปอกุศล มีสันโดษ ยินดีด้วยปัจจัย ๔ ออกป่าบำเพ็ญสมาธิ ละนิวรณ์ ๕ ได้ ในที่สุดก็ได้

บรรลุฌานที่ ๑ ได้ประสบความสุขอันเกิดจากฌานนี้ คืออานิสงส์ของการบวช หรือสามัญญผล ข้อที่ ๓ต่อจากนั้น ท่านผู้นั้นก็บำเพ็ญสมาธิจน
บรรลุฌานที่ ๒ ก็เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๔บรรลุฌานที่ ๓ ก็เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๕บรรลุฌานที่ ๔ ก็เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๖

ต่อจากนั้น ท่านก็น้อมจิตไปเพื่อเจริญวิปัสสนา โดยพิจารณาพระไตรลักษณ์ จนจิตของตนเข้าถึงวิปัสนาญาน แยกรูปแยกนาม พิจารณานามรูป เห็นตามความเป็นจริง ก็เป็นเหตุให้ท่านผู้นั้นสามารถบรรลุญาณทัสสนะ อันเป็นวิปัสสนาญาน

พระพุทธเจ้าตรัสว่า : นี้คือ อานิสงส์ของการบวชข้อที่ ๗
ต่อจากนั้นก็สามารถบรรลุ มโนมยิทธิ คือ ฤทธิ์ทางใจ นิรมิตกายอื่นจากกายนี้ได้

เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๘ ต่อจากนั้น ก็ได้บรรลุ อิทธิวิธิ คือ แสดงฤทธิ์ เช่น น้อยคนทำให้เป็นมากคน ดำไปในดิน ดำไปใน

น้ำได้ก็เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๙เมื่อปฏิบัติต่อไปก็สามารถได้ ทิพโสต คือ หูทิพย์ ได้ยินเสียงจากที่ไกลเกินวิสัยของหูมนุษย์ธรรมดา

เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๑oเมื่อปฏิบัติต่อไป

ก็สามารถได้ เจโตปริยญาน คือ รู้ใจคนอื่น คือ สามารถทายใจคนอื่นได้ (แม้ในปัจจุบันก็มีพระบางรูปที่สามารถรู้ใจคนอื่นได้ เรียกว่า เจโตปริยญาน) การได้เจโตปริยญาณ

เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๑๑
บางท่านก็ระลึกชาติได้ ที่เรียกว่า บุพเพนิวาสานุสสติญาน คือ ระลึกชาติหนหลังได้เป็นจำนวนมาก อาจจะเป็นจำนวนหลายๆชาติ หรือชาติจำนวนมากที่ผ่านมาในอดีต การระลึกชาติหนหลังได้นี้

เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๑๒ บางท่านก็ได้ทิพจักษุ หรือ จุตูปปาตญาณ คือ ญาณรู้จุติกำเนิดของสัตว์ทั้งหลาย คือ สามารถรู้เห็นสัตว์ทั้งหลายที่เกิดและที่ตายด้วยตาทิพย์ การได้ทิพจักษุนี้ เป็นอานิสงส์ของการบวชข้อที่ ๑๓ในที่สุดก็ได้บรรลุอาสวักขยญาณ คือ ทำกิเลสให้สิ้นไป

ก็เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๑๔พระพุทธองค์ทรงสรุป ในที่สุดแห่งทุกข้อว่า เป็นผลแห่งความเป็นสมณะที่เห็นได้ในปัจจุบันว่าสูงกว่ากันไปตามลำดับ คือ ตั้งแต่ขั้นแรกแล้วบรรลุสูงขึ้นๆ ไปตามลำดับ ซึ่งเป็นอานิสงส์ของการบวช ที่เห็นได้ชัดเช่น ผู้ที่ได้บรรลุฌานที่ ๒ ก็ประเสริฐกว่าฌานที่ ๑ ได้บรรลุฌานที่ ๓ ประเสริฐกว่าฌานที่ ๒ ได้บรรลุฌานที่ ๔ ประเสริฐกว่าฌานที่ ๓ และการบรรลุต่อๆ ไป ก็สูงขึ้นตามลำดับ

วิชชา ๘ คืออะไร?

วิชชา ๘ ก็คือ
๑. วิปัสสนาญาณ ญาณอันนับเข้าในวิปัสสนา
๒. มโนมยิทธิ ฤทธิ์ทางใจ
๓. อิทธิวิธิ แสดงฤทธิ์ได้
๔. ทิพโสต หูทิพย์
๕. เจโตปริยญาณ รู้ใจคนอื่น
๖. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ระลึกชาติได้
๗. ทิพจักขุ ตาทิพย์
๘. อาสวักขยญาณ ทำอาสวะ คือ กิเลสให้สิ้นไปได้


ผู้บวชย่อมได้อานิสงส์แห่งบุญจากการบวช ได้ฝึกฝน อบรมตนเองตามพุทธวิธี แม้เพียงระยะเวลาสั้นๆ ก็สามารถ นำพาชีวิตให้พบกับเป้าหมายอันสูงส่ง และย่อมได้อานิสงส์ มากมาย ยากที่จะนับจะประมาณได้เพราะความตั้งใจอัน มั่นคงที่จะบวช

ฝึกฝนตนเอง ถ้าตั้งใจประพฤติปฏิบัติอย่าง เคร่งครัด ย่อมได้อานิสงส์ ดังนี้
๑.) เป็นผู้รู้จักบริหารเวลา คือรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เรียกว่า ความเป็นผู้รู้กาลซึ่งเป็นคุณธรรมข้อหนึ่งที่ทำให้ เป็นสัปบุรุษ
๒.) แม้ช่วงเวลาจะสั้น แต่ถ้าลงปฏิบัติอย่างจริงจัง ก็จะได้ ลิ้มรสความสุข จากความสงบตั้งแต่ยังเยาว์
๓) มีโอกาสได้ศึกษาหลักธรรมไว้กำกับความรู้ จะได้ใช้ ความรู้ ไปในทางที่ถูกที่ควร
๔.) ได้ฝึกวินัยและเข้าใจวัฒนธรรมในการอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะถ้าบรรพชาแล้วตั้งใจฝึกฝนอบรมตนเอง อย่างจริงจัง ต่อไปจะเป็นคนรักระเบียบวินัย
๕.) ได้ฝึกสมาธิ ทำจิตให้สงบ ซึ่งเป็นผลดีต่อการเรียน
๖.) เกิดความปลื้มปิติยินดีที่ได้ทำความดีตั้งแต่ยังเยาว์ความปิตินี้เองที่จะเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงหัวใจอยู่เสมอ
๗.) ทำให้มีความอดทน ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคใดๆ
๘.) ทำให้รู้จักตนเองนั่นคือรู้ว่าตนเองมีความรู้ความสามารถคุณธรรมแค่ไหนเพียงใด เพื่อที่จะได้พัฒนาปรับปรุง ตนเองให้ดียิ่งขึ้น
๙.)ได้ชื่อว่าเป็นผู้เริ่มถากถางหนทางไปพระนิพพาน



 
(((บวชครั้งนี้บวชสร้างบารมี)))
อุปถัมภ์ครั้งนี้ อุปถัมภ์เพื่อสร้างทานบารมี
((( ฝึกครั้งนี้ฝึกเพื่อ เข้าใจการปฏิบัติธรรม))))  




 
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ธรรมะดี  
http://www.dhammadee.com



 
ดูรูปภาพกิจกรรม โครงการอุปสมบทนาคหมู่ รุ่นที่ ๓ ที่ fackbook :  

http://www.facebook.com/media/set/?set= ... 44acc0335f


รวมภาพกิจกรรมโครงการอุุปสมบทนาคหมู่ (รุ่น ๔) ที่ผ่านมา กดลิงค์

https://www.facebook.com/media/set/?set ... 455&type=1

รวมภาพภาพกิจกรรม รุ่นที่ ๘ กดลิงค์
https://www.facebook.com/media/set/?set ... 455&type=1


รวมภาพโครงการอุปสมบทนาคหมู่ พระธุดงค์กรรม รุ่น 12
https://www.facebook.com/lamphongdhamma ... 455&type=1





 
---ข้อมูลเพิ่มเติม----  

คุณสมบัติผู้ขอบรรพชาอุปสมบทตามกฏมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๓๖)

ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระอุปัชฌาย์
หมวด ๓ หน้าที่พระอุปัชฌาย์
ข้อ ๑๓ พระอุปัชฌาย์ต้องพบและสอบสวนกุลบุตร ให้ได้คุณลักษณะก่อน จึงรับให้บรรพชาอุปสมบทได้คุณลักษณะของกุลบุตรนั้น มีดังนี้
(๑) เป็นคนมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตตำบล หรืออำเภอที่จะบวช และมีหลักฐาน มี&#8232;อาชีพชอบธรรม หรือแม้มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอื่น แต่เมื่อสอบสวนแล้วปรากฏ&#8232;ว่าเป็นคนมีหลักฐาน มีอาชีพชอบธรรม มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งไม่ใช่คนจรจัด
(๒) เป็นสุภาพชน มีความประพฤติดีประพฤติชอบ ไม่มีความประพฤติเสียหาย &#8232;เช่น ติดสุรา หรือยาเสพติดให้โทษ เป็นต้น
(๓) มีความรู้ อ่านและเขียนหนังสือไทยได้
(๔) ไม่เป็นผู้มีทิฏฐิวิบัติ
(๕) เป็นผู้ปราศจากบรรพชาโทษ และมีร่างกายสมบูรณ์ อาจบำเพ็ญสมณกิจได้ ไม่เป็นคนชราไร้ความสามารถ หรือทุพพลภาพ หรือพิกลพิการ
(๖) มีสมณบริขารครบถ้วน และถูกต้องตามพระวินัย
(๗) เป็นผู้สามารถกล่าวคำขอบรรพชาอุปสมบทได้ด้วยตนเอง และถูกต้องไม่วิบัติ

ข้อ ๑๔ พระอุปัชฌาย์ ต้องงดเว้นการให้บรรพชาอุปสมบท แก่คนต้องห้ามเหล่านี้
(๑) คนทำความผิดหลบหนีอาญาแผ่นดิน
(๒) คนหลบหนีราชการ
(๓) คนต้องหาในคดีอาญา
(๔) คนเคยถูกตัดสินจำคุก โดยฐานเป็นผู้ร้ายสำคัญ
(๕) คนถูกห้ามอุปสมบทเด็ดขาดทางพระศาสนา
(๖) คนมีโรคติดต่อเป็นที่น่ารังเกียจ เช่น วัณโรคในระยะอันตราย
(๗) คนมีอวัยวะพิการจนไม่สามารถปฏิบัติกิจพระศาสนาได้

บุคคลห้ามบวช ๑๑ ประเภท

๑. กะเทย (บัณเฑาะก์)
๒. คนที่ลักเพศ (บวชเอาเองโดยไม่ถูกต้อง)
๓. ผู้ไปเข้าลัทธิศาสนาอื่น
๔. สัตว์เดรัจฉาน
๕. ผู้ฆ่ามารดา
๖. ผู้ฆ่าบิดา
๗. ผู้ฆ่าพระอรหันต์
๘. ผู้ข่มขืนนางภิกษุณี
๙. ผู้ทำสงฆ์ให้แตกกัน
๑๐. ผู้ประทุษร้ายพระพุทธเจ้าถึงยังพระโลหิตให้ห้อ
๑๑. คนมีอวัยวะ ๒ เพศ (อุภโตพยัญชนก)

ลักษณะที่ไม่ควรให้บรรพชา (เป็นสามเณร) ๓๒ ประเภท

๑. มือขาด
๒. เท้าขาด
๓. ทั้งมือทั้งเท้าขาด
๔. หูขาด
๕. จมูกแหว่ง
๖. ทั้งหูขาดทั้งจมูกแหว่ง
๗. นิ้วมือขาด
๘. นิ้วหัวแม่มือขาด
๙. เอ็นเท้าขาด
๑๐. นิ้วมือเป็นแผ่น
๑๑. หลังค่อม
๑๒. เตี้ยเกินไป
๑๓. คอพอก
๑๔. ถูกสักหมายโทษจนเสียโฉม
๑๕. ถูกลงอาญา (มีรอยแผลโบยด้วยแส้)
๑๖. ถูกหมายจับ (ให้ฆ่าได้เมื่อพบ)
๑๗. มีเท้าปุก
๑๘. เป็นโรคเรื้อรังรักษาไม่หาย
๑๙. ประทุษร้ายบริษัท (มีลักษณะผิดแปลกไปจากหมู่)
๒๐. ตาบอดข้างเดียว หรือทั้งสองข้าง
๒๑. เป็นง่อย
๒๒. คนกระจอก (เช่น เท้าผิดปกติ ต้องเดินด้วยหลังเท้า)
๒๓. เป็นอัมพาต
๒๔. คนเปลี้ย (เดินเองไม่ได้)
๒๕. คนชรา ทุพพลภาพ
๒๖. ตาบอดแต่กำเนิด
๒๗. เป็นใบ้
๒๘. หูหนวก
๒๙. ทั้งบอดทั้งใบ้
๓๐. ทั้งบอดทั้งหนวก
๓๑. ทั้งใบ้ทั้งหนวก
๓๒. ทั้งบอดทั้งใบ้ทั้งหนวก



 
==== ขอโมทนากุศลกับผู้ปรารภในบุญตั้งใจจะสมัครเข้ารับการอุปสมบทเเละ ร่วมอุปถัมภ์เป็นเจ้าภาพบวช รุ่น 17 ในเทศกาลวันมาฆบูชา 2558 นี้ =====  



 
*********** ขอบุญรักษา เทวดาคุ้มครอง สุขภาพร่างกายเเข็งเเรง ทุกท่านเทอญ **********
    


ที่มา : เข้าสู่ร่มผ้ากาสายะ ตามเเนวเเห่งพระธรรมคำสอนในพระศาสนา เพื่อเเสวงหาสัจธรรม



ปฏิบัติตน.....ฝึกหัดตน.....รักษาใจตน.....เเละเผยเเผ่พระธรรมตามคำสอน
ตามหลักสูตร
ปรัยัติ(ศึกษาพระธรรมวินัยเบื้องต้น)
ปฏิบัติ(นำคำสอนเข้าสู่การปฏิบัติจริงเห็นจริง)
ปฏิเวธ(เเสวงหาความสงบเพื่อค้นพบสัจธรรม)


• ขอเชิญชวนชาวพุทธร่วมเดินทางไปกราบสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล ณ ประเทศอินเดีย-เนปาล

• คิดสิ่งใดได้สิ่งนั้น

• เผชิญความตายด้วยใจสงบ

• พระครูภาวนารังสี ( เปลื้อง วิสฏฺโฐ ) วัดใหญ่ชัยมงคล จ.พระนครศรีอยุธยา (2445 - 2536)

• สุโข พุทฺธานํ อุปฺปาโท ความเกิดขึ้นแห่งท่านผู้รู้ทั้งหลายให้เกิดสุข

• ปฏิบัติธรรมวันสงกรานต์ แบบเจโตวิมุติ 12 - 15 เมษายน 2567 ณ ปัณฑิตารมย์สระบุรี

RELATED STORIES




จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย