ตอนที่ 2 (ต่อ)
พระอาจารย์จึงพาเดินทางไปผ่านหมู่บ้านชุมชนที่มีเสียงผัวเมียทะเลาะกัน ผ่าป่าช้าพบศพเน่าขึ้นอืดเหม็นมีหนอนเจาะชอนไช จึงบังเกิดความสลดสังเวชใจ พระอาจารย์แนะนำให้ไปอยู่ที่วัดอื่น พระเรวัตตะจึงออกเดินทางไปอยู่วัดบุพพาราม ห่างออกไปด้านทิศตะวันออกของสาวัตถี ติดกับแม่น้ำอจิรวดี โดยที่มิได้บอกใคร.........
........... วันเวลาผ่านไปนานหลายเดือน จนถึงฤดูฝน วันหนึ่งขณะที่พระเรวัตตะอยู่ในกุฏิหลังเล็กๆความคิดถึงลีลาวดีกลับคืนมาอีก แล้วอยู่ๆกลางดึก มีเสียงของลีลาวดีมาเคาะประตูเรียก เมื่อออกมาพบกันแล้ว ลีลาวดีจึงเล่าว่าแอบมาทั้งที่อันตรายเพื่อมาขอร้องให้ลาสิกขาไปแต่งงานอยู่ด้วยกันพูดจบแล้วเธอรีบกลับ พระเรวัตตะ เพิ่งจะทราบความจริงว่าหลังจากที่ตนหนีมาแล้วนั้น ลีลาวดีก็ถูกบังคับให้แต่งงานกับสุวัฒนะกุมาร จึงรู้สึกสงสารมากอีกทั้งพอมีคู่แข่งก็มีใจสู้ขึ้นมา จึงกลับมาที่วัดเชตวัน เพื่อจะขอลาสิกขาบทกับพระอาจารย์ พระอาจารย์เทศนาให้กลับใจอย่างไรก็ไม่ฟัง ท่านจึงให้รออีก 2 วันค่อยกลับมาใหม่ พระเรวัตตะจึงกลับไปที่วัด บุพพาราม เช้าวันรุ่งขึ้นก็ได้รับจดหมายจากลีลาวดีว่า ด้วยชีวิตนี้แม่ให้มา จึงขอกตัญญูตามที่แม่ต้องการ คือแต่งงานกับสุวัฒนกุมาร และขอให้ความรักที่มีต่อกันของสองเรานั้นสิ้นสุดลง เพราะด้วยความรักมาก เมื่อความตั้งใจและความหวังพังทลาย ความผิดหวังจึงมีมาก จากรักจึงกลายเป็นเกลียดมาก ทุกข์ทรมานมาก ในที่สุดตัดสินใจออกเดินทางไปทางทิศตะวันออก อย่างไร้จุดหมายปลายทาง ฉากของชีวิตแห่งการร่อนเร่พเนจรเริ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว
พระเรวัตตะเดินทางผ่าหมู่บ้านน้อยใหญ่ อาศัยป่า ลำธาร โขดหินเป็นที่พำนัก ท่องเที่ยวไปเหมือนดั่งนกบินอย่างอิสระบนท้องฟ้า เหมือนปลาแหวกว่ายเล่นในทะเลกว้าง ได้ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากด้วยการนำธรรมโอสถแนะนำสั่งสอนผู้ตกยากตามคามนิคมน้อยใหญ่ เรื่อยไป
หลายวัน หลายเดือน หลายปีผ่านไป จนกระทั่งเดินทางมาถึงพระเวฬุวันและพักอยู่ในกุฏิหลังเล็กๆหลังหนึ่ง ต่อมาไม่นานพระมหาเถระเจ้าได้มอบหมายให้ปกครองดูแลสงฆ์ จนได้รับความศรัทธามากขึ้น
เย็นวันหนึ่งพระลูกวัดเข้ามารายงานว่ามีภิกษุณีแปลกหน้าเข้ามาถามหาพระอาจารย์ เธอชื่อลีลาวดี พระ เรวัตตะรู้สึกเสียวแปลบเข้าไปในหัวใจ จึงบอกว่าไม่ยอมให้พบและจะไม่ยอมพบเป็นอันขาด ได้แต่รำพึงว่า
ลีลาวดีเอ๋ย เธอได้สลัดหลวงพี่ทิ้งอย่างไม่มีเยื่อใยแล้วแต่งงานกับสุวัฒนกุมาร เธอได้ขว้างดอกไม้แห่งความหวังของหลวงพี่ลงกับพื้นแล้วเอาเท้าเหยีบขยี้เสียอย่างไม่ปรานีจนหลวงพี่ต้องเนรเทศตัวเองจากกรุงสาวัตถี เธอจะมารื้อฟื้นความหลังอันขมขื่น ทำลายความสงบสุขของหลวงพี่ เธอจะมาคุ้ยเขี่ยแผลที่หัวใจของหลวงพี่ที่กำลังจะหายสนิทให้กำเริบขึ้นอีก ลีลาวดีเอ๋ย เธออย่าหวังว่าจะได้พบหลวงพี่อีกเลย.
คืนวันต่อมามีเสียงเคาะที่ประตู เรวัตตะจึงถามว่าใคร ลีลาวดีเจ้าค่ะจำเสียงลีลาวดีไม่ได้หรือเจ้าคะ
ลีลาวดีคนนั้นกำลังมีความสุขอยู่กับอ้อมแขนของสุวัฒนกุมาร เขาจะมาทำไมที่นี่
โธ่..น่าสงสาร..หลวงพี่ไม่รู้ความจริง หลวงพี่เข้าใจผิดหมด ลีลาวดีอุตส่าห์ออกบวชเป็นภิกษุณีติดตามหาหลวงพี่ก็เพื่อจะแถลงความจริงให้ทราบ
ฉันไม่อยากฟังความจริงจากเธอลีลาวดีเพราะความจริงนี่แหละฉันจึงต้องเนรเทศตัวเองออกจากกรุงสาวัตถี
ถ้าหลวงพี่รู้ความจริง จะไม่หนีออกมาแน่นอน
ไม่มีประโยชน์ดอกลีลาวดี
ขอให้กลับไปเดี๋ยวนี้