เมื่อก่อน ตอนอ่านหนังสือ ไม่ว่าจะฟังเพลงอยู่ หรืออยู่ในงานพบปะสังสรรค์ อยู่ในที่เสียงดัง คนหลายคนคุยกัน จะไม่ได้ยินเสียงใครเลยค่ะ ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าคืออะไร จนแม่ทักว่า อะไร เสียงดังโหวกเหวกขนาดนี้ยังอ่านหนังสือได้ สมาธิดี ตอนนั้นก็ไม่ได้สนใจ จนตอนนี้ อ่านหนังสือไม่รู่เรื่องเลยค่ะ ไม่เหมือนเมื่อก่อน เสียงโหวกเหวกอะไรได้ยินหมด อยากกลับไปเป็นแบบนั้นอีกครั้ง ทำยังไงดีคะ
เมื่อ 20 ปีที่แล้วผมฝึกสมาธิจนได้สมาธิในระดับหนึ่งจนสัมผัสวิญญาณได้ ลูกสาวไม่สบายก็เสกน้ำให้ลูกกินก็หายปลิดทิ้งภายในเวลาไม่ถึง 1 นาที ด้วยความคิดที่ตัวเองมีดีแล้วจึงนำไปปฏิบัติในทางที่ผิดศีลผิดธรรม โดยเสกเหล้าให้เป็นน้ำเปล่าแล้วนั่งดื่มกับเพื่อนจนเหล้าหมดขวดก็ไม่เมา สุดท้ายสมาธิเสื่อม จิตเสื่อม ฝึกอย่างไรสมาธิก็ไม่เกิดจนเลิกฝึกนับตั้งแต่นั้นมา
เมื่อต้นปี 2556 ผมฟังวิทยุ FM 103.25 เสียงธรรมหลวงตามหาบัว ท่านกำลังเทศน์เรื่องวิธีแก้จิตเสื่อมพอดี
http://www.npa-account.com/thamma3.html ลองเปิดฟังดูนะครับ เดี๋ยวนี้สมาธิของผมกลับคืนมาเหมือนเดิมและพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ สิ่งสำคัญของการแก้จิตเสื่อมอยู่ที่สติตัวเดียวเท่านั้น สติตั้งมั่นตามรู้คำบริกรรม หายใจเข้าพุทให้รู้ว่าหายใจเข้าพุท หายใจออกโธให้รู้ว่าหายใจออกโธ จิตเพ่งตรงไปข้างหน้าอย่าส่ายไปมา ทำความรู้สึกให้แผ่ซ่านกระจายไปทั่วร่างกาย
ขอบคุณนะค่ะ ที่ให้คำแนะนำ รู้สึกตัวเองจิตเสื่อมจริงๆค่ะ ยิ่งโตยิ่งคิดมาก เพราะต้องรับผิดชอบนู่นนี่นั่น ตอนนี้พยายามนั่งสมาธิทุกเช้าอยู่ค่ะ ไม่รู้จะกลับมาได้ไหม
สมาธิ คือความต่อเนื่องของความระลึกรุ้ตัว คือไม่เพลินไปกับความคิดความรู้สึก ความเพลินไป กับความมีสมาธิย่อมส่งผลให้ปรากฏอารมณ์ที่ต่างกัน อารมณ์สุขจากความเพลิดเพลินของใจ ย่อมไม่ลึกซึ้งเท่าอารมณ์สมาธิ แต่จะหาความเที่ยงแท้จากอารมณ์ทั้งสองอย่างย่อมไม่มี ก็มีแต่จะคิดเองเออเองว่าใช่อารมณ์ของเรา ว่าเราควบคุมอารมณ์ได้ คนเราจึงเข้าไม่ถึงความจริง ที่ไม่ใช่ตัวใช่ตนใดๆ ลองนั่งสมาธิโดยไม่ควบคุมสิ่งใดๆที่รับรู้เลยดูสิ โดยไม่ต้องหลบซ่อนความจริงที่ปรากฏดูสิ ทำบ่อยๆชำนาญเข้าทุกอย่างก็เสมอเดิมด้วยธรรมชาติเอง แล้วจะเสื่อมจะเจริญให้เป็นทุกข์ไปทำไม?..มันน่าเบื่อนะ....
คุมความคิดไม่ได้ค่ะ มันมีหลายเรื่องน่ะค่ะ กำลังสับสน ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น แต่สับสน
คนเราควบคุมความคิดไม่ได้จริงๆหรอก ที่เราเข้าใจว่าควบคุมได้เป็นเพียงการเติมเจตนา ซึ่งเป็นเหตุปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้เหมือนควบคุมได้ ความคิดเป็นธรรมะ ที่ปราศจาคการควบคุม เพราะคนหลง ไม่รู้ตามจริงคนเราจึงหลงบังคับควบคุมความคิด แน่หละนี่คือเหตุที่ทำให้จิตต้องเป็นทุกข์ การละทุกข์ด้วยความไม่ยึดมั่นในความคิดก็เพียงแค่รู้เหตุการณ์ที่ว่ามาไปเรื่อยๆ การสำรวมจิตก็แค่คอยระวังว่าจะมีการบังคับควบคุมใดใด นี่แหละคือการเจริญ ศีล สมาธิ และปัญญา อย่างครบถ้วน แล้วจะรู้สึกเบื่อสิ่งเร้าใดใด ที่จะมากระตุ้นให้ดิ้นรนไปบังคับควบคุมความคิดเองแหละ สาธุ