ถ้าเราคิดบวชใจ ตามรอยพุทธธรรม ใจเราจะเสมือนหนึ่ง คลัง เป็นยุ้ง เป็นฉาง เป็นธนาคารเก็บแก้วสารพัดนึก เก็บยอดบุญ แก่นคุณธรรมค้ำคูณตนและวงศ์ตระกูล ให้พ้นทุกข์พ้นภัย
ถ้าเราคิดไม่บวชใจ ใจเราจะเสมือนหนึ่งคลัง เป็นโกดัง ขังเสือที่ดุร้ายไว้มากมาย และเป็นที่เก็บงูพิษทุกชนิดไว้กัดตัวเอง
บุญบวชใจ บวชได้ทุกย่างก้าว
บุญบวชใจ บวชได้ทุกลมหายใจเข้าออก
บุญบวชใจ บวชได้ทุกขณะจิต
บวชใจได้ทุกที่ ทุกสถาน ทุกกาลเวลา
ในบ้าน ในเรือน ก็บวชใจได้
ในที่ทำงาน ก็บวชใจได้
บุญบวชใจเป็นข้อปฏิบัติที่เรียบง่าย โปร่ง เบา สะดวก ไม่ต้องลงทุน ไม่เสียเงินไม่เสียงาน ไม่เสียเวลา ไม่เสียกิจการใดๆ เพราะใช้ใจบวช บวชอยู่ภายใน
บวชใจ...
เวลาใดดีที่สุด
บวชใจได้...
ในทุกขณะจิต ที่มีผัสสะกระทบ
และ ที่จิตเราส่งออกไปกระทบผัสสะ
ขณะจิตใด...
ที่ได้น้อมคิดบวชใจ บวชใจ และบวชใจ
ขณะจิตนั้นแล...
ได้ขึ้นชื่อว่า เป็นผู้ได้มอบอภิมหาพรชัย
ที่ศักดิ์สิทธิ์ สูงสุด เป็นขั้นๆ ให้แด่ตน
และมวลหมู่มนุษย์ชาติ ทั่วจักรวาล
คนที่โชคร้ายที่สุดคือคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองโชคดี
...สิ่งดีๆนำมามอบแด่ กัลญาณมิตรสายธรรมทุกท่านคะ
ถ้าเราคิดบวชใจ ให้เป็นธรรม บริสุทธิ์ศิล ใจเราจะเป็นเสมือนหนึ่งธนาคาร เป็นตู้เซฟเก็บบรรจุมหามรดกคุณค่าอมตะ จะเป็นชีวิตที่มีสาระ มีแก่นมีคุณค่า มีราคาแพงที่สุดในโลก
...ถ้าเรายังไม่คิดบวชใจ ใจเราจะเป็นเสมือนหนึ่งธนาคาร ที่มีแต่...
แบ๊งค์เก๊ เงินปลอม
เป็นทอง ก็ทองปลอม
เป็นเพชร ก็เพชรปลอม
ไว้เต็มธนาคาร เราจะเป็นคนน่าสงสารยิ่ง เพราะมัวหลงครอบครองของปลอมอยู่ภายใน
...ถ้าเราคิดบวชใจ บวชใจ และบวชใจ ใจเราจะหมดพิษ หมดภัย ไม่ทำลายตัวเอง ไม่ทำลายทุกคนในครอบครัว ไม่ทำลายโลกทั้งปวงอีกตลอดกาล
ถ้าเปรียบเป็นงูพิษ
ก็เป็นงูที่ถูกรีดพิษ ได้ปิดประตูอบายภูมิ
ถ้าเปรียบเป็นคน
จะได้ขึ้นชื่อว่า...
เป็นมหามรดกชีวิตที่มีประสิทธิภาพล้ำค่า
ต่อครอบครัว สังคม ประเทศชาติ
จะได้เป็นชีวิต ดวงจิต มหาโลกุตระ มหาอริยะ
มหานิพพาน เป็นขั้นๆทันกาล
การได้เกิดเป็นมนุษย์...สุดประเสริฐ
การได้พบพระพุทธศาสนา...สุดล้ำเลิศ
การก่อเกิดคุณธรรม...สุดล้ำค่า
เป็นมหามงคลชัยอันสูงสุดในชีวิต
สวัสดีครับคุณพี่พ้นน้ำ
ยังไงๆ "โอปอ" น้องคนนี้ก็ยังอยู่ในโคลนตมอยู่นะครับ
ติดตามอ่านของคุณพี่มานานแล้ว และอ่านของหลายๆคน เห็นคุณพี่พ้นน้ำตอบด้วยความระมัดระวังในจิตเป็นอย่างยิ่ง รู้สึกนิยมชมชอบอยู่ในใจ "อย่างนี้จึงเรียกว่า..ผู้ปฏิบัติธรรม..."
การ "บวชใจ" บวชใจแล้วรักษาใจอยู่เฉยๆหรือเปล่าครับ หรือต้องหมั่นฝึกใจอย่างไรครับ น้องคนนี้ฝึกสมาธิจนเกิดนิมิตขึ้นมามากมายแล้วนะครับ กำลังหาทางก้าวหน้าในการปฏิบัติอยู่ครับ แล้วเป็นคนที่ไม่ชอบอ่านปริยัติ เพราะตีความหมายยาก ก็เลยมุ่งแต่การปฏิบัติอย่างเดียวครับ กรุณาแนะนำน้องด้วยนะครับ
สวัสดีคะ...คุณโอปอ...
ทำไมกล่าวร้ายตัวเองเยี่ยงนี้ล่ะคะ พวกเราชาวเว๊ปธรรมะไม่มีใครอยู่ในโคลนตมหรอกคะรวมทั้งคุณและดิฉันด้วย มีแต่พ้นน้ำกันหมดแล้วอยู่ที่ว่าบานอ้ารับแสงรึยังเท่านั้น จริงๆดิฉันก็จะคล้ายๆกับคุณโอปอนะคืออ่านขนาดนั้นไม่ค่อยและส่วนตัวไม่เคยไปฝึกสมาธิเป็นเรื่องเป็นราว อาศัยเข้าวัดฟังธรรมและอ่านธรรมในคำสอนของพระอริยะทั่วๆไปคะ ไม่ทราบเช่นกันว่าทำไมอยู่ๆจิตและความรู้สึกเป็นได้ขนาดนี้ แรกๆทำบุญใส่บาตรแบบจิตธรรมดา พอสวดมนต์ ไหว้พระมากๆบ่อยๆอยู่ๆก็บังเกิดจิตที่ดีๆแล้วก็ระดับจิตขึ้นมาด้วยคะ และก็เป็นคนจะเชื่อเรื่องบุญกรรมมากๆบวกกับเรายังมีภาระอันสูงส่งอยู่ข้างๆจึงพยายามศึกษาระดับจิตและทางชีวิตในสายกลางที่สุดแต่ไปยกที่ระดับอารมณ์ความคิดจิตให้สูงเอาคะ คือพยายามเข้าใจตัวเองและเข้าใจภาษาของผู้อื่น คุณโอปอเชื่อมั้ยคะ..ว่าถ้าเราระวังจิตตัวเองยกจิตตัวเองได้เราจะระวังจิตและยกระดับจิตคนอื่นได้ด้วย
ส่วน..การบวชใจ..ไม่ใช่การรักษาใจอยู่เฉยๆ แต่ต้องรับต้องส่งต้องฝึกบ่อยๆและต้องเข้าใจในสิ่งที่รับที่ส่งมาในจิตเราด้วยคะ ก็คือพยายามยกระดับจิตให้สูงและอารมณ์กับทุกสิ่งที่ได้รับคะ อย่าลืมว่าทุกสิ่งทุกอย่างตั้งอยู่แล้วก็ดับไปอย่าไปยึดมั่นยึดถือ ที่สำคัญต้องมี..พรหมวิหาร4ในใจเราเสมอและแผ่ไปถึงคนอื่นด้วย ไว้คุยกันใหม่นะคะ
ลืมไปนิด...ส่วนตัวแล้วถึงจะนาม พ้นน้ำ ยกจิตก็แล้วแต่บางครั้งก็ยังมีบานมีหุบเหมือนกันเล็กๆคะ
สวัสดีครับ..คุณพี่พ้นน้ำ
ขอขอบพระคุณที่ให้กำลังใจ
หลวงปู่เทสก์เคยสอนไว้ว่า ให้ทำตัวเหมือนผ้าขี้ริ้ว เพื่อเป็นการขจัดความเย่อหยิ่งจองหอง
ของตนเอง มิฉะนั้น จิตมันจะลำพองผยองว่าตัวเอง เก่งอย่างนั้น เก่งอย่างนี้ น้อง
อ่านในหนังสือของท่าน เห็นว่าควรนำมาเตือนตัวเอง ก็เลยยึดถือมาจนทุกวันนี้
ตวน้องเองก็ยังปฏิบัติกระด็อกกระแด็ก เหมือนหนอนกำลังคลานกระดุ๊กกระดิ๊ก
มองแล้วยังไม่เห็นจุดหมายปลายทางเลย ดีใจกับท่านที่เข้ามาโพสต์กัน แต่ละคน
มีความเห็นอันสูงส่งกันทั้งน้านนนน...ยกพระสูตร พระไตรปิฎกกันมาเป็นเล่มๆ
น้องยังไม่รู้เลยว่า พระไตรปิฎก มีกี่เล่ม เพราะไม่ได้ตั้งความหวังว่าจะไปเรียนเอา
เปรียญหรือปริญญาทางพุทธศาสนาแต่อย่างใด อ่านในหนังสือของหลวงปู่มหาบัว
วัดป่าบ้านตาด ท่านก็เรียนจนได้เปรียญเป็นมหา ท่านยังต้องแสวงหาครูบาอาจารย์
ท่านบอกว่า ยิ่งเรียน กิเลสยิ่งมาก อวดว่าตัวเองรู้ตัวเองฉลาด ทั้งๆที่ไม่รู้อะไรเลย
นอกจากใบลานเท่านั้น
พอไปกราบหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นท่านก็แนะนำว่า ท่านมหา ท่านเอาตำราของท่านใส่ตู้
ปิดกุญแจไว้ให้ดีนะ อย่าให้มันออกมาเพ่นพ่าน ให้ตั้งใจปฏิบัติเพียงอย่างเดียว เมื่อ
ถึงเวลา ตำราเหล่านั้นเขาจะเข้ามาสรวมกันเองแหละ
น้องก็เลยหากราบแต่ครูบาอาจารย์
วันนี้มีผู้ที่น้องเคารพอยู่ โทรมาบอกว่า วันที่ 16 มิถุนายน 51 นี้ หลวงพ่อทูล จะมาที่วัด
มกุฎฯ ที่เทเวศร์ บอกให้น้องไปกราบ และให้เตรียมอาหารไปถวายเช้าด้วย อย่าให้เกิน
7.30 น. ท่านฉันเวลาเดียว น้องคงต้องไปกราบถามธรรมข้อปฏิบัติบ้าง เผื่อจะได้พ้น
จากโคลนตม ยังไม่หวังพ้นน้ำอย่างพี่พ้นน้ำหรอก กลัวโดนผึ้งต่อยเอา เพราะยังไม่กล้า
แข็งพอ
แล้วค่อยคุยกันอีกนะครับ
น้องโอปอ
คุณโอปอคะ....ที่ดิฉันบอกไปเหมือนแสดงว่าตนอวดรู้อวดว่าเก่งรึเปล่า อ่านแล้วให้ความรู้สึกแบบนั้นมั้ยคะ ขอบอกว่าจริงๆเจตนาคือไม่ใช่เลย ตั้งใจแซวเล่นและตั้งใจอธิบายเท่าที่ตัวเองทราบจากความรู้สึกตัวเองจริงๆ เท่าที่ตัวเองประสพณ์มา ซึ่งดิฉันเองก็คล้ายๆคุณคือไม่ค่อยได้อ่านพระสูตรพระไตรปิฏกอะไรเลย ก็อาศัยคำสอนจากพระอริยะและผู้รู้ทั่วๆไป บวกกับประสพณ์การในการมาปฏิบัติในชีวิตจริง ดิฉันเน้นความบริสุทธ์ใจและความร่มเย็นใจเป็นหลักคะ แต่อย่างว่านะคะ..คอมพิวเตอร์สื่อได้แค่ภาษาเขียน ไม่สามารถได้ยินสำเนียงในการสื่อ...เข้าใจคะ....ขออนุโมทนาบุญกับกับการได้ไปกราบหลวงพ่อทูลด้วยนะคะ มีอะไรดีๆกลับมาบอกเล่าบอกบุญกันด้วยนะคะ..รออยู่
สวัสดีครับ คุณพี่พ้นน้ำ
คุณพี่ปฏิบัติธรรม ห้ามน้อยใจในเรื่องเล็กๆน้อยเด็ดขาด ใครจะเข้าใจยังไงก็ช่างเถอะ
เรารู้ว่าเราทำอะไร ดีหรือไม่ดี ผิดถูกอย่างไร เรารู้ของเราเอง มันอยู่ในใจเรา ที่น้อง
ได้เข้ามาคุยกับพี่พ้นน้ำ ไม่ใช่ว่าพอเจอปุ๊บก็คุยเลย ไม่ใช่นะ ผมติดตามอ่านของ
หลายคน เรียกว่าแอบติดตามยังงั้นแหละ เพื่อที่จะดูว่า ใครพอที่จะมีจิตใจที่อ่อนโยน
บ้าง ก็เห็นคุณพี่พ้นน้ำคนหนึ่งละ จึงเข้ามาเสวนาด้วย ส่วนบางคน ไม่กล้าคุยกับเขา
เพราะธรรมะของเขาสูงมาก สูงจนไม่กล้าไปแตะต้อง เดี๋ยวเขาจะเอาธรรมะของเขา
ที่สูงนั้น มาเทียบเคียงแล้วมาข่มน้องให้อายอีก
จึงพยายามสรรหาผู้ที่อ่อนโยน มีใจเมตตาที่พอจะคุยธรรมะกันได้รู้เรื่อง เพราะคนที่เขา
มีธรรมะสูงๆเหล่านั้น เวลาคุยออกมา มีแต่ภาษาบาลี ภาษาอะไรก็ไม่รู้ ดูแล้วรู้สึกว่าตัวเอง
ต่ำต้อยลงไปอยู่ใต้ตมทีเดียว ชาตินี้คงไม่มีวาสนาที่จะได้อ่านหนังสือแบบนั้นให้รู้เรื่อง
ไปกับเขา แต่ก็ไม่ได้ถดถอยในการปฏิบัติ
เพราะหลวงปู่ทั้งหลายที่ปฏิบัติสำเร็จ ล้วนไม่มีความรู้ความฉลาดในการอ่าน แต่หลวงปู่
ทั้งหลายมีความฉลาดในการปฏิบัติจนสำเร็จต่างหาก
นี่เป็นข้อที่น้องยังมีความหวังอันเต็มเปี่ยมอยู่ และจะพยายามปฏิบัติต่อไปจนกว่าจะมีดวงตา
เห็นธรรมกับเขาบ้าง...ดีไหมครับ..คุณพี่พ้นน้ำ ที่น้องคิดแบบนี้
แล้วคุยกันอีกนะครับ อย่าเบื่อน้องคนนี้เสียก่อนล่ะ
น้องโอปอ (อายุ 31 ปีครับ)
อ้อ...ลืมจนได้
คุณพี่พ้นน้ำ ถ้าไม่ไปกราบหลวงพ่อทูลด้วยกัน คุณพี่มีคำถามหลวงพ่ออย่างไร ฝากน้อง
ไปก็ได้นะครับ ถ้าไม่มีคำถาม แสดงว่าคุณพี่รู้หมดแล้ว แล้วมาแกล้งอำน้องว่ายังไม่รู้น่ะเอง
น้องโอปอ
สวัสดีคะ..คุณโอปอ..ขอโทษทีที่ตอบช้าไปหลายวัน มาไม่ถึงคะมัวแต่ไปซนกระทู้ของคนอื่นซะก่อน และขอบอกว่าเรื่องน้อยใจไม่มีแน่นอน ถ้าจะมีก็คงเกรงใจและเกรงว่าจะมีการเข้าใจผิดในภาษากัน ไม่อยากเสียกัลยาณมิตรดีๆในที่นี้ไปสักคนเลยคะ ถึงจะมั่นใจในเจตนาของตัวเองแต่การได้อธิบายก็เป็นการดีและชัดเจนไม่ใช่เหรอคะ และสิ่งนึงที่ดิฉันกล้าตอบแบบเต็มปากว่ามีมากกว่าคุณแน่นอนคือ....ตัวเลขที่คุณแจ้งมา...ของคุณอยู่หัวแถว(ผู้นำเลยนะคะ)ของดิฉันปลายแถว(ผู้ตาม)คะ ส่วนในเรื่องธรรมะดิฉันไม่ได้เน้นในทางภาษาและไม่ค่อยรู้เรื่องด้วย แต่จะมุ่งเน้นไปในบุญทางจิตที่เป็นกุศล จิตที่เบิกบาน มีพรหมวิหารสี่ เข้าใจธรรมชาติเข้าใจเพื่อนมนุษย์และเข้าใจถึงหลักความจริงของธรรมะในทางสายกลาง สติและปัญญาคะ ถ้าคุณสังเกตดีๆดิฉันจะมุ่งเน้นด้านให้กำลังใจซะมากกว่าความรู้ในทางปฏิบัติ จะแนะนำบ้างก็ในแง่ความคิดที่มุ่งในทางปล่อยวางมากกว่าวิชาการคือชีวิตจริงของเราๆท่านๆ ถ้ากระทู้ไหนเป็นแบบปุจฉา วิปัสนาก็ขอเป็นผู้อ่านเอาความรู้จะเหมาะกับตัวเองมากกว่า หรือถ้าเข้าไปให้กำลังใจแล้ว เผอิญท่านนั้นรู้วิชาการมากแล้วดิฉันก็จะถอยหรือถ้าเป็นวาจาแรงกล้าดิฉันก็หยุด(มิบังอาจแข่งในวาจากับเส้นทางธรรม) หรือถ้าใครแนะนำหรือติเตือนดิฉันก็จะอ่านจะฟังชอบด้วยเหมือนเราได้ความรู้ละเอียดหรือในอีกมุมเพิ่ม ไม่เคยโกรธเลยคะ เพราะดิฉันเชื่อว่าเส้นทางธรรมชี้ขาดถูกผิดไม่ได้(ถ้าเข้าใจกันผิดไม่แน่) จริตคนเรามีมาไม่เหมือนกัน แล้วแต่จริตของแต่ล่ะคน แต่สิ่งที่ทุกคนมุ่งหวังก็คือจุดเดียวกันอยู่ที่ว่าใครจะไปเส้นทางไหน และก็อธิบายกันยาก ในแต่ล่ะจริตก็รู้ได้เฉพาะตน สำเร็จหรือถึงนิพพานก็ไม่สามารถบอกกล่าวกันได้ หรือผู้ฟังก็คงไม่เข้าใจและถ้าเข้าใจก็คงไม่ซาบซึ้งเท่ารู้ด้วยตนเอง วัดความรู้แจ้งเห็นจริงความสูงส่งของวิชาความสำเร็จปริญญาก็บอกกล่าวกันไม่ได้เพราะปริญญาวัดกันที่ใจคะ อันนี้คือความรู้สึกของดิฉันคะ....
และเรื่องที่จะให้ถามพระคุณเจ้าหลวงพ่อทูล...ไม่ใช่ไม่มีเพราะตัวเองไม่รู้หมดแน่แต่มากมายและมีความละเอียดสูงจนไม่ทราบจะเริ่มต้นกับคำถามยังไงคะ เอาเป็นว่าฝากให้คุณโอปอไปนำความบริสุทธ์และความละเอียดของธรรมะมาเป็นธรรมทานให้ดิฉันจะดีกว่ามั้ยคะ จะรอ...นะคะ (ทุกวันฉันมีความสุขหัวใจ ไม่อยากจะคิดอะไร มีหัวใจเหมือนห้องว่างเปล่า ไม่โกรธ ไม่แค้น ไม่เกลียดใครให้ใจหมองเศร้า ใครว่าอย่างไรช่างเขาตัวของเรารู้ตัวเรา......ฉันวันนี้..เคยฟังมั้ยคะ)
พระพุทธองค์ทรงช่วยมิได้ดอก แต่ทรงบอกลู่ทางวางไว้ให้
เราต้องขยันปฏิบัติขัดเกลาไป จึงจะได้พ้นทุกข์สุขถาวร
การภาวนา.....
ก็เป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ เป็นยอดทาน
สิ่งอื่นๆก็สู้ภาวนาไม่ได้
ถ้าไม่เป็นบุญก็เป็นกุศล
เพราะว่าความศรัทธา ความเชื่อ ความเห็น ความรู้ มันมีอยู่ในใจ
ใจคิดในทางดีก็ต้องเป็นบุญเป็นกุศล
ถ้าคิดไปในทางไม่ดีก็ไม่เป็นบุญเป็นกุศล
บุญกุศลมันอยู่ที่ดีที่ชอบ
สิ่งใดที่ชอบนั่นแหละ เป็นบุญ เป็นกุศล ชอบใจในการบุญการกุศล
บุญกุศลมันอยู่ที่ใจไม่ใช่มาจากอื่น
ธรรมะของจริงมันก็อยู่กับใจนี่แหละ
..........พระราชนิโรธรังสี(หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
วิปัสสนาญาณ...
การฟังจากคนอื่น
การค้นคว้าจากตำรานั้น
ไม่อาจแก้ข้อสงสัยได้ ต้องเพียรปฏิบัติ
ทำวิปัสสนาญาณให้แจ้ง
ความสงสัยก็หมดไปเองโดยสิ้นเชิง
...ที่จริงพระอรหันต์ทั้งหลาย
ท่านไม่ได้รู้อะไรมากมายเลย
เพียงแต่เจริญจิตให้รู้แจ้งในขันธ์ห้า
แทงตลอดในปฏิจจสมุปบาท
หยุดการปรุงแต่ง หยุดการแสวงหา
หยุดกริยาจิต มันก็จบแค่นี้
เหลือแต่บริสุทธิ์ สะอาด สว่าง ว่าง
ว่าง.....มหาสุญญตา ว่างมหาศาล
....พระราชวุฒาจารย์(หลวงปู่ดูลย์ อุดโล)
..เป็นครูสอนคนอื่นก็ดีอยู่ หากสอนตัวเองด้วยก็จะดีมากขึ้น เราตรวจคะแนนให้คนอื่น ข้อนี้ถูกข้อนี้ผิด เราเคยตรวจดูตัวเองบ้างรึเปล่า...วันเวลาผ่านไปอดีตถึงปัจจุบัน คะแนนฝ่ายดีกับคะแนนฝ่ายชั่วนั้น ข้างไหนมันมากน้อยกว่ากัน กลับไปตรวจตัวเอง
..ศีลมีหลายข้อ ไม่ต้องรักษาหมดทุกข้อดอก...รักษาแต่ใจของเจ้าให้ดีอย่างเดียว กาย วาจาก็จะดีไปด้วยกันนั่นแหละ
(หลวงปู่ผาง จิตตคุตโต วัดอุดมคงคาคิรีเขต อ. มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น)
..พุท-โธ อยู่ที่ไหน ..ไม่ต้องไปมองที่อื่น อยู่ที่ใจเรานี่เอง...
..พุท-โธ คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน...ตื่น รู้ เบิกบานในใจเมื่อไหร่...เมื่อนั้นจิตใจก็งดงาม
...งาม..แปลว่าดี ถ้ามันดีแล้ว มันก็เกิดความพอ ..ถ้ามันพอแล้วก็ดี ให้พากันเข้าใจอย่างนี้ ในความดีงามให้มันบริสุทธิ์จริงๆ เพราะนั่นเป็นทางมนุษย์สวรรค์และพระนิพพาน
( ..หลวงปู่กินรี จนทิโย วัดกัณตศิลาวาส ต.ฝั่งแดง อ.เมือง จ.นครพนม..)
นำมาฝาก........ ธรรมะวันละนิด จิตร่มเย็นนะคะ นำมาฝากไว้อ่านให้เย็นใจ และ ตัวดิฉันเองก็ได้ท่องจำระหว่างพิมพ์ด้วย ไม่ได้มีเจตนาอวดรู้หรือสอนใคร แต่เป็นเจตนาสื่อไว้ให้อ่านเย็นใจกันวันล่ะนิด ด้วยใจที่บริสุทธิ์..
ตัดวิจิกิจฉาเพื่อบรรลุโสดา...
ใช่หรือไม่ใช่ ใช่หรือมิใช่
เจ้าตัวสงสัย เป็นตัวขัดขวาง
หนทางปฏิบัติ การฝึกฝนจิต
ให้ได้สำเร็จ ต้องฝึกฝนจิต
ไม่อ่อนไม่ไหว สิ่งใดที่เกิด
ไม่เป็นดั่งใจ ต้องทำใจว่าง
อย่าให้ขวางทาง ที่จักก้าวเดิน
อย่าคิดเกินเลย จัดการผสม
แต่งปรุงเข้าไป ให้จิตมิว่าง
นั่นเป็นไม่ดี แก่ตัวของตัว
จิตต้องปล่อยวาง ปล่อยวางทุกสิ่ง
ไม่เอาสิ่งไหน มาเป็นอารมณ์
กวนจิตกวนใจ สิ่งที่มิเป็น
และเห็นว่าเป็น อย่างนั้นอย่างนี้
ขอจงแลมอง สองตาแลเป็น
เห็นเป็นธรรมดา เช่นนี้เองแล
เรื่องราวใดใด อย่าปรุงอย่าแต่ง
ให้เป็นดังใจ รู้เห็นเพียงใด
ให้หยุดเพียงนั้น จิตจึงจักวาง
สำหรับฝึกฝน
โสดาโสดา อะไรคือโสดา
จิตที่ฝึกดี ละวางทุกสิ่ง
ไม่มีตัวเรา ไม่มีตัวเขา
คือไม่ยึดติด ว่านั่นของเรา
หรือนั่นของเขา เอามาใส่ใจ
ให้ปรุงให้แต่ง ว่าเป็นต่างต่าง
เมื่อละวางได้ ความชอบโกรธเกลียด
ไม่มีในจิต ความโลภอยากได้
มาเป็นของเรา ก็จะไม่มี
เมื่อจิตสะอาด ปลอดโปร่งแจ่มใส
ดวงจิตดวงนี้ ใสดุจดวงแก้ว
เปล่งปลั่งแวววาว ดุจเพชรเจียระไน
ไม่มีปัญหา มีแต่ปัญญา
เห็นแจ้งในธรรม ไม่มีเคลือบแคลง
..........(ท่านลื่อโจ๊ว เทพเจ้ากอปอด้วยพรหมวิหารสี่)........
นานแค่ไหนก็จะคอย
และคำตอบก็มาจริงๆ เสมือนหนึ่งลอยมาจากสวรรค์ซาบซ่านเข้าสู่จิต
คุ้มค่ากับการรอคอย คุ้มค่ากับกาลเวลาที่ผ่านพ้น
"โลกมนุษย์ เป็นศูนย์กลางของการสร้างกรรมดีกรรมชั่ว ไม่มีมนุษย์คนใดในโลก
ที่ไม่สร้างกรรม อยู่ที่ใครจะสร้างกรรมดีกรรมชั่วมากกว่ากันเท่านั้นเอง"
เป็นธรรมของหลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ กล่าวไว้ในหนังสือ "ภัยธรรมชาติ" ครับ
คุณพี่พ้นน้มีธรรมะดีๆของครูบาอาจารย์มากมาย เป็นบุญจริงๆที่คุณพี่ได้มีโอกาส
ไปกราบนมัสการหลวงปู่ผู้บริสุทธิ์ทั้งหลายเหล่านั้น น่าชื่นใจ น่าอนุโมทนาด้วยครับ
การอนุโมทนา...ได้บุญหรือไม่ ?
น้อง โอปอ คิดว่า ไม่น่าจะได้นะครับ หรือคุณพี่มีความคิดเห็นอย่างไรครับ ?
ได้ซิคะ...ได้แน่คะ..ส่วนจะได้ยังไงแบบไหน..พรุ่งนี้คุยกันนะคะคุณโอปอ
ขอกราบอนุโมทนาธรรมของพระอาจารย์หลวงพ่อทูลในข้อนี้ด้วยนะคะ
ธรรมเบิกบาน......
.......ปรับที่ใจ แก้ไขที่เรา
.......เพราะรู้จัก
.......พลิกมุมของความคิด
.......และปรับเปลี่ยนให้เกิด
.......เป็นคุณค่าในสิ่งที่มี
.......ชีวิตจึงได้พบสิ่งที่หลากหลาย
.......ในความต่างที่ลงตัวได้
.......ทำให้เกิดการเรียนรู้จากสิ่งเหล่านั้น
.......อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เพียงรู้จักพลิกมุมความคิด และปรับเปลี่ยนให้เกิดเป็นความดีงาม ความสุขที่ต้องการให้มาโอบกอดชีวิต ย่อมไม่ใช่เรื่องยากเกินคาดคิดอีกต่อไป
..........สิ่งที่ยิ่งใหญ่ ล้วนเกิดจากใจที่ใหญ่กว่า
......ถ้ากล่าวโดยความเป็นจริงแล้ว
......จิตใจเราไม่เคยคับแคบแต่อย่างได
......แต่ด้วยความที่เรามักสร้างสิ่งขวางกั้นใจให้แคบเอง
......ปัญหาที่ผ่านเข้ามาจึงผ่านไปด้วยความยากลำบาก
......จึงทำให้จิตใจเกิดความอึดอัด
......เมื่อปัญหามีเนื้อที่มากเกินไป
การใช้ชีวิตให้ดำเนินไปด้วยความปรกติสุขก็เช่นเดียวกัน เราควรเรียนรู้ที่จะให้สิ่งต่างๆดำเนินไปตามเหตุปัจจัยที่เหมาะสม โดยมีจิตใจที่กว้างพอคอยรับรู้สิ่งนั้นๆด้วยความเข้าใจ พร้อมกับคอยรับรู้สิ่งต่างๆอย่างเท่าทันนั้น มีคุณค่ามหาศาลเพียงใด
(..ชุติปัญโญ...พระมหาวีระพันธ์ ชุติปัญโญ วัดลานนาบุญ ต. ตลาดขวัญ อ.เมือง จ. นนทบุรี)
สวัสดีคะ..คุณโอปอ...
เมื่อวานอนุโมทนากับธรรมะดีๆแล้วรู้สึกยังไงบ้างคะ เบิกบาน ร่มเย็นใจมั้ย นี่แหละคะ ที่เขาเรียกว่าบุญ ก็คือ คิดดีก็เริ่มมีจิตที่ผ่องใส พูดดีก็เป็นปิยะวาจา มีใจร่วมในสิ่งดี ภาษาบุญก็เรียกว่า เกิดจิตเกษม ดังพุทธพจน์ที่ว่า
จิตที่ฝึกดีแล้ว นำสุขมาให้
จิตที่คุ้มครองดีแล้ว นำสุขมาให้
เมื่อจิตผ่องใสแล้วย่อมพาไปสู่ที่สุขที่เกษม
เป็นมงคลชีวิตข้อ38เลยนะคะ นี่แหละคะบุญ...
ธรรมะมาฝากทุกท่านและตัวเอง......
............จงทำกับเพื่อนมนุษย์โดยคิดว่า
...เขาเป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บตายของเรา
...เขาเป็นเพื่อนเวียนว่ายอยู่ในวัฎฎสงสาร ด้วยกันกะเรา
...เขาก็ตกอยู่ใต้อำนาจกิเลส เหมือนเรา ย่อมพลั้งเผลอไปบ้าง
...เขาก็มีราคะ โทสะ โมหะ ไม่น้อยไปกว่าเรา
...เขาย่อมพลั้งเผลอบางคราวเหมือนเรา
...เขาก็ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม เหมือนเรา ไม่รู้จักนิพพานเหมือนเรา
...เขาโง่ในบางอย่าง เหมือนที่เราเคยโง่
...เขาก็ตามใจตัวเองในบางอย่าง เหมือนที่เราเคยกระทำ
...เขาก็อยากดี เหมือนเรา ที่อยาก ดี-เด่น-ดัง
...เขาก็มักจะกอบโกย และเอาเปรียบเมื่อมีโอกาสเหมือนเรา
...เขามีสิทธิ ที่จะบ้าดี เมาดี หลงดี จมดี เหมือนเรา
...เขาเป็นคนธรรมดา ที่ยึดมั่นถือมั่น อะไรต่างๆ เหมือนเรา
...เขาไม่มีหน้าที่ ที่จะเป็นทุกข์หรือตายแทนเรา
...เขาเป็นเพื่อนร่วมชาติ ร่วมศาสนา กะเรา
...เขาก็ทำอะไร ด้วยความคิดชั่วแล่น และผลุนผลัน เหมือนเรา
...เขามีหน้าที่รับผิดชอบ ต่อครอบครัวของเขา มิใช่ของเรา
...เขามีสิทธิ ที่จะมีรสนิยม ตามพอใจของเขา
...เขามีสิทธิ ที่จะเลือก (แม้ศาสนา) ตามพอใจของเขา
...เขามีสิทธิ ที่จะใช้ สมบัติ สาธารณะ เท่ากันกับเรา
...เขามีสิทธิ ที่จะเป็นโรคประสาท หรือเป็นบ้า เท่ากับเรา
...เขามีสิทธิ ที่จะขอความช่วยเหลือ เห็นอก เห็นใจจากเรา
...เขามีสิทธิ ที่จะได้รับอภัย จากเรา ตามควรแก่กรณี
...เขามีสิทธิ ที่จะเป็นสังคมนิยม หรือเสรีนิยม ตามใจเขา
...เขามีสิทธิ ที่จะเห็นแก่ตัว ก่อนเห็นแก่ผู้อื่น
...เขามีสิทธิ แห่งมนุษย์ชน เท่ากันกับเรา สำหรับจะอยู่ในโลก
ถ้าเราคิดอย่างนี้ จะไม่มีการ ขัดแย้งใดๆเกิดขึ้น
(พุทธทาส อินทปญโญ)
สวัสดีครับคุณพี่พ้นน้ำ
วันนี้ขออนุญาตเข้ามาอ่าน
วันนี้จิตนิ่งเกินไปที่จะตอบอะไรได้มาก จิตกำลังดื่มด่ำในธรรมะที่เกิดขึ้นเองในจิต และโดยธรรมชาติของจิต
อนุโมทนาด้วยคะ
สิ่งดีดีมีไว้แบ่งปันนะคะ ขอบคุณค่ะ
สิ่งดีดีมีไว้แบ่งปันนะคะ ขอบคุณค่ะ