คุณคิดอย่างไรกับที่พระภิกษุสามเณรเดินตามห้างสรรพสินค้า?
ท่านคงมีความจำเป็นในการหาเลือกซื้อสิ่งของมาบริโภคอุปโภค เพราะบางแห่งท่านต้องกระทำเอง ไม่มีโยมมาอุปัฏฐากเหมือนวัดใหญ่ๆ ท่านก็เป็นมนุษย์เหมือนกับเรานั่นแหละ แต่อยู่ในอีกฐานะหนึ่ง (พิจารณาดูเองเถิด)
เป็นสถานที่อโคจร ไม่เหมาะสมกับสมณเพศจะไปสัญจร
อุจาดตา แต่อย่างว่าแหละ พระส่วนมากในปัจจุบัน ก็มีจิตใจไม่ต่างกับฆราวาสหรอก
ไม่มีสามัญสำนึกในความเป็นสมณเพศ
ไปดูนานาทัศนะเกี่ยวกับพระที่ลิงค์นี้อีกที
http://larndham.net/index.php?showtopic=31833&st=0
เราเห็นท่านก็ลองถามท่านว่ามาทำอะไรครับ เพราะว่าปัจจุบันนี้ที่ทำการไปรณีย์ก็อยู่ห้าง ชำระค่าโทรศัพท์ก็อยู่ห้าง
ท่านอาจมีจำเป็นต้องทำเกี่ยวกับสิ่งนี้
เราเห็นถามได้ ดีกว่าเก็บความหงุดหงิดงุ่นง่านไว้ให้เป็นสนิมในใจ
อยู่ที่เจตนา
ท่านผู้ออกบวชที่กล่าวถึงนั้นจะรู้เจตนาของท่านเองว่าท่านไปเพื่อจุดประสงค์อะไร
หากมีเจตนาดี ย่อมสร้างประโยชน์
ผู้ถือบวชก็คือผู้ที่ต้องการฝึกศึกษาอย่างจริงจัง หากท่านผู้ถือบวชทราบถึงเจตนาของการบวชอันนี้ ก็จะรู้ถึงหน้าที่ของตน จะเดินทางไปที่ไหนก็ปฏิบัติได้เหมาะสม
ในสมัยอดีต ที่รวมความรู้ต่างๆ นั้นอยู่ที่วัด เพราะเป็นที่รวมของผู้รู้ ผู้คนในสังคมทั้งผู้บวชและชาวบ้านก็ไปรวมกันที่วัด เป็นจุดรวมการทำกิจกรรมต่างๆ อีกอย่างหนึ่งก็เป็นที่รวมของกิจกรรมที่สนองความต้องการอื่นๆด้วย เช่น งานวัด เป็นต้น
เวลาผ่านมาถึงสมัยปัจจุบัน ที่รวมของกิจกรรมที่สองความต้องการ รวมอยู่ที่ห้างสรรพสินค้า ทั้งแหล่งความรู้เช่นหนังสือ สื่อความรู้อื่นๆ ก็รวมอยู่ที่นี่ ความเปลี่ยนแปลงของผู้คนในสังคม ทั้งผู้บวช(ฝึกใหม่) และชาวบ้าน ที่นิยมความสะดวกก็ไปรวมที่ห้างสรรพสินค้า
ดังนั้น เมื่อยังเข้มแข็งไม่เพียงพอ ก็มีพลั้งเผลอเป็นธรรมดา
ไม่สมควรอย่างยิ่งเพราะพระสงฆ์คือผู้ที่สละแล้วซึ่งทุกอย่างในทางโลกถ้ายังตัดไม่ขาดก็ลาสิกขาไปอย่าให้มัวหมองพระศาสนาอย่าลืมว่าเงินคืองูพิษสำหรับเพศบรรพชิต
ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอกครับ
จะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวทำ จะสูงจะต่ำอยู่ที่ทำตัว
ไม่เป็นไรหรอกครับ เดินได้ ถ้าท่านไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎสงฆ์ก็สามารถทำได้อย่างดี เพราะว่ารูปภายนอกของท่านอาจจะมาเดินห้าง แต่ว่าภายในจิตของท่านอาจไม่ได้มาเดินเพราะกิเลสตัณหาก็ได้ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เราตัดสินอะไรง่าย ๆ ถ้าเราไปตัดสินเค้าว่าไม่ดีนั้น เป็นการสร้างกรรมใหม่แล้ว "มโนกรรม"
อโคจร
ถาม คต.ที่ 9 ช่วยบอกเป็นวิทยาทานด้วย
ถาม อโคจร มีกี่อย่าง อะไรบ้าง ?
หลายอย่างที่ภิกษุกระทำแล้ว...ไม่ผิดศีล แต่เป็นโลกวัชชะ คือโลกติเตียน
ดูแล้วไม่งามตา จนปัจจุบันหลายคนพูดว่า เดี๋ยวนี้จะไหว้พระแต่ละองค์ ต้องเลือกไหว้แล้วละ
นี่ก็ต่างจิตต่างใจ ต่างความคิดเห็น ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ใจกว้าง สอนไว้เฉยๆ ส่วนใครจะปฏิบัติอย่างไรนั้น ก็เป็นสิทธิ์ของผู้นั้นเอง กรรมก็กรรมของคนนั้นเอง บุญก็บุญของคนนั้น นรกสวรรค์ ก็ของคนนั้น
นรก - สวรรค์ มีจริงๆ ที่กล่าวกันว่า สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจนั้น เป็นสิทธิความคิดเห็นของคนคนนั้น เหมือนคนที่ไม่เคยเห็นผี ก็บอกว่าผีไม่มี
กรรม..กระทำแล้ว..แก้ไม่ได้ ต้องรับสภาพของกรรมนั้นในอนาคตชาติต่อไป
หลวงปู่ฝั้นกล่าวไว้ว่า ประคตเอวของพระ ในเมืองนรก กองเท่าภูเขาลูกย่อมๆลูกหนึ่ง
ดูวัวให้ดูที่หาง ดูนางให้ดูที่แม่ ฉะนั้นต้องย้อนกลับไปดู ผู้มีอาวุโสเป็นตัวอย่างที่ดีหรือไม่
เรื่องของท่านครับ เพราะไม่ใช่สิ่งที่ชาวพุทธควรต้องพิจารณา ชาวพุทธควรพิจารณาเฉพาะกายและใจของตนเท่านั้น
บางที่เราก็ต้องเปิดใจกว้าง มองโลกในแง่ดีบ้าง คือเอาแต่ส่วนที่ดี ท่านอาจมีความจำเป็นที่ต้องไป ถ้ารู้จักคำว่าปล่อยวางเสียบ้าง เราอาจมีความสุขมากกว่านี้ เหมือนกับภาษิตที่หลวงพ่อพุทธทาสท่านกล่าวไว้ว่า "จะหาคนดีโดยส่วนเดียว อย่าไปเที่ยวหาสหายเอ๋ย เหมือนเที่ยวหานกเต่า ตายเปล่าเลย ฝึกให้เคยมองแต่ดี มีคุณจริง"