คิดถึงคุณพี่ 123 ...คุณพี่พญามาร และอีกบางท่านที่มีความหวังดี มีจิตใจที่บริสุทธิ์ ตอบกระทู้ด้วยธรรมะจริงๆ ขอให้ท่านจงมีความเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะครับ....
"โอปอล์"
โดย : [DT06044] 23 พ.ค. 2551 22:30 น.
เลือกเอาสักบทนะท่าน....ใช่ทั้งนั้น แต่ไม่รู้จักนิสัยท่านเลยไม่รู้ว่าชอบบทไหน
คาถาพุทธภาษิต
( เรียงตามอักษรบาลี )
<>
อช.เชว กิจ.จมาตป.ปํ
( อัชเชวะ กิจจะมาตัปปัง )
รีบทำความเพียรเสียแต่วันนี้
อต.ตนา โจทยต.ตานํ
( อัตตะนา โจทะยัตตานัง )
จงเตือนตนด้วยตนเอง
อต.ตนา หิ สุทน.เตน นาถํ ลภติ ทุล.ลภํ
( อัตตะนา หิ สุทันเตนะ นาถัง ละภะติ ทุลละภัง )
มีตนที่ฝึกดีแล้วนั่นแหละ คือได้ที่พึ่งที่หาได้ยาก
อต.ตา สุทน.โต ปุริสส.ส โชติ
( อัตตา สุทันโต ปุริสัสสะ โชติ )
ตนที่ฝึกดีแล้ว เป็นเครื่องรุ่งเรืองของคน
อต.ตานํ ทมยน.ติ ปณ.ฑิตา
( อัตตานัง ทะมะยันติ ปัณฑิตา )
บัณฑิตย่อมฝึกตน
อนากุลา จ กม.มน.ตา เอตม.มง.คลมุต.ตมํ
(อะนากุลา จะ กัมมันตา เอตัมมังคะละมุตตะมัง)
การงานไม่คั่งค้างสับสน เป็นมงคลอันสูงสุด
อนิพ.พิน.ทิยการิส.ส สม.มทต.โถ วิปจ.จติ
( อะนิพพินทิยะการิสสะ สัมมะทัตโถ วิปัจจะติ )
ทำเรื่อยไป ไม่ท้อถอย ผลที่ประสงค์จะสำเร็จสมหมาย
อป.ปมต.ตา น มียน.ติ
( อัปปะมัตตา นะ มียันติ )
ผู้ไม่ประมาท ย่อมไม่ตาย
อป.ปมาเทน สม.ปาเทถ
( อัปปะมาเทนะ สัมปาเทถะ )
จงทำประโยชน์ให้สำเร็จ ด้วยความไม่ประมาท
อป.ปมาโท อมตํ ปทํ
( อัปปะมาโท อะมะตัง ปะทัง )
ความไม่ประมาท เป็นทางไม่ตาย
อโมฆํ ทิวสํ กยิรา อป.เปน พหุเกน วา
( อะโมฆัง ทิวะสัง กะยิรา อัปเปนะ พะหุเกนะ วา )
เวลาแต่ละวัน อย่าให้ผ่านไปเปล่า จะน้อยหรือมาก ก็ให้ได้อะไรบ้าง
อโหรต.ตมตน.ทิตํ ตํ เว ภท.เทกรต.โตติ
( อะโหรัตตะมะตันทิตัง ตัง เว ภัทเทกะรัตโตติ )
ขยันทั้งคืนวัน ไม่ซึมเซา นั้นแลเรียกว่า มีแต่ละวันนำโชค
อาปูรติ ธีโร ปุญ.ญส.ส โถกํ โถกํปิ อาจินํ
(อาปูระติ ธีโร ปุญญัสสะ โถกัง โถกังปิ อาจินัง)
ธีรชนสร้างความดีทีละน้อย ก็เต็มเปี่ยมด้วยความดี
อาโรค.ยปรมา ลาภา
( อาโรคยะปะระมา ลาภา )
ความไม่มีโรค เป็นยอดแห่งลาภ
อาสึเสเถว ปุริโส
( อาสิงเสเถวะ ปุริโส )
เป็นคนควรหวังเรื่อยไป
กต.ตพ.พํ กุสลํ พหุ
( กัตตัพพัง กุสะลัง พะหุง )
เกิดมาแล้วชาติหนึ่ง พึงสร้างความดีไว้ให้มาก
กถม.ภูตส.ส เม รต.ติน.ทิวา
( กะถัมภูตัสสะ เม รัตตินทิวา )
วันคืนล่วงไป ๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่
กม.มุนา วต.ตตี โลโก
( กัมมุนา วัตตะตี โลโก )
สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม
กม.มุนา โหติ พ.ราห.มโณ
( กัมมุนา โหติ พราหมะโณ )
เป็นคนประเสริฐ เพราะการกระทำ
โกธํ ฆต.วา สุขํ เสติ
( โกธัง ฆัตวา สุขัง เสติ )
ฆ่าความโกรธได้แล้ว นอนเป็นสุข
ขโณ โว มา อุปจ.จคา
( ขะโณ โว มา อุปัจจะคา )
อย่าปล่อยโอกาสให้ผ่านเลยไปเสีย
จิต.ตส.ส ทมโถ สาธุ
( จิตตัสสะ ทะมะโถ สาธุ )
การฝึกจิต ให้เกิดผลดี
จิต.ตํ ทน.ตํ สุขาวหํ
( จิตตัง ทันตัง สุขาวะหัง )
จิตที่ฝึกแล้ว นำสุขมาให้
จิต.ตํ รก.เขถ เมธาวี
( จิตตัง รักเขถะ เมธาวี )
ผู้มีปัญญาพึงรักษาจิต
ตญ.จ กม.มํ กตํ สาธุ ยํ กต.วา นานุตป.ปติ
( ตัญจะ กัมมัง กะตัง สาธุ ยัง กัตวา นานุตัปปะติ )
ทำกรรมใดแล้ว ไม่ร้อนใจภายหลัง กรรมที่ทำนั้นแลดี
ททมาโน ปิโย โหติ
( ทะทะมาโน ปิโย โหติ )
ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
ทน.โต เสฏ.โฐ มนุส.เสสุ
( ทันโต เสฏโฐ มะนุสเสสุ )
ในหมู่มนุษย์ คนที่ฝึกแล้วประเสริฐสุด
ทฬ.หเมนํ ปรก.กเม
( ทัฬหะเมนัง ปะรักกะเม )
พึงบากบั่นทำการให้มั่นคง
ทิน.นํ สุขผลํ โหติ
( ทินนัง สุขะผะลัง โหติ )
ของที่ให้แล้ว ชื่อว่าอำนวยสุขเป็นผลแล้ว
เทวา น อิส.สน.ติ ปุริสปรก.กมส.ส
( เทวา นะ อิสสันติ ปุริสะปะรักกะมัสสะ )
ความเพียรของคนไม่ลดละ ถึงเทวดาก็กีดกันไม่ได้
ธม.มจารี สุขํ เสติ
( ธัมมะจารี สุขัง เสติ )
ผู้ประพฤติธรรม ย่อมอยู่เป็นสุข
ธม.มปีติ สุขํ เสติ
( ธัมมะปีติ สุขัง เสติ )
ผู้อิ่มใจในธรรม ย่อมนอนเป็นสุข
ธม.เม ฐิโต ปรโลกํ น ภาเย
( ธัมเม ฐิโต ปะระโลกัง นะ ภาเย )
ตั้งอยู่ในธรรมแล้ว ไม่ต้องกลัวปรโลก
ธม.โม สุจิณ.โณ สุขมาวหาติ
( ธัมโม สุจิณโณ สุขะมาวะหาติ )
ธรรมที่ประพฤติดีแล้ว นำมาซึ่งความสุข
ธม.โม หเว รก.ขติ ธม.มจารึ
( ธัมโม หะเว รักขะติ ธัมมะจาริง )
ธรรมนั่นแหละ รักษาผู้ประพฤติธรรม
ธีโร จ สุขสํวาโส
( ธีโร จะ สุขะสังวาโส )
ปราชญ์มีการอยู่ร่วมเป็นสุข
นต.ถิ ปญ.ญาสมา อาภา
( นัตถิ ปัญญาสะมา อาภา )
แสงสว่างเสมอด้วยปัญญา ไม่มี
นิช.ฌต.ติพลา ปณ.ฑิตา
( นิชฌัตติพะลา ปัณฑิตา )
ขุมกำลังของบัณฑิต คือการรู้จักพินิจ
ปจ.จุป.ปน.เนน ยาเปน.ติ เตน วณ.โณ ปสีทติ
( ปัจจุปันเนนะ ยาเปนติ เตนะ วัณโณ ปะสีทะติ )
อยู่กับปัจจุบัน ผิวพรรณจะผ่องใส
ปญ.ญํ นป.ปมช.เชย.ย
( ปัญญัง นัปปะมัชเชยยะ )
ไม่พึงละเลยการใช้ปัญญา
ปญ.ญา เจนํ ปสาสติ
( ปัญญา เจนัง ปะสาสะติ )
ปัญญาเป็นเครื่องปกครองตัว
ปญ.ญา นรานํ รตนํ
( ปัญญา นะรานัง ระตะนัง )
ปัญญาเป็นดวงแก้วของคน
ปญ.ญา โลกส.มิ ปช.โชโต
( ปัญญา โลกัสมิ ปัชโชโต )
ปัญญาเป็นดวงชวาลาในโลก
ปญ.ญา ว ธเนน เสย.โย
( ปัญญา วะ ธะเนนะ เสยโย )
ปัญญาแล ประเสริฐกว่าทรัพย์
ปญ.ญ สุตวินิจ.ฉินี
( ปัญญา สุตะวินิจฉินี )
ปัญญาเป็นเครื่องวินิจฉัยสิ่งที่ได้เล่าเรียน
ปญ.ญาชีวี ชีวิตมาหุ เสฏฐํ
( ปัญญาชีวิง ชีวิตะมาหุ เสฏฐัง )
ปราชญ์ว่า ชีวิตที่อยู่ด้วยปัญญา ประเสริฐสุด
ปญ.ญาย ติต.ตีนํ เสฏฐํ
( ปัญญายะ ติตตีนัง เสฏฐัง )
อิ่มด้วยปัญญา ประเสริฐกว่าความอิ่มทั้งหลาย
ปญ.ญาย อต.ถํ ชานาติ
( ปัญญายะ อัตถัง ชานาติ )
ด้วยปัญญา จึงจะรู้ว่าอะไรเป็นประโยนชน์
ปญ.ญายต.ถํ วิปส.สติ
( ปัญญายัตถัง วิปัสสะติ )
ดัวยปัญญา จึงจะเห็นอรรถชัดแจ้ง
ปญ.ญาสหิโต นโร อิธ ทุก.เข สุขานิ วิน.ทติ
( ปัญญาสะหิโต นะโร อิธะ ทุกเข สุขานิ วินทะติ )
คนมีปัญญา ถึงแม้ตกทุกข์ ก็ยังหาสุขพบ
ปฏิรูปการี ธุรวา อุฏ.ฐาตา วิน.ทเต ธนํ
( ปะฏิรูปะการี ธุระวา อุฏฐาตา วินทะเต ธะนัง )
ขยัน เอาธุระ ทำเหมาะจังหวะ ย่อมหาทรัพย์ได้
ปณ.ฑิตา โสกนุทา ภวน.ติ
( ปัณฑิตา โสกะนุทา ภะวันติ )
บัณฑิตช่วยปัดเป่าทุกข์โศกความเศร้าของปวงชน
ปุญ.ญํ โจเรหิ ทูหรํ
( ปุญญัง โจเรหิ ทูหะรัง )
ความดี โจรลักไม่ได้
ภเวย.ย ปริปุจ.ฉโก
( ภะเวยยะ ปะริปุจฉะโก )
พึงเป็นนักสอบถามหาความรู้
โภคา สน.นิจยํ ยน.ติ วม.มิโกวูปจียติ
( โภคา สันนิจะยัง ยันติ วัมมิโกวูปะจียะติ )
ทรัพย์สินย่อมพอกพูนขึ้นได้ เหมือนดังก่อจอมปลวก
มา ชาตึ ปุจ.ฉ จรณญ.จ ปุจ.ฉ
( มา ชาติง ปุจฉะ จะระณัญจะ ปุจฉะ )
อย่าถามถึงชาติกำเนิด จงถามถึงความประพฤติ
ยํ ลท.ธํ เตน ตุฏฐพ.พํ
( ยัง ลัทธัง เตนะ ตุฏฐัพพัง )
ได้สิ่งใด พึงพอใจด้วยสิ่งนั้น
โยคา เว ชายเต ภูริ
( โยคา เว ชายเต ภูริ )
ปัญญา ย่อมเกิดเพราะใช้การ
รต.โย อโมฆา คจ.ฉน.ติ
( รัตโย อะโมฆา คัจฉันติ )
คืนวันไม่ผ่านไปเปล่า
ลพ.ภา ปิยา โอจิตต.เตน ปจ.ฉา
( ลัพภา ปิยา โอจิตัตเตนะ ปัจฉา )
เตรียมตัวไว้ให้ดีก่อนแล้ว ต่อไปก็จะได้สิ่งที่รัก
นิป.ผน.นโสภิโน อต.ถา
( นิปผันนะโสภิโน อัตถา )
ประโยชน์งามตรงที่สำเร็จ
นิพ.พานํ ปรมํ สุขํ
( นิพพานัง ปะระมัง สุขัง )
นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
นิวต.ตยน.ติ โสกม.หา
( นิวัตตะยันติ โสกัมหา )
คนใจการุณย์ ช่วยแก้ไขให้คนหายโศกเศร้า
โนปลิป.ปติ โลเกน โตเยน ปทุมํ ยถา
( โนปะลิปปะติ โลเกนะ โตเยนะ ปะทุมัง ยะถา )
ไม่ติดโลก เหมือนบัวไม่ติดน้ำ
วายเมเถว ปุริโส ยาว อต.ถส.ส นิป.ปทา
( วายะเมเถวะ ปุริโส ยาวะ อัตถัสสะ นิปปะทา )
เป็นคนควรพยายามเรื่อยไป จนกว่าผลที่หมายจะสำเร็จ
วิเจย.ยทานํ สุคตป.ปสต.ถํ
( วิเจยยะทานัง สุคะตัปปะสัตถัง )
ให้ด้วยพิจารณา พระศาสดาทรงสรรเสริญ
วิช.ชา อุป.ปตตํ เสฏฐา
( วิชชา อุปปะตะตัง เสฏฐา )
บรรดาสิ่งที่งอกงาามขึ้นมา วิชชาประเสริฐสุด
วิช.ชาจรณสม.ปน.โน โส เสฏโฐ เทวมานุเส
( วิชชาจะระณะสัมปันโน โส เสฏโฐ เทวะมานุเส )
ผู้สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรรยา ชื่อว่าประเสริฐสุดทั้งในหมู่มนุษย์และเทวดา
วิริเยน ทุก.ขมจ.เจติ
( วิริเยนะ ทุกขะมัจเจติ )
คนล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียร
สจิต.ตมนุรก.ขถ
( สะจิตตะมะนุรักขะถะ )
จงตามรักษาจิตของตน
สจ.จํ หเว สาธุตรํ รสานํ
( สัจจัง หะเว สาธุตะรัง ระสานัง )
สัจจะ เป็นรสดียิ่งกว่าประดารส
สติ ปโตโท ธีรส.ส
( สะติ ปะโตโท ธีรัสสะ )
สติเป็นปฏักของนักปราชญ์
สติ โลกส.มิ ชาคโร
( สะติ โลกัสมิ ชาคะโร )
สติเป็นความตื่นตัวในโลก
สติมโต สทา ภท.ทํ
( สะติมะโต สะทา ภัททัง )
คนมีสติ เท่ากับมีของดีที่นำโชคตลอดเวลา
สติมโต สุเว เสย.โย
( สะติมะโต สุเว เสยโย )
คนมีสติย่อมดีขึ้นทุกวัน
สท.ธา ทุติยา ปุริสส.ส โหติ
( สัทธา ทุติยา ปุริสัสสะ โหติ )
ศรัทธาเป็นมิตรคู่ใจคน
สท.ธีธ วิต.ตํ ปุริสส.ส เสฏฐํ
( สัทธีธะ วิตตัง ปุริสัสสะ เสฏฐัง )
ศรัทธาเป็นทรัพย์ประเสริฐของคนในโลกนี้
สพ.พทานํ ธม.มทานํ ชินาติ
( สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ )
การให้ธรรม ชนะการให้ทั้งปวง
สพ.พํ อิส.สริยํ สุขํ
( สัพพัง อิสสะริยัง สุขัง )
อิสรภาพเป็นสุขทั้งสิ้น
สพ.เพสํ สหิโต โหติ
( สัพเพสัง สะหิโต โหติ )
คนดี บำเพ็ญประโยชน์แก่ปวงชน
สมค.คานํ ตโป สุโข
( สะมัคคานัง ตะโป สุโข )
เมื่อคนพร้อมเพรียงกัน ความเพียรพยายามก็นำสุขมาให้
สมุฏ.ฐาเปติ อต.ตานํ อณุ อค.คึว สน.ธมํ
( สะมุฏฐาเปติ อัตตานัง อะณุง อัคคิงวะ สันธะมัง )
ตั้งตัวให้ได้ เหมือนก่อไฟจากเชื้อนิดเดียว
สยํ กตานิ ปุญ.ญานิ ตํ มิต.ตํ สม.ปรายิกํ
( สะยัง กะตานิ ปุญญานิ ตัง มิตตัง สัมปะรายิกัง )
บุญที่ทำไว้เอง เป็นมิตรตามตัวไปเบื้องหน้า
สยํ กตานิ ปุญ.ญานิ ตํ เว อาเวณิยํ ธนํ
( สะยัง กะตานิ ปุญญานิ ตัง เว อาเวณิยัง ธะนัง )
ความดีที่ทำไว้เองนั่นแล เป็นทรัพย์ส่วนตัวแท้ ๆ
สํวิรุฬ.เหถ เมธาวี
( สังวิรุฬเหถะ เมธาวี )
เล่าเรียนมีปัญญา จะเจริญงอกงาม
สิก.เขย.ย สิก.ขิตพ.พานิ
( สิกเขยยะ สิกขิตัพพานิ )
อะไรควรศึกษา ก็พึงศึกษาเถิด
สีลํ กวจมพ.ภุตํ
( สีลัง กะวะจะมัพภุตัง )
ศีล เป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ ยาว ชรา สาธุ
( สีลัง ยาวะ ชะรา สาธุ )
ศีลยังประโยชน์ให้สำเร็จ ตราบเท่าชรา
สีลํ อาภรณํ เสฏฐํ
( สีลัง อาภะระณัง เสฏฐัง )
ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ
สุกรํ สาธุนา สาธุ
( สุกะรัง สาธุนา สาธุ )
ความดี คนดีทำง่าย
สุขส.ส ทาตา เมธาวี สุขํ โส อธิคจ.ฉติ
( สุขัสสะ ทาตา เมธาวี สุขัง โส อะธิคัจฉะติ )
คนฉลาด ให้ความสุข ก็ได้ความสุข
สุขํ วต ตส.ส น โหติ กิญ.จิ
( สุขัง วะตะ ตัสสะ นะ โหติ กิญจิ )
ไม่มีอะไรค้างใจกังวล มีแต่ความสุขหนอ
สุขา สง.ฆส.ส สามค.คี
( สุขา สังฆัสสะ สามัคคี )
สามัคคีของหมู่ ให้เกิดสุข
สุขา สท.ธา ปติฏฐิตา
( สุขา สัทธา ปะติฏฐิตา )
ศรัทธาตั้งมั่นแล้ว นำสุขมาให้
สุขิโน วตารหน.โต
( สุขิโน วะตาระหันโต )
ท่านผู้ไกลกิเลส ช่างมีแต่ความสุข
สุโข ปญ.ญาย ปฏิลาโภ
( สุโข ปัญญายะ ปะฏิลาโภ )
การได้ปัญญา นำมาซึ่งความสุข
สุโข ปุญ.ญส.ส อุจ.ยโย
( สุโข ปัญญัสสะ อุจจะโย )
การสร้างสมความดี นำสุขมาให้
สุโข พุท.ธานมุป.ปาโท
( สุโข พุทธานะมุปปาโท )
ความเกิดขึ้นแห่งท่านผู้รู้ทั้งหลาย นำสุขมาให้
ส.นก.ขต.ตํ สุมง.คลํ สุปภาตํ สุหุฏ.ฐิตํ
( สุนักขัตตัง สุมังคะลัง สุปะภาตัง สุหุฏฐิตัง )
ประพฤติชอบเวลาใด เวลานั้นชื่อว่าฤกษ์ดี มงคลดี เช้าดี รุ่งอรุณดี
สุภาสิตา จ ยา วาจา เอตม.มง.คลมุต.ตมํ
( สุภาสิตา จะ ยา วาจา เอตัมมังคะละมุตตะมัง )
พูดดี เป็นมงคลอันอุดม
เสย.โย อมิต.โต เมธาวี ยญ.เจ พาลานุกม.ปโก
( เสยโย อะมิตโต เมธาวี ยัญเจ พาลานุกัมปะโก )
มีศัตรูเป็นบัณฑิต ดีกว่ามีมิตรเป็นพาล
ยาทิสญ.จูปเสวติ โสปิ ตาทิสโก โหติ
( ยาทิสัญจูปะเสวะติ โสปิ ตาทิสะโก โหติ )
คบคนเช่นใด ก็เป็นเช่นคนนั้น
หิโต พหุน.นํ ปฏิปช.ช โภเค
( หิโต พะหุนนัง ปะฏิปัชชะ โภเค )
คนดีจัดการโภคทรัพย์ให้เป็นประโยชน์แก่คนจำนวนมาก