เจ้าของกระทู้หนักใจ...ว่าจะไม่แล้วเชียวนา...อดไม่ได้ที่จะเข้ามาเตือนกัน

 opo    

ท่านผู้เจริญในธรรมทุกท่านครับ
กระผม ด.ช.โอปอ (opo) ครับ อายุแค่ 31 ปีเท่านั้น แต่ต้องการแสวงหาการปฏิบัติธรรมจริงๆ
ครั้งที่แล้วก็เข้ามาโพสต์ "กระผมเกิดมาจากโคลนตม......" ถามหาข้อปฏิบัติเพื่อให้ท่านผู้รู้ทั้งหลาย
ได้พากันนำความรู้ออกมาเผยแพร่แก่ผู้สนใจการปฏิบัติธรรม เข้ามาอ่านแล้วจะได้นำไปปฏิบัติกัน

กระผมใช้ถ้อยคำที่สุภาพ ถ่อมตนโดยตลอด เพื่อให้คุณพี่ที่มีความรู้การปฏิบัติได้เข้ามาแนะนำ
ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งแก่กระผม และแก่บุคคลทั่วไปที่เข้ามาอ่าน

คนส่วนใหญ่ที่เข้ามาอ่านธรรมะ ก็คือคนที่สนใจธรรมะ และสามารถแยกแยะความถูกต้องได้
หลายคนเข้ามาอ่านเฉยๆ แต่ไม่แสดงความคิดเห็นอะไร อาจจะเอือมระอากับการเข้ามาทะเลาะอวด
ความรู้กัน

ท่านผู้เจริญครับ
1. ผู้ตั้งกระทู้ย่อมต้องการให้ท่านเข้ามาตอบกระทู้ แล้วทำไมท่านไม่ตอบกระทู้ กลับไปเอาข้อความของ
ผู้ที่ตอบกระทู้มาเป็นข้อถกเถียงกันเอง สมควรหรือไม่ครับ ?
2. เว็บธรรมะ น่าจะเป็นผู้ทรงธรรมที่มีความละอายใจ ความเกรงกลัวต่อบาป ควรเป็นผู้อ่อนน้อมถ่อมตน
ไม่ยกตนข่มท่าน ไม่พูดจาถากถาง เสียดสีคนที่คิดว่าเขาด้อยกว่าตน
3. ผู้ที่เข้ามาอ่านธรรมะ เขาย่อมตัดสินเองได้ว่าใครตอบผิด - ถูก อย่างไร ท่านไม่อายเขาบ้างเลยหรือครับ
4. ทำไมท่านทั้งหลายที่อ้างตัวว่าเข้าใจธรรมะ จึงใช้วาจาที่เผ็ดร้อนรุนแรง ว่ากล่าวกันอย่างถึงพริกถึงขิง
บางทีก็เป็นวาจาที่ไม่มีความสุภาพ คล้ายกับจะประหัดประหารกันให้สิ้นทรากกันไปข้างหนึ่ง เหมือนโกรธ
กันมาสักร้อยชาติ พอได้โอกาสก็ถล่มกันให้ยับเยินกันไป พอเห็นว่าตัวเองชนะ ก็ดีใจที่เขาเถียงสู้ไม่ได้
นี่หรือคือ..."คนเข้าใจธรรมะ"
5. กระทู้ของกระผมเคยถูกลบไป ทั้งๆที่กระผมไม่ได้แจ้งลบ กระทู้ครั้งนั้น มีคนที่มีใจเมตตาเข้ามาตอบ
เป็นธรรมะที่มีประโยชน์อย่างมหาศาล กรพผมยังไม่ทันไดคัดลอกไว้ก็ถูกลบไป โดยที่กระผมก็ไม่ทราบว่า
กระผมมีความผิดอะไร
......"น่าจะลบข้อความของคนที่เข้ามาเถียงกันเอง โดยไม่ได้ตอบกระทู้ของเจ้าของกระทู้".....จึงจะยุติธรรม ท่านเจ้าของบอร์ด น่าจะพิจารณาในข้อนี้ด้วย
6. ไม่น่าจะไปดูถูกว่า สำนักนั้นเป็นอย่างนั้น สำนักนี้เป็นอย่างนี้ ใครเขาศรัทธาใคร ก็น่าจะเป็นสิทธิของเขามิใช่หรือ ตำราเล่มเดียวกัน พระพุทธเจ้าองค์เดียวกัน ทำไมต้องมาแก่งแย่ง แบ่งแยกกันแบบดูถูกเหยียดหยามกันอย่างนั้น

7. กระผมเข้ามาโพสต์ครั้งนี้ หวังไว้แล้วว่า ท่านทั้งหลายก็คงเข้ามาด่า(รวมทั้งด่ากระผมด้วย) อย่างมันมือกันไปเลยนะ และกระทู้ของกระผมก็คงถูกลบอีกตามเคย ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็คงขออำลา "เว็บธรรมะไทย" อย่างถาวร
....ท่านก็ไม่เดือดร้อน...กระผมก็ไม่เดือดร้อน..ดีนะครับทุกท่าน

คิดถึงคุณพี่ 123 ...คุณพี่พญามาร และอีกบางท่านที่มีความหวังดี มีจิตใจที่บริสุทธิ์ ตอบกระทู้ด้วยธรรมะจริงๆ ขอให้ท่านจงมีความเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะครับ....

"โอปอล์"   




คิดถึงคุณพี่ 123 ...คุณพี่พญามาร และอีกบางท่านที่มีความหวังดี มีจิตใจที่บริสุทธิ์ ตอบกระทู้ด้วยธรรมะจริงๆ ขอให้ท่านจงมีความเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะครับ....

"โอปอล์"

โดย : [DT06044] 23 พ.ค. 2551 22:30 น.

เลือกเอาสักบทนะท่าน....ใช่ทั้งนั้น แต่ไม่รู้จักนิสัยท่านเลยไม่รู้ว่าชอบบทไหน


คาถาพุทธภาษิต

( เรียงตามอักษรบาลี )
<>

อช.เชว กิจ.จมาตป.ปํ

( อัชเชวะ กิจจะมาตัปปัง )

รีบทำความเพียรเสียแต่วันนี้

อต.ตนา โจทยต.ตานํ

( อัตตะนา โจทะยัตตานัง )

จงเตือนตนด้วยตนเอง

อต.ตนา หิ สุทน.เตน นาถํ ลภติ ทุล.ลภํ

( อัตตะนา หิ สุทันเตนะ นาถัง ละภะติ ทุลละภัง )

มีตนที่ฝึกดีแล้วนั่นแหละ คือได้ที่พึ่งที่หาได้ยาก

อต.ตา สุทน.โต ปุริสส.ส โชติ

( อัตตา สุทันโต ปุริสัสสะ โชติ )

ตนที่ฝึกดีแล้ว เป็นเครื่องรุ่งเรืองของคน

อต.ตานํ ทมยน.ติ ปณ.ฑิตา

( อัตตานัง ทะมะยันติ ปัณฑิตา )

บัณฑิตย่อมฝึกตน

อนากุลา จ กม.มน.ตา เอตม.มง.คลมุต.ตมํ

(อะนากุลา จะ กัมมันตา เอตัมมังคะละมุตตะมัง)

การงานไม่คั่งค้างสับสน เป็นมงคลอันสูงสุด

อนิพ.พิน.ทิยการิส.ส สม.มทต.โถ วิปจ.จติ

( อะนิพพินทิยะการิสสะ สัมมะทัตโถ วิปัจจะติ )

ทำเรื่อยไป ไม่ท้อถอย ผลที่ประสงค์จะสำเร็จสมหมาย

อป.ปมต.ตา น มียน.ติ

( อัปปะมัตตา นะ มียันติ )

ผู้ไม่ประมาท ย่อมไม่ตาย

อป.ปมาเทน สม.ปาเทถ

( อัปปะมาเทนะ สัมปาเทถะ )

จงทำประโยชน์ให้สำเร็จ ด้วยความไม่ประมาท

อป.ปมาโท อมตํ ปทํ

( อัปปะมาโท อะมะตัง ปะทัง )

ความไม่ประมาท เป็นทางไม่ตาย

อโมฆํ ทิวสํ กยิรา อป.เปน พหุเกน วา

( อะโมฆัง ทิวะสัง กะยิรา อัปเปนะ พะหุเกนะ วา )

เวลาแต่ละวัน อย่าให้ผ่านไปเปล่า จะน้อยหรือมาก ก็ให้ได้อะไรบ้าง

อโหรต.ตมตน.ทิตํ ตํ เว ภท.เทกรต.โตติ

( อะโหรัตตะมะตันทิตัง ตัง เว ภัทเทกะรัตโตติ )

ขยันทั้งคืนวัน ไม่ซึมเซา นั้นแลเรียกว่า มีแต่ละวันนำโชค

อาปูรติ ธีโร ปุญ.ญส.ส โถกํ โถกํปิ อาจินํ

(อาปูระติ ธีโร ปุญญัสสะ โถกัง โถกังปิ อาจินัง)

ธีรชนสร้างความดีทีละน้อย ก็เต็มเปี่ยมด้วยความดี

อาโรค.ยปรมา ลาภา

( อาโรคยะปะระมา ลาภา )

ความไม่มีโรค เป็นยอดแห่งลาภ

อาสึเสเถว ปุริโส

( อาสิงเสเถวะ ปุริโส )

เป็นคนควรหวังเรื่อยไป

กต.ตพ.พํ กุสลํ พหุ

( กัตตัพพัง กุสะลัง พะหุง )

เกิดมาแล้วชาติหนึ่ง พึงสร้างความดีไว้ให้มาก

กถม.ภูตส.ส เม รต.ติน.ทิวา

( กะถัมภูตัสสะ เม รัตตินทิวา )

วันคืนล่วงไป ๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่

กม.มุนา วต.ตตี โลโก

( กัมมุนา วัตตะตี โลโก )

สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม

กม.มุนา โหติ พ.ราห.มโณ

( กัมมุนา โหติ พราหมะโณ )

เป็นคนประเสริฐ เพราะการกระทำ

โกธํ ฆต.วา สุขํ เสติ

( โกธัง ฆัตวา สุขัง เสติ )

ฆ่าความโกรธได้แล้ว นอนเป็นสุข

ขโณ โว มา อุปจ.จคา

( ขะโณ โว มา อุปัจจะคา )

อย่าปล่อยโอกาสให้ผ่านเลยไปเสีย

จิต.ตส.ส ทมโถ สาธุ

( จิตตัสสะ ทะมะโถ สาธุ )

การฝึกจิต ให้เกิดผลดี

จิต.ตํ ทน.ตํ สุขาวหํ

( จิตตัง ทันตัง สุขาวะหัง )

จิตที่ฝึกแล้ว นำสุขมาให้

จิต.ตํ รก.เขถ เมธาวี

( จิตตัง รักเขถะ เมธาวี )

ผู้มีปัญญาพึงรักษาจิต

ตญ.จ กม.มํ กตํ สาธุ ยํ กต.วา นานุตป.ปติ

( ตัญจะ กัมมัง กะตัง สาธุ ยัง กัตวา นานุตัปปะติ )

ทำกรรมใดแล้ว ไม่ร้อนใจภายหลัง กรรมที่ทำนั้นแลดี

ททมาโน ปิโย โหติ

( ทะทะมาโน ปิโย โหติ )

ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก

ทน.โต เสฏ.โฐ มนุส.เสสุ

( ทันโต เสฏโฐ มะนุสเสสุ )

ในหมู่มนุษย์ คนที่ฝึกแล้วประเสริฐสุด

ทฬ.หเมนํ ปรก.กเม

( ทัฬหะเมนัง ปะรักกะเม )

พึงบากบั่นทำการให้มั่นคง

ทิน.นํ สุขผลํ โหติ

( ทินนัง สุขะผะลัง โหติ )

ของที่ให้แล้ว ชื่อว่าอำนวยสุขเป็นผลแล้ว

เทวา น อิส.สน.ติ ปุริสปรก.กมส.ส

( เทวา นะ อิสสันติ ปุริสะปะรักกะมัสสะ )

ความเพียรของคนไม่ลดละ ถึงเทวดาก็กีดกันไม่ได้

ธม.มจารี สุขํ เสติ

( ธัมมะจารี สุขัง เสติ )

ผู้ประพฤติธรรม ย่อมอยู่เป็นสุข

ธม.มปีติ สุขํ เสติ

( ธัมมะปีติ สุขัง เสติ )

ผู้อิ่มใจในธรรม ย่อมนอนเป็นสุข

ธม.เม ฐิโต ปรโลกํ น ภาเย

( ธัมเม ฐิโต ปะระโลกัง นะ ภาเย )

ตั้งอยู่ในธรรมแล้ว ไม่ต้องกลัวปรโลก

ธม.โม สุจิณ.โณ สุขมาวหาติ

( ธัมโม สุจิณโณ สุขะมาวะหาติ )

ธรรมที่ประพฤติดีแล้ว นำมาซึ่งความสุข

ธม.โม หเว รก.ขติ ธม.มจารึ

( ธัมโม หะเว รักขะติ ธัมมะจาริง )

ธรรมนั่นแหละ รักษาผู้ประพฤติธรรม

ธีโร จ สุขสํวาโส

( ธีโร จะ สุขะสังวาโส )

ปราชญ์มีการอยู่ร่วมเป็นสุข

นต.ถิ ปญ.ญาสมา อาภา

( นัตถิ ปัญญาสะมา อาภา )

แสงสว่างเสมอด้วยปัญญา ไม่มี

นิช.ฌต.ติพลา ปณ.ฑิตา

( นิชฌัตติพะลา ปัณฑิตา )

ขุมกำลังของบัณฑิต คือการรู้จักพินิจ

ปจ.จุป.ปน.เนน ยาเปน.ติ เตน วณ.โณ ปสีทติ

( ปัจจุปันเนนะ ยาเปนติ เตนะ วัณโณ ปะสีทะติ )

อยู่กับปัจจุบัน ผิวพรรณจะผ่องใส

ปญ.ญํ นป.ปมช.เชย.ย

( ปัญญัง นัปปะมัชเชยยะ )

ไม่พึงละเลยการใช้ปัญญา

ปญ.ญา เจนํ ปสาสติ

( ปัญญา เจนัง ปะสาสะติ )

ปัญญาเป็นเครื่องปกครองตัว

ปญ.ญา นรานํ รตนํ

( ปัญญา นะรานัง ระตะนัง )

ปัญญาเป็นดวงแก้วของคน

ปญ.ญา โลกส.มิ ปช.โชโต

( ปัญญา โลกัสมิ ปัชโชโต )

ปัญญาเป็นดวงชวาลาในโลก

ปญ.ญา ว ธเนน เสย.โย

( ปัญญา วะ ธะเนนะ เสยโย )

ปัญญาแล ประเสริฐกว่าทรัพย์

ปญ.ญ สุตวินิจ.ฉินี

( ปัญญา สุตะวินิจฉินี )

ปัญญาเป็นเครื่องวินิจฉัยสิ่งที่ได้เล่าเรียน

ปญ.ญาชีวี ชีวิตมาหุ เสฏฐํ

( ปัญญาชีวิง ชีวิตะมาหุ เสฏฐัง )

ปราชญ์ว่า ชีวิตที่อยู่ด้วยปัญญา ประเสริฐสุด

ปญ.ญาย ติต.ตีนํ เสฏฐํ

( ปัญญายะ ติตตีนัง เสฏฐัง )

อิ่มด้วยปัญญา ประเสริฐกว่าความอิ่มทั้งหลาย

ปญ.ญาย อต.ถํ ชานาติ

( ปัญญายะ อัตถัง ชานาติ )

ด้วยปัญญา จึงจะรู้ว่าอะไรเป็นประโยนชน์

ปญ.ญายต.ถํ วิปส.สติ

( ปัญญายัตถัง วิปัสสะติ )

ดัวยปัญญา จึงจะเห็นอรรถชัดแจ้ง

ปญ.ญาสหิโต นโร อิธ ทุก.เข สุขานิ วิน.ทติ

( ปัญญาสะหิโต นะโร อิธะ ทุกเข สุขานิ วินทะติ )

คนมีปัญญา ถึงแม้ตกทุกข์ ก็ยังหาสุขพบ

ปฏิรูปการี ธุรวา อุฏ.ฐาตา วิน.ทเต ธนํ

( ปะฏิรูปะการี ธุระวา อุฏฐาตา วินทะเต ธะนัง )

ขยัน เอาธุระ ทำเหมาะจังหวะ ย่อมหาทรัพย์ได้

ปณ.ฑิตา โสกนุทา ภวน.ติ

( ปัณฑิตา โสกะนุทา ภะวันติ )

บัณฑิตช่วยปัดเป่าทุกข์โศกความเศร้าของปวงชน

ปุญ.ญํ โจเรหิ ทูหรํ

( ปุญญัง โจเรหิ ทูหะรัง )

ความดี โจรลักไม่ได้

ภเวย.ย ปริปุจ.ฉโก

( ภะเวยยะ ปะริปุจฉะโก )

พึงเป็นนักสอบถามหาความรู้

โภคา สน.นิจยํ ยน.ติ วม.มิโกวูปจียติ

( โภคา สันนิจะยัง ยันติ วัมมิโกวูปะจียะติ )

ทรัพย์สินย่อมพอกพูนขึ้นได้ เหมือนดังก่อจอมปลวก

มา ชาตึ ปุจ.ฉ จรณญ.จ ปุจ.ฉ

( มา ชาติง ปุจฉะ จะระณัญจะ ปุจฉะ )

อย่าถามถึงชาติกำเนิด จงถามถึงความประพฤติ

ยํ ลท.ธํ เตน ตุฏฐพ.พํ

( ยัง ลัทธัง เตนะ ตุฏฐัพพัง )

ได้สิ่งใด พึงพอใจด้วยสิ่งนั้น

โยคา เว ชายเต ภูริ

( โยคา เว ชายเต ภูริ )

ปัญญา ย่อมเกิดเพราะใช้การ

รต.โย อโมฆา คจ.ฉน.ติ

( รัตโย อะโมฆา คัจฉันติ )

คืนวันไม่ผ่านไปเปล่า

ลพ.ภา ปิยา โอจิตต.เตน ปจ.ฉา

( ลัพภา ปิยา โอจิตัตเตนะ ปัจฉา )

เตรียมตัวไว้ให้ดีก่อนแล้ว ต่อไปก็จะได้สิ่งที่รัก

นิป.ผน.นโสภิโน อต.ถา

( นิปผันนะโสภิโน อัตถา )

ประโยชน์งามตรงที่สำเร็จ

นิพ.พานํ ปรมํ สุขํ

( นิพพานัง ปะระมัง สุขัง )

นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

นิวต.ตยน.ติ โสกม.หา

( นิวัตตะยันติ โสกัมหา )

คนใจการุณย์ ช่วยแก้ไขให้คนหายโศกเศร้า

โนปลิป.ปติ โลเกน โตเยน ปทุมํ ยถา

( โนปะลิปปะติ โลเกนะ โตเยนะ ปะทุมัง ยะถา )

ไม่ติดโลก เหมือนบัวไม่ติดน้ำ

วายเมเถว ปุริโส ยาว อต.ถส.ส นิป.ปทา

( วายะเมเถวะ ปุริโส ยาวะ อัตถัสสะ นิปปะทา )

เป็นคนควรพยายามเรื่อยไป จนกว่าผลที่หมายจะสำเร็จ

วิเจย.ยทานํ สุคตป.ปสต.ถํ

( วิเจยยะทานัง สุคะตัปปะสัตถัง )

ให้ด้วยพิจารณา พระศาสดาทรงสรรเสริญ

วิช.ชา อุป.ปตตํ เสฏฐา

( วิชชา อุปปะตะตัง เสฏฐา )

บรรดาสิ่งที่งอกงาามขึ้นมา วิชชาประเสริฐสุด

วิช.ชาจรณสม.ปน.โน โส เสฏโฐ เทวมานุเส

( วิชชาจะระณะสัมปันโน โส เสฏโฐ เทวะมานุเส )

ผู้สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรรยา ชื่อว่าประเสริฐสุดทั้งในหมู่มนุษย์และเทวดา

วิริเยน ทุก.ขมจ.เจติ

( วิริเยนะ ทุกขะมัจเจติ )

คนล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียร

สจิต.ตมนุรก.ขถ

( สะจิตตะมะนุรักขะถะ )

จงตามรักษาจิตของตน

สจ.จํ หเว สาธุตรํ รสานํ

( สัจจัง หะเว สาธุตะรัง ระสานัง )

สัจจะ เป็นรสดียิ่งกว่าประดารส

สติ ปโตโท ธีรส.ส

( สะติ ปะโตโท ธีรัสสะ )

สติเป็นปฏักของนักปราชญ์

สติ โลกส.มิ ชาคโร

( สะติ โลกัสมิ ชาคะโร )

สติเป็นความตื่นตัวในโลก

สติมโต สทา ภท.ทํ

( สะติมะโต สะทา ภัททัง )

คนมีสติ เท่ากับมีของดีที่นำโชคตลอดเวลา

สติมโต สุเว เสย.โย

( สะติมะโต สุเว เสยโย )

คนมีสติย่อมดีขึ้นทุกวัน

สท.ธา ทุติยา ปุริสส.ส โหติ

( สัทธา ทุติยา ปุริสัสสะ โหติ )

ศรัทธาเป็นมิตรคู่ใจคน

สท.ธีธ วิต.ตํ ปุริสส.ส เสฏฐํ

( สัทธีธะ วิตตัง ปุริสัสสะ เสฏฐัง )

ศรัทธาเป็นทรัพย์ประเสริฐของคนในโลกนี้

สพ.พทานํ ธม.มทานํ ชินาติ

( สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ )

การให้ธรรม ชนะการให้ทั้งปวง

สพ.พํ อิส.สริยํ สุขํ

( สัพพัง อิสสะริยัง สุขัง )

อิสรภาพเป็นสุขทั้งสิ้น

สพ.เพสํ สหิโต โหติ

( สัพเพสัง สะหิโต โหติ )

คนดี บำเพ็ญประโยชน์แก่ปวงชน

สมค.คานํ ตโป สุโข

( สะมัคคานัง ตะโป สุโข )

เมื่อคนพร้อมเพรียงกัน ความเพียรพยายามก็นำสุขมาให้

สมุฏ.ฐาเปติ อต.ตานํ อณุ อค.คึว สน.ธมํ

( สะมุฏฐาเปติ อัตตานัง อะณุง อัคคิงวะ สันธะมัง )

ตั้งตัวให้ได้ เหมือนก่อไฟจากเชื้อนิดเดียว

สยํ กตานิ ปุญ.ญานิ ตํ มิต.ตํ สม.ปรายิกํ

( สะยัง กะตานิ ปุญญานิ ตัง มิตตัง สัมปะรายิกัง )

บุญที่ทำไว้เอง เป็นมิตรตามตัวไปเบื้องหน้า

สยํ กตานิ ปุญ.ญานิ ตํ เว อาเวณิยํ ธนํ

( สะยัง กะตานิ ปุญญานิ ตัง เว อาเวณิยัง ธะนัง )

ความดีที่ทำไว้เองนั่นแล เป็นทรัพย์ส่วนตัวแท้ ๆ

สํวิรุฬ.เหถ เมธาวี

( สังวิรุฬเหถะ เมธาวี )

เล่าเรียนมีปัญญา จะเจริญงอกงาม

สิก.เขย.ย สิก.ขิตพ.พานิ

( สิกเขยยะ สิกขิตัพพานิ )

อะไรควรศึกษา ก็พึงศึกษาเถิด

สีลํ กวจมพ.ภุตํ

( สีลัง กะวะจะมัพภุตัง )

ศีล เป็นเกราะอย่างอัศจรรย์

สีลํ ยาว ชรา สาธุ

( สีลัง ยาวะ ชะรา สาธุ )

ศีลยังประโยชน์ให้สำเร็จ ตราบเท่าชรา

สีลํ อาภรณํ เสฏฐํ

( สีลัง อาภะระณัง เสฏฐัง )

ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ

สุกรํ สาธุนา สาธุ

( สุกะรัง สาธุนา สาธุ )

ความดี คนดีทำง่าย

สุขส.ส ทาตา เมธาวี สุขํ โส อธิคจ.ฉติ

( สุขัสสะ ทาตา เมธาวี สุขัง โส อะธิคัจฉะติ )

คนฉลาด ให้ความสุข ก็ได้ความสุข

สุขํ วต ตส.ส น โหติ กิญ.จิ

( สุขัง วะตะ ตัสสะ นะ โหติ กิญจิ )

ไม่มีอะไรค้างใจกังวล มีแต่ความสุขหนอ

สุขา สง.ฆส.ส สามค.คี

( สุขา สังฆัสสะ สามัคคี )

สามัคคีของหมู่ ให้เกิดสุข

สุขา สท.ธา ปติฏฐิตา

( สุขา สัทธา ปะติฏฐิตา )

ศรัทธาตั้งมั่นแล้ว นำสุขมาให้

สุขิโน วตารหน.โต

( สุขิโน วะตาระหันโต )

ท่านผู้ไกลกิเลส ช่างมีแต่ความสุข

สุโข ปญ.ญาย ปฏิลาโภ

( สุโข ปัญญายะ ปะฏิลาโภ )

การได้ปัญญา นำมาซึ่งความสุข

สุโข ปุญ.ญส.ส อุจ.ยโย

( สุโข ปัญญัสสะ อุจจะโย )

การสร้างสมความดี นำสุขมาให้

สุโข พุท.ธานมุป.ปาโท

( สุโข พุทธานะมุปปาโท )

ความเกิดขึ้นแห่งท่านผู้รู้ทั้งหลาย นำสุขมาให้

ส.นก.ขต.ตํ สุมง.คลํ สุปภาตํ สุหุฏ.ฐิตํ

( สุนักขัตตัง สุมังคะลัง สุปะภาตัง สุหุฏฐิตัง )

ประพฤติชอบเวลาใด เวลานั้นชื่อว่าฤกษ์ดี มงคลดี เช้าดี รุ่งอรุณดี

สุภาสิตา จ ยา วาจา เอตม.มง.คลมุต.ตมํ

( สุภาสิตา จะ ยา วาจา เอตัมมังคะละมุตตะมัง )

พูดดี เป็นมงคลอันอุดม

เสย.โย อมิต.โต เมธาวี ยญ.เจ พาลานุกม.ปโก

( เสยโย อะมิตโต เมธาวี ยัญเจ พาลานุกัมปะโก )

มีศัตรูเป็นบัณฑิต ดีกว่ามีมิตรเป็นพาล

ยาทิสญ.จูปเสวติ โสปิ ตาทิสโก โหติ

( ยาทิสัญจูปะเสวะติ โสปิ ตาทิสะโก โหติ )

คบคนเช่นใด ก็เป็นเช่นคนนั้น

หิโต พหุน.นํ ปฏิปช.ช โภเค

( หิโต พะหุนนัง ปะฏิปัชชะ โภเค )

คนดีจัดการโภคทรัพย์ให้เป็นประโยชน์แก่คนจำนวนมาก


• วัดวังผาแดง ต.นาสวน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี

• ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญสมทบทุนถมดินถวายวัด ณ วัดท่าทองน้อย หลวงพ่อโต (ซำปอกง) ต.ศรีภิรมย์ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก

• เสียงสวด ชยันโต 9 จบ - สมเด็จพระญาณสังวร

• พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) วัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ (2399 - 2475)

• พระครูวิมลคุณากร (หลวงปู่ศุข) วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท (2390 - 2466)

• มรรค 8 ( อัฏฐังคิกมรรค )

RELATED STORIES




จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย