โด่งดังในเบื้องต้น
เน่าใน ในท่ามกลาง
และเละเทะในที่สุด(เฮ้อ)
..........
อะไรจะขะไหนหนาด
พระมหาสมปองเป็นพระฉลาดคิด ฉลาดทำ
สำคัญที่สุดคือ ไม่ตั้งตนเหมือน "ข้าเก่งคนเดียว"
หากมีแต่การรวมทีมเพื่อเผยแผ่หลักคำสอนให้เข้าใจง่าย ดูน่าติดตาม
ซึ่งเป็นการต่อยอดการเผยแผ่ธรรมะอีกระดับ
อันจะนำมาซึ่งประโยชน์ต่งานศาสนาเป็นอย่างยิ่ง
ในขณะที่ใครหลายคนอาจมองว่าท่านเป็นพระหนุ่มคึกคะนอง
เล่นมากไป เนื้อหาสาระน้อยไป แต่เมื่อขึ้นตราชั่ง หักลบกลบเสียแล้ว
ถือว่าท่านเป็นผู้หนึ่งที่ทำให้เด็กวัยรุ่นำทยหันมาสนใจธรรมะมากขึ้น
จึงนับว่าเป็นผลบวกมากกว่าผลลบ
พระพยอม กัลยาโณ
เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว
กล่าวไว้ในปกหนังสือสุขกันเถอะโยม ๒
หลายมุมมอง หลายความคิดเห็น ต้องใช้ปัญญาพิจารณาในสิ่งที่เกิดขึ้น เก็บเอาส่วนดี ปรับปรุงแก้ไขส่วนเสีย ทุกอย่างก็จะพัฒนาขึ้นในทางที่ดี...
ระหว่าง
พระที่สอนคนให้รู้จัก ธรรม แสดงธรรมให้รู้ว่าจะเกิดประโยชน์ต่อเมื่อตนเองปฏิบัติได้
กับ
พระที่เอาแต่สอนให้คนเอาของมาให้วัด ไม่ว่าวัตถุ,เงินทอง แล้วบอกเขาว่าได้ บุญ เป็นสิ่งตอบแทน ให้ญาติโยมเอาบุญกับไปนอนกอดที่บ้าน ละเมอเพ้อพกถึงสวรรค์วิมาร
ท่านๆ คิดว่า แบบไหน ที่ควรสนับสนุน
สนุกนะ .......... ขำดีจัง ......... ฮาเข้าไปดิ
สุดท้ายแล้ว ก็ได้แต่ความฮา ได้แต่เสียงหัวเราะ
เนื้อหาในทางธรรม .......... ไม่ค่อยจะมีหรอก
พวกเด็กวัยรุ่น มันเปิดช่องทีวีมาดูแก้เซ็ง เท่านั้นแหละ สุดท้ายพวกเด็กวัยรุ่นมันก็ไม่ได้ธรรมะไปปฏิบัติ
เหอะๆ
เห็นด้วยกับคุณเจ้าของกระทู้ครับ
พยายามทำใจเป็นกลาง และเปิดใจให้กว้างแล้ว
ท่านมหาสมปองคงจะติดในชื่อเสียงของท่านที่เพิ่มเข้ามาอย่างรวดเร็ว จนลืมจุดยืนของความเป็นพระไปเสียแล้ว (จริงๆดูตลกเชิญยิ้มก็คงให้ผลไม่ต่างกัน)
ซึ่งต่างจากพระรุ่นใหม่ที่ดังในยุคนี้เช่นกันอย่างท่าน ว.วชืรเมธี อย่างสิ้นเชิง
กราบขออภัยท่านมหาสมปอง ที่ต้องพูดตรงๆแบบนี้
ได้มีโอกาสชมรายการโทรทัศน์ ?ธรรมะเดลิเวอรี่? โดย พระมหาสมปอง และคณะ ในวันจันทร์ ที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๑ ทาง ททบ.๕ แล้วมีความรู้สึกอนุโมทนาในความคิดและการกระทำที่ก้าวหน้าของรายการธรรมะแบบนี้ ซึ่งมีการนำเสนอได้อย่างไม่น่าเบื่อ ดังต่อไปนี้
๑.พระมหาสมปอง มีแนวการเทศน์ที่กระชับ กระจ่าง กระตุ้น มีเหตุมีผล เข้าใจได้ง่าย แฝงอารมณ์ขันครื้นเครงอย่างมีศิลปะ เป็นการเพิ่มรสชาติการฟังธรรม
๒.พระมหาสมปอง เป็นพระหนุ่มที่ใจกว้าง เปิดโอกาสให้เพื่อนพระได้มีโอกาสนำเสนอธรรมะในรูปแบบที่แต่ละรูปถนัด การที่พระมหาสมปองนั่งเทศน์โดยมีเพื่อนพระนั่งประกบซ้ายขวา ให้ความรู้สึกอบอุ่นเอื้ออาทรแบบสหายธรรม โดยที่พระทั้งสองรูปนั้นก็มิใช่เป็นเพียง ?พระอันดับ? เท่านั้น ยังมีโอกาสแสดงออกในกิจกรรมเสริมธรรมะโดยชวนผู้ฟังมีส่วนร่วมในกิจกรรมนั้นอย่างสนุกสนานและมีสาระ เป็นการเสนอธรรมะในรูปแบบที่แปลกใหม่ดีมาก
๓.การตอบปัญหาแบบปุจฉา-วิสัชนา ในตอนท้ายการเทศน์ เป็นเรื่องน่าสนใจ เพราะเป็นการสื่อสารสองทาง ระหว่างผู้ฟังกับผู้เทศน์ อาทิ มีผู้ถามว่าเมื่อทำบุญตอนเช้า แต่ไปกรวดน้ำตอนเย็น จะแตกต่างกันหรือไม่ พระมหาสมปองตอบว่า ต่างกันตรงที่ถ้ากรวดน้ำตอนเย็น น้ำก็จะเย็นกว่าตอนสาย ขอให้คำนึงถึงเจตนา ถ้าไม่มีน้ำที่จะกรวด หรือถ้าไม่มีเวลาที่จะกรวดน้ำ ก็ขอให้กรวดน้ำใจก็ได้บุญไม่น้อยไปกว่ากัน นับว่าคำตอบของพระมหาสมปองมีคุณค่าทางปัญญา ประนีประนอมต่อความเชื่อเดิม โดยไม่เสียหลักการทางพระพุทธศาสนา
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นนักบวชที่ต้องออกเทศน์นอกสถานที่บ่อยครั้ง เป็นการเทศน์เดี่ยวโดยไม่มีพระ-คน-เครื่องเทคโนโลยี ประกอบด้วยเลย หลายครั้งต้องเทศน์อย่างต่อเนื่องสามถึงสี่ชั่วโมง เมื่อได้เห็นวิธีการของพระนักเทศน์รุ่นใหม่อย่างพระมหาสมปองและคณะก็ทำให้ฉุกคิดถึงวิธีการพัฒนารูปแบบการเทศน์ได้มากขึ้น แม้จะไม่ทำถึงขนาดนั้น แต่ก็ได้ดูไว้เป็นแนวทางด้วยใจชื่นชมและศรัทธา โดยเฉพาะการทำให้ผู้อื่นมีส่วนแห่งความสำคัญเคียงคู่ไปด้วยนั้น เป็นเรื่องที่น่าทำตามยิ่งนัก
การทำความดีด้วยตนเอง การชักชวน-สนับสนุนผู้อื่นให้ร่วมทำดี การอนุโมทนาในความดีที่ผู้อื่นได้กระทำ เป็นการทำความดีสามระดับ ในโอกาสนี้ข้าพเจ้าขอทำความดีอันดับที่สามต่อรายการธรรมะเดลิเวอรี่
http://www.prajan.com/webboard/view.php?id=10601
"การที่จะให้การเผยแผ่ธรรมะในประเทศไทย และการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ของคนในประเทศที่กำลังประสบกับวิกฤติอย่างหนัก ต้องมาจากการที่ทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายสนับสนุนก็ดี และองค์กรเผยแผ่เองก็ดี คือต้องประสานงานกันอย่างสามัคคีและเดินไปด้วยกันด้วยความร่วมมือ โดยตระหนักการถึงปัญหาและแก้ไขปัญหาด้วยความจริงใจ
ไม่ใช่ ตลกโปกฮา แล้วบอกว่าทำให้คนเข้าวัดมากขึ้น โดยเป็นผลประโยชน์ของกลุ่มใด กลุ่มหนึ่ง"
ว.วชิรเมธี
ส่วนหนึ่ง ใน ธรรมวิจารณ์
ประเทศไทย สังคมไทย ในปัจจุบัน
บอบช้ำมากพอแล้ว ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ ศีลธรรม จริยธรรม
เพราะพวกคุณทั้งหลายที่มัวแต่จะกล่าวหาว่าคนโน้นเป็นอย่างโน้นอย่างนี้
ยกย่องคนโน้นดี คนนี้ดี
เอาเวลาที่คุณกล่าวหาไปทำประโยชน์ให้กับสังคมจะดีกว่ามั๊ง
ประเทศชาติจะได้เจริญ
ผมขอเถอะนะ ทำอะไรให้กับสังคมบ้างเถอะ
และให้คิดเสมอว่า"วันนี้คุณทำอะไรให้กับสังคมแล้วหรือยัง"
สามัคคีนะ พูดกันทุกวัน และรู้ความหมายกันบ้างไหม......
เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ครับ
ระยะหลังเริ่มจะกลายจากการแสดงชักจูงธรรมะให้วัยรุ่น กลายเป็นมุกตลกคาเฟ่ก็มี
คราวก่อนโน้น ก็โฆษณายกเอาวงดนตรีคณะใดคณะหนึ่งให้คนเข้าไปชมกัน
ชักเลอะไปกันใหญ่
ถ้าจิตไม่มีความมั่นคงในธรรม และหมั่นศึกษาปฏิบัติเจริญธรรมให้แก่ตน
.. ก็ไขว้เขวพาตนออกไปสู่โลกธรรมในที่สุดครับ
แทนที่จะดึงคนมาหาธรรม กลายเป็นดึงตัวเองเข้าหาโลกธรรมไปซะ
ภาษาวัยรุ่นต้องบอกว่า "อย่าเอามันส์อย่างเดียว" ครับ
ขอให้เน้นเอา"ธรรม" เป็นสำคัญครับ
อย่าตลกให้มากก็ได้ 5555
เพราะแค่นี้ตลกก็ตกงานกันไปหมดแล้ว
ว่าแต่มีสังกัดแกรมมี่ด้วยเหรอ แม่เจ้า มีการเซ็นสัญญาด้วยป้ะ
แล้วงี้คิดภาษีกันยังไงจ้ะ
รายได้ที่ได้มา เป็นของวัดหรือของพระ ละเจ้าคะ
คนที่สอนธรรมในขั้นโลกียะ ก็เพราะตัวเองได้เข้าถึงธรรมได้แค่ระดับนั้น
แต่หากผู้ใดเข้าถึงธรรมระดับโลกุตระ ( หมายถึงได้บรรลุธรรม เป็นพระอริยเจ้าขั้นใดขั้นหนึ่ง) ท่านก็จะสอนธรรมในระดับขั้นโลกุตระ
คือตัวเองได้ปฏิบัติจนเกิดปัญญา เกิดผลอย่างไร ก็สอนผู้อื่นอ่างนั้น ตามภูมิธรรมของตน
ดังนั้นหากผู้ปฏิบัติธรรมหรือผู้ที่สนใจธรรมะ ท่านใดที่ต้องการการปฏิบัติให้เกิดมรรค ผล หรือ เป็นทางสะสมเพื่อให้เกิดมรรคผลในชาติต่อๆไป ควรเข้าหาผู้ที่สอนถึงโลกุตรธรรมนั้น ซึ่งก็คือ การเจริญวิปัสสนากรรมฐาน หรือการเจริญสติปัฏฐาน4 ซึ่งเป็นการพิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม
แต่หากผู้ใดสนใจหรืออากปฏิบัติแค่ธรรมทางโลก ระดับ โลกียะ มันก็ได้แค่นั้น ก็ยังไม่ก้าวถึงการเจริญเพื่อการดับทุกข์อย่างแท้จริง ( พระพุทธองค์ตรัสว่า ทางใดที่จะทำให้ถึงมรรค ผล นิพพาน ทางนั้น คือ สติปัฏฐาน 4 เท่านั้น นอกจากสติปัฏฐาน4 แล้วไม่มีเลย )
ที่โพสต์มาไม่ได้ต้องการมุ่งร้าย หรือกล่าวว่าใครเลย
แค่เพียงให้มุมมองว่า เราควรจะเข้าหา ควรจะศึกษา ธรรมแบบไหน ถึงจะดีที่สุด ถึงจะเป็นการละกิเลสได้เร็วที่สุด
เพราะหากเข้าหากพระอริยบุคคลก็จะได้ธรรมของพระอริยบุคคล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ก่เรามากๆ
จงเร่งบำเพ็ญเพียรเพื่อละกิเลสเถิด อย่าเพียงมองแค่ เป็นธรรมที่สนุก ฟังแล้วสบายๆแบบที่คนทางโลกต้องการเลย
แต่ให้พิจารณาว่า เพราะเกิดมานั่นแหละมีแต่ทุกข์ เจอแต่ทุกข์เพราะโลกนี้มีแต่ทุกข์ หาสุขจริงๆไม่ได้เลย
สาธุ........เห็นด้วยอย่างยิ่ง
สาธุครับ