ถูกทำร้ายจิตใจ แต่ไม่ได้รับแม้คำขอโทษ ยังเศร้า เสียใจ และเจ็บปวดอยู่ทุกวัน คนที่มาทำร้ายกัน ก็ยังลอยนวล ภาคภูมิใจ และสนุกสนานกับการทำร้ายจิตใจเราและคนอื่นๆต่อไป โดยไม่สำนึกเลยว่า
คนที่ผ่านๆมา เจ็บปวด สะเทือนใจมากแค่ไหน
ทำเช่นไร จึงจะให้อภัยได้คะ ถ้าไม่ให้อภัย ไม่อโหสิกรรม จะเป็นอะไรไหมคะ คนเยี่ยงนี้ ควรได้รับการให้อภัยด้วยเหรอคะ ทำผิด ไม่รับผิด ไม่สำนึกผิด และพร้อมจะทำผิดต่อๆไป อย่างไร้จริยธรรม
แล้วเราควรจะปล่อยให้เขาลอยนวลต่อไป หรือหาทางแก้ไข เพื่อหยุดพฤติกรรมไม่สมควรของเขาดีคะ
บัณฑิตนำจิตตั้ง โดยฌาน
สงบอยู่โดยอาการ.... มั่นแล้ว
กิเลสถูกประหาร. หมดจด กาลใด
จิตนั่นย่อมผ่องแผ้ว... หลุดพ้นวัฏฏา
บัณฑิตมีจิตตั้ง. กรุณา
ยึดมั่นในสัจจา.. ก่อเกื้อ
แสดงซึ่งพระธัมมา... โปรดหมู่ เวไนย
สาธุความโอบเอื้อ... เลิศแท้ธรรมงาม
ปัญญา บ่ เก็บไว้ องค์เดียว
ปันแบ่งหมู่มิตรเทียว... สดับไว้
ธรรมย่อมยิ่งกลมเกลียว ยังหมู่ มิตรธรรม
สุคติภพย่อมได้.... หมดสิ้นบ่วงเวร
กราบบาทพระพุทธเจ้า. โคดม
โปรดสัตว์พ้นทุกข์ตรม.. มากล้น
มนุษย์เทพต่างชื่นชม... ปีติ สุขแล
เพราะจิตที่หลุดพ้น. สุขแท้ทั่วกัน
[๕๒๗] พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสดังนี้ว่า
บุคคลไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว
ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง
สิ่งใดล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็เป็นอันละไปแล้ว
และสิ่งที่ยังไม่มาถึง ก็เป็นอันยังไม่ถึง
ก็บุคคลใดเห็นแจ้งธรรมปัจจุบัน ( อริยะมัคค 4 และอริยะผล 4 )
ไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลนในธรรมนั้นๆ ได้
ก็บุคคลนั้นพึงเจริญธรรมนั้นไว้เนืองๆ ให้ปรุโปร่งเถิด
พึงทำความเพียรเสียในวันนี้แหละ
ใครเล่าจะรู้ความตายในวันพรุ่งนี้
เพราะว่าความผัดเพี้ยนกับมัจจุราชผู้มีเสนาใหญ่นั้น
ย่อมไม่มีแก่เราทั้งหลาย
พระมุนีผู้สงบย่อมเรียกบุคคลผู้มีปรกติอยู่อย่างนี้
มีความเพียรไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันและกลางคืน
นั้นแลว่าผู้มีราตรีหนึ่งเจริญ ฯ
..............................................................
ผู้ไม่โศกเศร้าถึงสิ่งที่เป็นอดีต
ไม่บ่นเพ้อถึงสิ่งที่เป็นอนาคต
ยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยสิ่งที่เป็นปัจจุบัน ( สมาบัติ 3 )
ท่านเรียกผู้เป็นเช่นนั้นว่า " ผู้สันโดษ "
( สมาบัติ 3 )....คือ
1.ฌานสมาบัติ 8
2.ผลสมาบัติ 4
3.สัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ
เจริญในธรรมเจ้าค่ะ
...เราควรหัดให้สิ่งเล็กๆกับผู้อื่น พอทำจนชินแล้วก็หัดให้สิ่งให้ยากมากขึ้น
...ให้จนเป็นอาจินต์ หากทำได้อย่างที่กล่าวมาครับแล้ว
...การให้อภัยคงไม่ยากกับบุคคลที่มีจิตเป็นทานหรอกครับ
เจริญในธรรมครับ
:)
หากเปลี่ยนแปลงตัวเค้าไม่ได้...ก็ให้เปลี่ยนที่ตัวเรา
ให้คุณหมั่นทำความดีให้ตรงข้ามกับการกระทำของเค้าให้มากที่สุด
เช่น เค้าพูดไม่เพราะให้เราพูดเพราะมากที่สุด เค้าชอบโกรธให้เราไม่โกรธ(มีเมตตา ให้อภัย)
แล้ววันนึงกรรมของคุณและของเค้าก็ให้ผล
ตัวคุณจะได้เสวยวิบากดี ส่วนตัวเค้าจะเสวยวิบากร้าย
จงเชื่อในกรรมนะครับ
ให้กำลังใจนะครับ
ฉัน จขกท ถ้าทำบุญอุทิศไปให้เขามากๆ จะช่วยให้เขาสำนึกผิดและกลับใจได้ไหมคะ
ความจริงก็อยากให้อภัยนะคะ แต่ว่าเขาไม่เคยสำนึกผิดเลย ทำไงดี
คุณยากเกินทำใจ...
การให้อภัยคน... เมื่อให้ผู้ให้ย่อมเป็นสุข
ให้แล้วก็แล้ว ใยต้องกังวลว่าผู้นั้นจะรับหรือไม่ ไม่สำคัญเลย
"เช่นนั้นเอง" ....
เห็นด้วยกับคุณ "เช่นนั้น DT03623" ครับ
ขอเสริมนะครับ การทำบุญอุทิศหรือแผ่เมตตาให้เค้า เป็นเรื่องที่ดีครับ
จะทำให้คุณมีความสุขใจสบายขึ้น (ควรทำครับ ให้หมั่นทำความดีเยอะๆ)
ผมเชื่อว่า ถ้าเค้าเห็นความดีของคุณมากๆ เค้าจะสำนึกผิดนะครับ
" แน่ๆ ทุกสิ่งบนโลก...ย่อมแพ้ความดี
และที่แน่ที่สุด ทุกสิ่งบนโลก...แพ้ความจริง "
ให้กำลังใจครับ
เห็นด้วยกับคุณ winter นะคะ
น่าเห็นใจมากนะคะ ผู้อ่านเองก็เคยประสบปัญหาคล้ายๆ กันคะ เลยเข้าใจความรู้สึกดี ว่ามันยากมากเลยที่จะให้อภัยได้
แต่มีจุดหนึ่งที่เปลี่ยนความคิดตอนแรกๆ ก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอก พอทำกันมากๆ เข้า ก็เริ่มทนไม่ไหวเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร ก็อดทนไว้ แต่พบว่าแค่ความอดทนเฉยๆ ไม่ได้ช่วยอะไร สักวันความอดทนอาจจะหมดได้ในสักวัน และระหว่างที่เราอดทนอยู่เราก็ไม่ได้มีความสุขเช่นกัน กลับทุกข์ยิ่งขึ้นทุกวัน
เมื่อเรามองเห็นทุกข์ เราก็คิดขึ้นมาได้ว่า เราต้องหาทางออกจากทุกข์นี้ให้ได้ โดยจะไม่เป็นการสร้างบาปกรรมเพิ่มซ้ำเติมให้กับตัวเอง เพราะตอนนี้ทุกข์เรามากอยู่แล้ว เราจะไม่สานต่อทุกข์นั้นอีก
ผู้อ่านก็นั่งสมาธิ พอจิตสงบผู้อ่านก็มีคำพูดที่เคยได้อ่านได้เห็นมาผุดขึ้นมาในใจว่า "สัตว์โลกทั้งหลายก็ล้วนแต่รักสุขเกลียดทุกข์เช่นเดียวกับเรา" พอเราได้พิจารณาทุกข์ว่าเรารู้สึกทุกข์เพียงใด เจ็บปวดแค่ไหน รู้อย่างนี้แล้วเรายังอยากให้ผู้อื่นทุกข์เหมือนเราอีกหรือ บางที สิ่งที่เขาทำอาจเป็นความสุขอย่างเดียวที่เขาสามารถหาได้จากชีวิตนี้ก็เป็นได้นะคะ แต่เราสามารถที่จะมีความสุขได้โดยไม่ต้องเบียดเบียนใคร เช่น แค่การนั่งนิ่งๆ อยู่ใต้ต้นไม่ที่ล่มเย็น เราก็มีความสุขได้ ไม่จำเป็นต้องดิ้นรน ทำให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อน
แต่การหาความสุขของเขาก็เป็นไปเพื่อการเบียดเบียนผู้อื่น และตนเอง โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าวันข้างหน้ากรรมที่เขาสะสมไว้นั้นจะมาให้ผลกับเขาได้ทุกข์ทรมารเพียงใด อย่างเช่นที่คุณได้รับอยู่ขณะนี้ และเขาก็ไม่ได้ทำกับคุณคนเดียว เขาทำกับอีกหลายคน ซึ่งทุกข์ที่เขาจะได้รับคงมากกว่าที่คุณเจอหลายเท่านัก ที่สำคัญเขายังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาเดินทางผิด เขากำลังทำร้ายตัวเอง คนประเภทนี้เราไม่สมควรที่จะไปเคียดแค้ หรือจองเวรอะไร เค้าน่าจะเป็นคนที่คุณควรจะให้ความสงสารมากกว่า เพราะเขาจะต้องได้รับทุกข์มากกว่าคุณตอนนี้มากมายหลายเท่านักนัก โดยที่เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำนะคะ
หากคุณจะแก้ปัญญา ก็ขอให้เกิดจากการมีจิตเมตตาเขา เพื่อจะสงเคราะห์หรือเตือนเขาด้วยความเมตตาจิตต่อเพื่อนมนุษย์ ว่า.. เขาจะได้รับทุกข์เพียงใดและเราไม่อยากให้เขาเจอทุกข์นั้นเหมือนที่เขาทำให้เราทุกข์ เพราะเรารู้ว่ามันเจ็บปวด สะเทือนใจมากแค่ไหน
พระพุทธเจ้าสอนให้เราพูดแต่ความจริง แต่ความจริงในเรื่องนั้นๆ ต้องมีประโยชน์ (ไม่ใช่ว่าความจริงทุกเรื่องจะพูดได้ ความจริงบางเรื่องก็ไม่มีประโยชน์ เราก็ไม่ควรพูด) และต้องคำนึงถึงว่าเรื่องที่เราพูดนั้น เป็นเรื่องที่ผู้ฟังชอบหรือไม่ชอบด้วย เมื่อพิจารณาดูแล้วเห็นว่าควรพูด ก็ให้พิจารณาต่อว่า ขณะนั้นเวลานั้นสมควรพูดหรือไม่ เหมาะสมกับเวลาหรือไม่ (ถูกกาลเทสะหรือไม่) ถึงแม้ว่าผู้ฟังจะชอบ แต่ว่า หากเวลาไม่เหมาะสม สถานที่ไม่เหมาะสมแล้ว สิ่งที่จะพูดไป ก็อาจเกิดปัญหาได้
ถ้าหากคุณพูดเตือนเขาไปแล้ว เขาไม่เชื่อ เราก็ต้องปล่อยว่างไป เพื่อไม่ให้เราเป็นทุกข์ เพราะเราถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ให้พิจารณาอยู่เนื่องๆ ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม แล้วเราก็จะพ้นทุกข์จากสัตว์โลกผู้น่าสงสารคนนี้
เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลง หรือบังคับใจผู้อื่นได้ แต่เราสามารถบังคับใจตัวเองได้ ถ้าเราเอาชนะใจตัวเองไม่ได้แล้ว เราจะเอาชนะใจใครได้อย่างไร จงเข้มแข็งและยึดมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้านะคะ แล้วท่านจะเป็นผู้พ้นจากทุกข์ทั้งปวง การเอาชนะสิ่งใดๆ ในโลก ก็ไม่สู้เอาชนะใจตัวเองนะคะ
จะเป็นกำลังใจให้นะคะ (สิ่งที่เขียนใช้ได้ผลกับผู้อ่าน และผู้อ่านหวังว่า มันจะเป็นประโยชน์แก่ผู้เขียนบ้างไม่มากก็น้อย หรืออาจจะช่วยอะไรไม่ได้เลยก็ขออภัยด้วยนะคะ)
ฉัน จขกท ถ้าทำบุญอุทิศไปให้เขามากๆ จะช่วยให้เขาสำนึกผิดและกลับใจได้ไหมคะ
ความจริงก็อยากให้อภัยนะคะ แต่ว่าเขาไม่เคยสำนึกผิดเลย ทำไงดี
ยากเกินทำใจ - 129.67.49.89 [11 พ.ค. 2551 23:16 น.] คำตอบที่ 4
คนที่เป็นทุกข์ในตอนนี้คือตัวท่านเอง ไม่ใช่เขาคนอื่น
ปัญหาตอนี้คือสนใจในตัวท่านเอง ทำตัวท่านเองให้มีความสุข กำจัดความทุกข์ให้สิ้น
คนอื่น ๆ จะดีหรือเลวไม่ใช่หน้าที่ที่เราจะไปเปลี่ยนแปลงใครให้เป็นคนดีตามที่ท่านต้องการ เขาจะสำนึกผิดหรือไม่ไม่มีประโยชน์อะไรกับตัวท่านเลย
ถามตัวท่านเองตอนนี้ท่านมีศีล 5 แล้วหรือยังเจ้าคะ ??
ท่านกำจัดความโศกความทุกข์ในใจท่านเองได้แล้วหรือยังเจ้าคะ ??
ท่านเจริญฌานอันเป็นโลกุตตระกำจัดนิวรณ์ 5 กำจัดกิเลสและสังโยชน์เครื่องร้อยรัด 10 ประการได้แล้วหรือยังเจ้าคะ ??
คนไหนไม่ดีเราก็เลิกคบเลิกใส่ใจ
หันมาคบหาคนใหม่ที่เป็นคนดีมีศีลสัจจ์จะไม่ง่ายกว่าการที่เราจะไปเปลี่ยนคนเลวให้เป็นคนดีหรือเจ้าคะ ??
ในโลกนี้มีคนอยู่มากถึง 6 พันล้านคน มีคนดีมากมายทำไมท่านไม่เลือกคบหาสมาคมกับเขาล่ะเจ้าคะ ไปอาลัยอาวรณ์อยู่กับคนเลวเพียงคนเดียวอยู่ทำไมเจ้าคะ ??
ถ้าท่านต้องการความสุขท่านควรเลือกคบคนดีมีศีลสัจจ์เจ้าค่ะ
ถ้าท่านต้องการพ้นทุกข์ให้ถึงไตรสรณะคมณ์ สมาทานศีล 5 เจริญวิปัสสนามีโลกุตตระฌานเป็นบาทเจริญปัญญาญาณเจ้าค่ะ
ความโศกทั้งหลาย
ย่อมไม่มีแก่ผู้มีจิตมั่นคง ไม่ประมาท
เป็นมุนี ผู้ศึกษาในทางแห่งมโนปฏิบัติ ผู้คงที่
สงบระงับแล้ว มีสติในกาลทุกเมื่อ
เพราะฉันประมาท
ทุกข์อันไม่น่ายินดี
ย่อมครอบงำคนผู้ประมาท
โดยความเป็นของน่ายินดี
เพราะฉันประมาท
ทุกข์อันไม่น่ารัก
ย่อมครอบงำคนผู้ประมาท
โดยความเป็นของน่ารัก
เพราะฉันประมาท
ทุกข์อันเร่าร้อน
ย่อมครอบงำคนผู้ประมาท
โดยความเป็นสุข
เป็นศัตรูกับคนที่เป็นบัณฑิต
ยังดีเสียกว่าเป็นมิตรกับคนที่โง่เขลา
เพราะถ้าได้สหายที่เป็นบัณฑิต
ควรอยู่กับท่านผู้เป็นเช่นนั้น
หากหาไม่ได้แล้วไซร้
อยู่มันซะคนเดียวประเสริฐกว่า !!!
To be the foe of philosopher .
Better than to be friendly of foolishmen .
As recieve a friend who are philosopher .
Should to be enjoy him .
If you can not find any philosopher .
Lonely life is the best .
Good Evening .
Yamunee [61.7.137.10] [ 2 March 2006 , 20:39 ] [ 11 ]
ด้วยความปราถนาดีจากกัลยาณมิตรแห่งเว็ปธรรมะไทยเจ้าค่ะ
การให้อภัย เป็นการฝึกจิต บริหารจิตโดยตรงทำให้จิตมีคุณภาพดีขึ้น สูงขึ้น มีค่าขึ้น
การให้อภัย คือการไม่ถือโทษว่า การที่ถูกล่วงเกินนั้น เป็นโทษเป็นภัย การฝึกนี้ยากไหม ? ตอบว่า ยาก
แต่ก็จำเป็น เพราะอยากดี อยากเป็นสุข อยากพบความเย็นของจิต ไม่ต้องร้อนรุ่มเพราะถูกความโกรธ ความผูกโกรธกลุ้มรุมทำร้ายจิต การฝึกบ่อย ๆ นี้ ทำให้บังคับจิตง่ายขึ้น ให้อภัยได้โดยไม่ต้องได้รับการขอโทษ ขออภัย
ฝึกอย่างไร ? ให้คิดอย่างนี้ว่า
คนเราเกิดมาไม่เหมือนกัน สภาพแวดล้อมต่างกัน ปัญญาก็ต่างกัน ผู้ที่ทำให้คนอื่นเจ็บช้ำน้ำใจ ทิ่มแทงผู้อื่นด้วยการพูด การเขียน (เรียกว่าการทิ่มแทงผู้อื่นด้วยหอก คือ ปากกา) เป็นบาปอย่างยิ่ง คนมีปัญญาย่อมทำไม่ได้ ที่ทำได้นี้ท่านเรียก คนปัญญาทราม ทำชั่วอยู่ก็ไม่รู้สึก เราผู้ปฏิบัติธรรมย่อมมองออกว่า เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
เมื่อเห็นคนอื่นทำเช่นนั้น ควรให้ความเมตตา สงสารเขาว่า บาปที่เขาทำอยู่นี้ วันหนึ่งจะสนองเขาอย่างแน่นอน เมื่อบาปให้ผล เขาย่อมประสบทุกข์อย่างสาหัส สากรรจ์ เขาเป็นคนน่าสงสารอย่างยิ่ง เป็นคนที่เราควรให้อภัย ให้เมตตา มากกว่าจะไปโกรธหรือโทษเขา
เมตตา ก็คือ จิตใจที่มีเยื้อใยไมตรี คิดเกื้อกูลด้วยสุขประโยชน์ ปราศจากอาฆาตพยาบาท ขึ้งเคียด โกรธแค้น
การแผ่เมตตา ก็คือการให้ความเย็น เราต้องมีเมตตาก่อน มีความเย็นก่อนจึงจะแผ่เมตตาได้ หากยังมีความโกรธ มีปฏิฆะอยู่ (ความขุ่นเคืองใจ) ก็ยังมีความร้อนอยู่ การแผ่เมตตาไปยังคู่กรณีย่อมไม่ประสบผล ยังเป็นโทษให้เกิดโทสะขึ้นอีกด้วย
โทสะหรือความโกรธ เป็นเหตุแห่งความร้อนใจ ต่างจากเมตตาที่เป็นความเย็น หากพิจารณาดูให้ดี จะเห็นความแตกต่างได้ง่าย ๆ
อภัยทานนี้ เป็นคุณแก่ผู้ให้มากกว่าผู้รับ
เหมือน พราหมณ์ถามพระพุทธเจ้าว่า
ฆ่าสิ่งใดอยู่เป็นสุข ?
ฆ่าความโกรธได้ย่อม เป็นสุข
สาธุ...
เจริญธรรมครับ
คุณต้องถามตัวเองก่อน ว่าคุณทำอะไรทำให้เขาแสดงพฤติกรรมไม่ดีกับเราเช่นนี้ ต้องพิจารณาตนเองก่อน การให้อภัยต้องเริ่มจากตัวเองก่อน ทำใจให้ยอมรับกับความเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมไม่ดีของคนที่เราไม่ชอบ คุณรู้ไหมไฟที่ร้อนที่สุดที่สุมในใจ เมื่อคุณอดทนได้คุณจะรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุด คุณ่จะภูมิใจในตนเองที่สามารถชนะใจตนเองได้ และสามารถให้อภัยผู้อื่นได้ คนที่เกลียดที่สุดจะกลายเป็นมิตรที่ดีกับเราในภายหน้า เพราะความอดทนไม่ต่อกลอนกับเขา เขาจะแพ้ใจตัวเองถ้าเราไม่ตอบโต้ด้วย เขาจะมีความเกรงใจ และเคารพนับถือเรา ถ้าเราอดทนและให้อภัย ฝึกให้ชินนะ เป็นกำลังใจให้คะ
ข้าพเจ้าก็กำลังเจอเหตุการณ์เช่นนี้เหมือนกันในที่ทำงาน ผู้หญิงคนนี้ชอบพูดจาเสียงดังใส่คนอื่นอยู่ตลอดเวลา ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าคนอื่นรู้สึกไม่ชอบเหมือนข้าพเจ้าคิดหรือเปล่า แต่ข้าพเจ้าไม่ชอบกิริยา ท่าทาง ของเธอคนนี้ เธอชอบตะคอกใส่ บางทีก็พูดจากระแทกแดกดัน ซึ่งแม่บ้านในที่ทำงานก็โดนเธอคนนี้มาแล้ว จนไม่พูดกัน ตอนนี้มาเป็นตัวข้าพเจ้าที่โดนบ้าง ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าโดนข้าพเจ้าก็จะพยายามไม่คิดอะไร ก็พยายามไม่แสดงออกให้เค้ารู้ว่าข้าพเจ้ารู้สึกเคืองในคำพูดของเค้า ในทางกลับกันข้าพเจ้ากลับยิ่งพูดกับเค้าด้วยคำพูดที่ไพเราะ ไม่เสแสร้ง ที่ข้าพเจ้าเป็นเช่นนี้ก็เพราะข้าพเจ้าเป็นคนค่อนข้างธรรมะพอสมควร รู้จักหลักธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า
แต่ดูเหมือนเธอคนนี้จะไม่เคยรู้ตัวเองเลย และไม่ยอมปรับปรุงตัว ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเธอติดนิสัยแบบนี้มาจากบ้าน (ข้าพเจ้าได้ยินเธอคุยเรื่องที่บ้านเธอประจำจึงรู้ว่าเธอเอานิสัยแบบนี้มาใช้ในที่ทำงาน)
แต่บางทีมันก็แทบทนไม่ไหว อยากพูดตอกกลับไปบ้างเหมือนกัน แต่ก็พยายามอดทน อดกลั้นไว้ คิดเสียว่าจะไม่ขอสร้างวิบากกรรมให้ใคร ส่วนตัวเธอคนนี้ข้าพเจ้าไม่อาจรู้ได้ว่าในภายภาคหน้าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ แต่ตัวข้าพเจ้าขออโหสิกรรมที่เค้าทำกับข้าพเจ้า ไม่ขอสร้างเวรกับเค้า เพราะถ้าข้าพเจ้าโต้ตอบกลับไปก็เท่ากับว่าข้าพเจ้าได้สร้างเวรสร้างกรรมกับเค้าอีก มันก็จะไม่จบสิ้น เป็นกงกรรมกงเกวียนอยู่อย่างนี้เรื่อยไป
ข้าพเจ้าจึงขอส่งข้อความบอกเล่ามายังเพื่อนๆ ทั้งหลายที่มีจิตใจเป็นคนมีศิลธรรมได้อ่านและเอาไปคิดว่าข้าพเจ้าควรทำอย่างไรต่อไปดีใ
ทำอย่างไร จึงจะให้อภัยได้
ตอบ...รู้จักโทษตนเองว่า....
ทำไมตาเราต้องไปมองรูปแบบนั้น
หู้เราต้องไปฟังเสียงแบบนั้น
ใจเราใยต้องคิดถึงเรื่องนั้น
ถ้ากำกับตนเองในเรื่องที่บอกไม่ได้ จะให้อภัย หรือไม่ให้อภัย ก็ไม่มีประโยชน์
จะเกิดทุกข์ตามมาทั้งสองการกระทำนั้นอยู่ดีนะจ๊ะ...อะ อะ อะ อะ
ขอบคุณมากค่ะ ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ผู้คนในนี้มีจิตเมตตาเป็นกุศลจริงๆด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
"ถ้าหากคุณพูดเตือนเขาไปแล้ว เขาไม่เชื่อ เราก็ต้องปล่อยว่างไป เพื่อไม่ให้เราเป็นทุกข์ เพราะเราถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ให้พิจารณาอยู่เนื่องๆ ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม แล้วเราก็จะพ้นทุกข์จากสัตว์โลกผู้น่าสงสารคนนี้"
ชอบคำพูดนี้มากๆค่ะ แล้วจะเอาไปลองใช้ปฏิบัติดูนะคะ