ศีลข้อ 3 ห้ามประพฤติผิดในกาม คำว่าประพฤติผิดคือต้องมีเพศสัมพันธ์กันเท่านั้นหรือค่ะ แล้วถ้าแค่ใจเราคิดแอบรักหรือแอบชอบคนที่มีเจ้าของอยู่แล้ว(กินอยู่ด้วยกันแล้ว) และเราก็ไม่ต้องการให้เขาเลิกกัน ไม่ต้องการครอบครอง ไม่ต้องการแย่งเขา เพียงแค่เราทั้งสองคนใกล้ชิดกันมากเกินไป(ทำงานที่เดียวกัน เจอกันทุก ๆ วัน)จึงมีความรู้สึกดี ๆ ให้กัน ไม่ได้กอด จูบ หรือทำสิ่งใดเลย มีแค่หยอกล้อ แกล้งกัน ตามประสาพี่น้อง แต่ว่าลึก ๆ เราแอบมีความรู้สึกชอบ รัก กันอยู่ และพักหลังประมาณ1เดือนที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ พี่เขาจะส่งข้อความมาบอกความเป็นห่วง บอกฝันดีทุกคืน อยากรู้ว่ามันผิดไหมค่ะ ที่ใจเราคิดแบบนั้น และที่สำคัญตอนนี้แฟนของพี่เขาก็รู้หรือเห็นพฤติกรรม ความใกล้ชิดของเราทั้งสอง จนระแวงและคิดจะหนีไปอยู่ต่างจังหวัด..จนผู้ใหญ่ต้องเดือดร้อนกันใหญ่โต และหนูยืนยันว่าหนูไม่ต้องการแบบนั้นถึงแม้ว่าเขาจะเลิกกันจริง ๆ หนูคงรู้สึกผิดและคงรักกับพี่เขาไม่ได้ เพราะทนกับความรู้สึกแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นมาไม่ได้ หนูไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้นเลยค่ะ มีวิธีอย่างไรดีค่ะที่จะไม่ทำให้เรื่องมันเลวร้ายไปกว่านี้ หนูสงสารพี่ทั้งสองคน แล้วตอนนี้หนูก็ออกห่างพี่เขาแล้วโดยที่ไม่บอกเหตุผลที่แท้จริงว่าเพระอะไร เพื่อไม่ให้พี่เขาคิดมากกว่าเป็นต้นเหตุ หวังว่าเหตุการณ์มันจะดีขึ้นกว่านี้ หนูไม่อยากสร้างบาปไปมากกว่านี้ อีกอย่างตอนนี้หนูเป็นทุกข์ที่จะไม่ได้เจอพี่คนนั้น รู้สึกว่าง ๆ เหงา ๆ แล้วยังมาแอบร้องไห้คนเดียวโดยที่ไม่ให้ใครรู้ (ก็เรื่องอย่างนี้ใครรู้เขาจะคิดยังไงล่ะคะ ถึงแม้จะบอกว่าไม่ได้คิดอะไรก็เหอะ) หนูเป็นบาปมากไหมค่ะตอนนี้..........
ศีลข้อ ๓ มีองค์ ๔ คือ
๑. คือชาย หรือหญิงที่มีเจ้าของ หรือมีผู้คุ้มครอง ดูแลรักษา
๒. จิตคิดจะเสพในวัตถุนั้น
๓. พยายามที่จะเสพ
๔. ทำมรรคต่อมรรคให้ถึงกัน (อวัยวะสอดใส่)
แล้วถ้าแค่ใจเราคิดแอบรักหรือแอบชอบคนที่มีเจ้าของอยู่แล้ว(กินอยู่ด้วยกันแล้ว)
ตรงนี้แม้ไม่ผิดศีล แต่ผิดธรรม เพราะเมื่อเสพคุ้นมากเข้า จะแกร่งกล้าจนสามารถล่วงศีลได้ หากไม่อยากทุกข์มากเพราะเหตุนี้พึงสำรวมเลิกละเสียโดยเร็ว เพราะแม้เวลานี้หนูก็มิได้มีความสุขอย่างแท้จริงเพราะบาปกรรมให้ผลเป็นความเดือดร้อนใจเสมอ
หนูเป็นบาปมากไหมค่ะตอนนี้..........
ที่เดือดร้อนใจ ทุกข์ร้อนอยู่ด้วยตัณหาราคะเวลานี้ หาได้เป็นผลของบุญไม่ แต่เป็นบาปมีโทษ หากตายเวลานี้ ทุคติวินิบาตนรกพึงหวังได้ การที่หนูเศร้าโศกแม้เพียงเพราะ ไม่ได้เจอพี่คนนั้น รู้สึกว่าง ๆ เหงา ๆ แล้วยังมาแอบร้องไห้คนเดียวโดยที่ไม่ให้ใครรู้ นี่แสดงถึงอันตรายอย่างใหญ่หลวงแก่ตัวหนูเองแล้ว แสดงว่าตัณหาราคะเริ่มแก่กล้าเต็มที่แล้วขอเพียงโอกาสที่จะล่วงศีลเท่านั้นที่จะมาถึง หากจะเปรียบ..เวลานี้หนูยืนชิดขอบเหวนรกอยู่ หากไม่ถอยกลับใครจะน่าสงสารเท่าหนูคงไม่มี
เราเกิดมาเป็นคนได้เพราะบุญ เีีรียกว่า"มาสว่าง" หากคิดจะล่วงศีล ก็น่าเสียดายว่าจะต้อง"ไปมืด" น่าสงสารพ่อแม่ที่เฝ้าเลี้ยงเรามาด้วยความรัก หวังเพียงให้ลูกเป็นคนดี แต่อนิจจา ลูกสุดที่รักดั่งดวงใจกลับกำลังเห็นกงจักรเป็นดอกบัว เราทำอะไรให้พ่อแม่ชื่นใจหรือยัง นอกจากกำลังหลงมัวเมาด้วยสิ่งอันชาวโลกติเตียนอยู่ การทำให้พ่อแม่เสียใจนั้นเล่า ก็ยิ่งบาปหนักนับปริมาณไม่ได้เลย คุ้มหรือกับการไปเกิดในนรกและเป็นสัตว์เดรัจฉานจนนับชาติไม่ถ้วน ปิดตายอยู่ในอบายจนหาทางออกไม่เจอ หากคิดว่าคุ้มก็ทำไปตามตัณหาบงการ แต่หากเห็นภัยก็ให้ เลิกละความกำหนัดในชายผู้มีเจ้าของเสีย
แล้วให้สมาทานรักษาศีล๕ให้มั่นคงเข้าไว้ ย่อมเป็นผู้รู้รักษาตนอยู่ นึกถึงคุณของพ่อแม่ให้มากๆ ปวารณาตนว่าจะไม่ทำให้ท่านเสียใจ นี้ย่อมเป็นเกราะรักษาตนได้ อันความรักที่มาจากความกำหนัดนั้นไม่เคยนำผลดีมาให้ใคร...
ขอให้พ้นทุกข์โดยเร็วไวครับ
แล้วหนูจะล้างบาปได้ด้วยวิธีไหนค่ะ
หนูก็ไม่ได้คิดที่จะอยากทำอะไรถึงขั้น ต้องมีอะไรแบบนั้นต่อกันนะค่ะ หนูกลัวเรื่องอย่างนี้ที่สุด และไม่ต้องการจริง ๆ
อีกอย่างที่อยากรู้ การโกหก พูดเท็จ เพื่อทำให้คนอื่นสบายใจ รู้สึกดี มันผิดมากไหมค่ะ
แล้วหนูจะล้างบาปได้ด้วยวิธีไหนค่ะ
หมั่นเจริญบุญทุกชนิดให้ถึงพร้อม สมาทานประพฤติศีล๕ให้มั่นคงทุกวัน สวดมนตร์ ศึกษาธรรมะให้เข้าใจเพื่อให้เกิดปัญญารักษาตนได้ มีผลถึงขั้นสามารถพาตนล่วงทุกข์ได้จริง
หนูก็ไม่ได้คิดที่จะอยากทำอะไรถึงขั้น ต้องมีอะไรแบบนั้นต่อกันนะค่ะ หนูกลัวเรื่องอย่างนี้ที่สุด และไม่ต้องการจริง ๆ
จริงอยู่เวลานี้เราไม่คิดเลยเถิดถึงขั้นนั้น แต่เมื่อเราเติมเชื้อไฟแห่งตัณหาไว้เรื่อยๆ กิเลสย่อมเจริญเติบกล้าได้...และขอเพียงให้มีโอกาสเท่านั้น สิ่งที่เราไม่ต้องการไม่คาดคิดจะเกิดขึ้นเพราะอำนาจกิเลสที่แข็งกล้านั้นแน่นอน.
..ดังนั้น ขอให้หนูคิดว่าหากวันหนึ่งหนูมีสามีที่รักยิ่ง แต่สามีและผู้หญิงอื่นต่างแอบรักกันอย่างที่หนูเป็น หนูจะมีความสุขใหม...? หากหนูไม่ต้องการผลเช่นนี้ จงหลีกเลี่ยงการสร้างเหตุเพื่อผลนั้นเสีย...มันไม่คุ้มกันหรอกกับความสุขเจือทุกข์ในเวลานี้
ขอให้หนูยุติการคิดคำนึงถึงบุคคลที่หนู"แอบมีความรู้สึกชอบ รัก กันอยู่"ยุติการติดต่อทุกอย่างให้หมดสิ้น ไม่คิดถึงเรื่องราวที่เคยมีร่วมกันมาในอดีต ไม่ควรคำนึงถึงแม้ด้วยความห่วงใยเพราะเขามีคนที่ห่วงใยเขา..อยู่แล้ว เราไม่มีหน้าที่นี้เลย หน้าที่ของเราคือรักษาศีล ตอบแทนห่วงใยพ่อแม่ของเรา อะไรก็ตามที่ต้องทำด้วยอาการปิดบังหลบซ่อน ย่อมเป็นอาการของมิจฉากัมมันตะ คือการกระทำที่ไม่ถูกต้องประดุจโจรผู้ร้ายอันไม่เป็นที่ประสงค์ในชนทั้งหลาย จึงควรแต่จะเลิกละสละออกเสีย.. อันทุกข์ที่มีอยู่ด้วยเหตุนี้ ยังยากแก่การทนทานได้ แต่ทุกข์นี้ไม่อาจเปรียบได้เลยกับทุกข์ในนรกอบายภูมิ
อีกอย่างที่อยากรู้ การโกหก พูดเท็จ เพื่อทำให้คนอื่นสบายใจ รู้สึกดี มันผิดมากไหมค่ะ
พระพุทธองค์ตรัสว่า บุคคลผู้กล่าวโกหกอยู่ เขาจะไม่ทำกรรมชั่วอย่างอื่นเป็นไม่มี
ในขณะพูดโกหกอยู่จิตเป็นไปกับบาปคือโลภเป็นกิเลสเศร้าหมอง ส่วนความคิดให้คนอื่นสบายใจนั้นเป็นจิตอีกขณะหนึ่งที่เกิดตามมา ต้องแยกอารมณ์กันให้ถูกต้อง มิฉะนั้นจะเข้าใจว่าโกหกเป็นบุญ..
หากการโกหกเป็นบุญ ในศีล๕คงไม่ระบุให้"ละเว้นจากการโกหก"เลย และอาจมีคำสอนว่า ท่านจงโกหก เพื่อความสุขของชนทั้งหลาย แต่ปรากฏว่า หาได้มีคำสอนเช่นนั้นไม่ มีแต่การชี้โทษอันตรายของการโกหกแต่ถ่ายเดียว เราคงไม่ชอบให้ใครมาโกหกเรา แต่เราชอบโกหกใครๆ ผลที่จะได้คือเกิดมาทีไร ถูกคนอื่นโกหกเราตลอดเวลา คิดดูเถิดว่าเราจะมีความสุขหรือไม่?...
หากต้องโกหก ควรนิ่งเสียจะปลอดภัยกว่านะครับ
1. แล้วคุณkikapuจะผิดศีลข้อ 3 ได้อย่างไรครับ คุณddmanก็กล่าวเกินไป เขายังไม่ได้ทำการละเมิดศีลเลย
คุณ godama ช่วยอ่านความเห็นของผมด้วย"สติ"ดีๆอีกสักครั้งนะครับ จะทราบว่าผมเขียนอะไร ...
ขอให้คุณ kikapu โชคดี ได้รับรู้ธรรมะที่ถูกต้อง เวลานี้มีผู้บิดเบือนธรรมะมากจนน่ากลัวครับ
คุณddman ครับ
ข้อตวามท่อนนี้ผมพิมพ์ไปก่อนอ่านข้อความของคุณอีกครั้ง แล้วลืมลบไป
คุณddmanก็กล่าวเกินไป เขายังไม่ได้ทำการละเมิดศีลเลย
ขอประทานโทษอีกครั้งหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งไม่มีใครกล้าบิดเบือนธรรมะของพระพุทธองค์หรอกครับ เพียงแต่คนเรามีมิจฉาทิฏฐิและสัมมาทิฏฐิไม่เท่ากัน ผมเองโดนไล่ออกจากเว็บพลังจิต เว็บธรรมกาย เว็บธรรมจักร เว็บพันทิพย์ เว็บเนเนเจอร์ เป็นสิบๆครั้ง เพราะโดนใส่ความว่า บิดเบือนพุจพจน์ แต่พอผมให้ทีมงานเว็บชี้ว่าบิดเบือนตรงไหน ไม่เห็นมีใครชี้ได้สักราย
ก็อย่างเรื่องเจตนาคือกรรม และใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกอย่างสำเร็จที่ใจ เว็บพลังจิต เขาจะเอากายและวาจาเป็นใหญ่เป็นบาป มันผิดชัดๆ แต่ผมบอกความจริง แต่เขากลับไล่ผมออกมา
ใจต้องคิดก่อนครับคนเราถึงจะทำอะไรได้
ถ้าใจไม่คิดคงจะไม่ไปโกหกหรอกคนเรานะครับgodamaเมือใจคิดก้ออกมาทางกายและวาจาในสว่นกิริยาครับ
ขอถามคุนหน่อยคนจะไปยืมเงินคิดก่อนไหมครับ
ศิลย่อมจำแนกออกสามทางครับกายวาจาใจ
อนุโมทนาสาธุ ท่าน ddman & ท่าน 8q ด้วยครับ ในข้อธรรมของท่านทั้ง 2
คุณ godama ใช่ คุณ "ใบไม้นอกกำมือ" ใน web พลังจิตรึเปล่าครับ
สาธุๆๆอนุโมทนาครับท่าน 8q
คุณ *8q* ครับ
คุณเปรียบเทียบไม่ถูกครับ ผมเอ่ยปากขอยืมเงินไปแล้ว เพราะเช็คข้อมูลผิดพลาด นึกว่าเงินหมดแล้ว พอตอนหลังตรวจอีกที เอ้า!เงินยังมีอยู่นี่หว่า เลยต้องขอโทษที่เข้าใจผิด คนเรามันเข้าใจผิดกันได้
คุณkasem_a ครับ
คุณ godama ใช่ คุณ "ใบไม้นอกกำมือ" ใน web พลังจิตรึเปล่าครับ
แต่เดิมผมมีชื่อเดียว คือ คนสัมผัสวิญญาณ แต่ต้องสู้กับมารที่สิงใจทีมงานเว็บมาสเตอร์ในเว็บเมเนอเจอร์ พันทิพย์ ธรรมะไทย พลังจิต ธรรมจักร ธรรมกาย และเว็บคริสต์ ที่พยายามไม่ให้ผมเผยแพร่สัทธรรมของแท้ของพระพทธองค์ ในเรื่องความจริงสูงสุด ด่าว่าใส่ร้ายป้ายสีผมไม่เป็นไร ไล่ผมออกจากเว็บก็ไม่เป็นไร ผมก็สมัครใหม่ เพราะมีคนให้ชื่อของเขากับผม แต่ไอ้พวกนี้มันก็ตามไล่ผมออกแบบไม่ลดละ
เดือนก่อน ผมทำแฮ๊ตทริก โดนไล่ออกจากเว็บพลังจิต ธรรมจักร ธรรมกาย แบบถาวรตลอดชีพ ด้วยกระทู้เดียวที่ไม่มีใครสามารถหักล้างหลักฐานของผมได้ คือ กระทู้พระพุทธเจ้าตรัสว่า
พระราม(อวตารของพระนารายณ์)เกิดมาเป็นตถาคต และพระพุทธเจ้าตรัสด้วยว่า พระองค์เป็นพระพรหม(สูงสุด) พวกเราเกิดแต่โอษฐ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้เกิดจากธรรม พระธรรมนิรมิต
มารตัวใจที่สิงใจทีมงานเว็บเลยต้องทิ้งระเบิดอะตอมใส่ผม แต่ผมก็กลับมาได้อีก และเอาพุทธพจน์ที่ตรัสชัดเจนที่สุดว่า อสังขตธาตุ(นิพพาน)เป็นผู้สร้างสังขตธาตุ(โลก จักรวาล และทุกสิ่ง) พวกนี้จึงต้องไล่ผมออกอีกรอบ
แม้การล่วงศีลจะกำหนดไว้ที่ กาย วาจา
แต่การที่ กาย วาจา จะล่วงศีลได้ก็ย่อมมาจากใจ ที่เกิด(อกุศลจิต)
คุณ 8q ครับ
ธรรมดาทั่วไปน่ะใช่ การผิดศีลทางกายและวาจา จะสอดคล้องกับการผิดศีลทางใจที่เป็นอกุศล แต่ก็หาเป็นเช่นนั้นเสมอไปไม่ เช่น
1. เมียยอดรักทำให้ยอดรักตาย เพราะเมียไม่ให้ใส่หมอเครื่องช่วยชีวิต เพื่อยื้อเวลาตาย คุณว่าเมียยอดรักทำบาปข้อหาฆ่ายอดรัก หรือทำบุญใหญ่กันแน่ เพราะจิตของเธอรู้ว่ายอดรักตายแหงๆในอีก 1-3 วัน แต่ต้องตายด้วยการทรมานที่สุด เธอไม่ต้องการให้ผัวทนทรมานอย่างนั้น
2. พ่อแม่ฉีดยาฆ่ายุงเพื่อป้องกันคนในบ้านไม่ให้ถูกยุงกัด
3. แม่ชีที่ถอดจิตได้ เล่าให้ฟังว่า พระยายมราชตัดสินให้หญิงคนหนึ่งขึ้นสวรรค์ชั้นดาวดึง หลังจากพบว่า ผู้หญิงคนนั้นนอกใจสามี ไปขายตัวเอาเงินมาจ่ายค่าเทอมลูก และเลี้ยงผัวที่พิการ
4. หลวงพี่เท่งตะโกนโกหกว่า ตำรวจมา ตำรวจมา คนร้ายที่รุมกระทืบคนอื่นจึงหนีไป คนนั้นเลยรอดตายจากการโดนยำตีน
5. พระอรหันต์จี้กงเป็นตัวอย่างClassic ที่สุด สำหรับเรื่องการดื่มสุราเมรัย แล้วไม่บาป
พระพุทธองค์ตรัสว่า บุคคลผู้กล่าวโกหกอยู่ เขาจะไม่ทำกรรมชั่วอย่างอื่นเป็นไม่มี
ในขณะพูดโกหกอยู่จิตเป็นไปกับบาปคือโลภเป็นกิเลสเศร้าหมอง ส่วนความคิดให้คนอื่นสบายใจนั้นเป็นจิตอีกขณะหนึ่งที่เกิดตามมา ต้องแยกอารมณ์กันให้ถูกต้อง มิฉะนั้นจะเข้าใจว่าโกหกเป็นบุญ..
หากการโกหกเป็นบุญ ในศีล๕คงไม่ระบุให้"ละเว้นจากการโกหก"เลย และอาจมีคำสอนว่า ท่านจงโกหก เพื่อความสุขของชนทั้งหลาย แต่ปรากฏว่า หาได้มีคำสอนเช่นนั้นไม่ มีแต่การชี้โทษอันตรายของการโกหกแต่ถ่ายเดียว เราคงไม่ชอบให้ใครมาโกหกเรา แต่เราชอบโกหกใครๆ ผลที่จะได้คือเกิดมาทีไร ถูกคนอื่นโกหกเราตลอดเวลา คิดดูเถิดว่าเราจะมีความสุขหรือไม่?...
หากต้องโกหก ควรนิ่งเสียจะปลอดภัยกว่านะครับ
ddman DT07247 [28 มิ.ย. 2552 14:51 น.] คำตอบที่ 5
คุณ 8q ครับ
ธรรมดาทั่วไปน่ะใช่ การผิดศีลทางกายและวาจา จะสอดคล้องกับการผิดศีลทางใจที่เป็นอกุศล แต่ก็หาเป็นเช่นนั้นเสมอไปไม่ เช่น
1. เมียยอดรักทำให้ยอดรักตาย เพราะเมียไม่ให้ใส่หมอเครื่องช่วยชีวิต เพื่อยื้อเวลาตาย คุณว่าเมียยอดรักทำบาปข้อหาฆ่ายอดรัก หรือทำบุญใหญ่กันแน่ เพราะจิตของเธอรู้ว่ายอดรักตายแหงๆในอีก 1-3 วัน แต่ต้องตายด้วยการทรมานที่สุด เธอไม่ต้องการให้ผัวทนทรมานอย่างนั้น
2. พ่อแม่ฉีดยาฆ่ายุงเพื่อป้องกันคนในบ้านไม่ให้ถูกยุงกัด
3. แม่ชีที่ถอดจิตได้ เล่าให้ฟังว่า พระยายมราชตัดสินให้หญิงคนหนึ่งขึ้นสวรรค์ชั้นดาวดึง หลังจากพบว่า ผู้หญิงคนนั้นนอกใจสามี ไปขายตัวเอาเงินมาจ่ายค่าเทอมลูก และเลี้ยงผัวที่พิการ
4. หลวงพี่เท่งตะโกนโกหกว่า ตำรวจมา ตำรวจมา คนร้ายที่รุมกระทืบคนอื่นจึงหนีไป คนนั้นเลยรอดตายจากการโดนยำตีน
5. พระอรหันต์จี้กงเป็นตัวอย่างClassic ที่สุด สำหรับเรื่องการดื่มสุราเมรัย แล้วไม่บาป
godama DT09511 [9 ก.ค. 2552 00:11 น.] คำตอบที่ 13
คุณ godama คะ คำกล่าวของคุณ หน้ากับหลังไม่ตรงกันแล้วค่ะ
ดูกรคฤหบดี ท่านจงมนสิการ ครั้นแล้ว จงพยากรณ์
คำหลังกับคำก่อนก็ดี คำก่อนกับคำหลังก็ดี ของท่าน ไม่ต่อกันเลย
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=13&A=1044&Z=1477
ถ้าเมื่อเธอพิจารณาอยู่ พึงรู้อย่างนี้ว่า
เราทำกรรมใดด้วยกาย กายกรรมของเรานี้
ย่อมเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนบ้าง เพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง
และเพื่อเบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่นบ้าง
กายกรรมนี้เป็นอกุศล มีทุกข์เป็นกำไร มีทุกข์เป็นวิบากดังนี้ไซร้
เธอพึงเลิกกายกรรมเห็นปานนั้นเสีย.
ถ้าเธอพิจารณาอยู่พึงรู้อย่างนี้ว่า
เราทำอยู่ซึ่งกรรมใดด้วยวาจา วจีกรรมของเรานี้
ย่อมเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตน เพื่อเบียดเบียนผู้อื่น
และเพื่อเบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่น
วจีกรรมนี้เป็นอกุศล มีทุกข์เป็นกำไร มีทุกข์เป็นวิบาก ดังนี้ไซร้
เธอพึงเลิกวจีกรรมเห็นปานนั้นเสีย.
ถ้าเธอพิจารณาอยู่ พึงรู้อย่างนี้ว่า
เราทำได้แล้วซึ่งกรรมใดด้วยใจ มโนกรรมของเรานี้
ย่อมเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนบ้าง เพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง
เพื่อเบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่นบ้าง
มโนกรรมนี้เป็นอกุศล มีทุกข์เป็นกำไร มีทุกข์เป็นวิบากดังนี้ไซร้
เธอพึงกระดาก ละอาย เกลียดในมโนกรรมเห็นปานนั้น
ครั้นแล้วพึงสำรวมต่อไป.
http://WWW.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=13&A=2383&Z=2540
เจริญในธรรมเจ้าค่ะ
สาธุครับแม่หิ้งห้อง
ขอโทษนะครับท่านgodama
เราต้องแยกออกครับว่าบุญส่วนไหนบาปส่วนไหน
พูดอีกที่ก็ข้าวเป็นยังไง
อุจจาระเป็นยังไง
ผู้มีสติไม่ควรจะกินอะไร
คุณ*8q* และคุณ หิ่งห้อยน้อย ครับ
คนที่ทำผิดศีล 5 โดยทั่วไปจะทำด้วยใจอกุศล ต้องการเบียดเยนผู้อื่น พระพุทธองค์จึงสอนเรื่องศีล 5 อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้เป็นทุกกรณีที่ว่า การผิดสีล 5 เป็นบาป พระพุทธองค์จึงสอนวิธีดูว่า อันไหนเป้นบาป อันไหนเป็นบุญ คือดูที่เจตนาของจิต
เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ
เรากล่าวเจตนาว่าคือกรรม
และตรัสว่า "ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่สำเร็จแล้วด้วยใจ"
นอกจากนี้ ยังตรัสว่า "ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกอย่างสำเร็จด้วยใจ"
พระพุทธองค์ ไม่ได้ตรัสว่า บาปผิดศีล 5 สำเร็จด้วยกาย หรือวาจา แต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าวาจาและกายของเราผิดศีล 5 แต่ถ้าใจไม่ได้เป็นอกุศล ก็มิได้เป็นบาป ถ้าใจเป็นกุศลจากการผิดศีล 5 นั้น ก็ย่อมเป็นบุญ
ตัวอย่างที่ผมยกมาชัดเจนมาก ไม่ต้องแยกเป็นข้าวหรือเป็นอุจจระแต่อย่างใด จิตของเขาตอนที่ทำกรรมนั้นมีเจตนาของใจอย่างใด ส่วนเจตนาของกายและวาจาตัดทิ้งไปเลย เพราะ"ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่สำเร็จแล้วด้วยใจ" และ"ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกอย่างสำเร็จด้วยใจ"
เราเป้นมนุษย์ เราจะไปท่องจำศีล 5 แบบนกแก้วนกขุนทองไม่ได้ ต้องเข้าใจที่มาของศีล 5 ด้วยว่าใช้ได้แค่ 92%-98% แต่อีก 2%-8% เป็นกรณียกเว้น
ชาวบ้านยกเมียและลูกให้คนอื่นเป็นบาป เพราะเจตนาของเขาเห็นแก่ตัว อยากได้เงิน
แต่พระเวสสันดรยกเมียและลูกให้ผู้อื่น เป็นมหากุศล เพราะเจตนาในใจของท่านเป็นการเสียสละสิ่งที่ตนรัก เพื่อเห็นแก่เพื่อนมนุษย์ทั้งโลก
ดังนั้น พระเวสสันดรยกเมียและลูกให้ผู้อื่น เป็นมหากุศล ท่านอยู่ใน 2%-8% ที่เป็นกรณียกเว้น จริงๆ ท่านอยู่ใน 0.00000001% ของมนุษย์ที่จะทำเช่นนั้น
ยกให้คือยกให้ขายก็คือขาย
แค่นี้ก็แยกไม่ออกเน๊าะ
มีหรือที่ปุตุชนจะฆ่าคนด้วยใจที่เป็นกุศลไม่มีหรอกครับ
ก่อนที่เขาจะทำอะไรลงไปเขาต้องคิดแล้วคิดอีกบางที่อาจคิดจนน้ำตาตกใน
แยกให้ออกครับจิตปุตุชนกับจิตพระอริยะคนละประเภทกัน
ทุกท่านทีมาตอบและมาอ่านท่านทั้งหลายต่างเข้าใจแล้ว
แต่ท่านเล่ายังจะเอาบาปมาแปะทับอีก
อนึ่ง ภิกษุใดจงใจพรากกายมนุษย์จากชีวิต หรือแสวง
หาศัสตราอันจะปลิดชีวิตให้แก่กายมนุษย์นั้น หรือพรรณนาคุณแห่ง
ความตาย หรือชักชวนเพื่ออันตาย ด้วยถ้อยคำว่า แน่ะนายผู้เป็นชาย
จะประโยชน์อะไรแก่ท่าน ด้วยชีวิตอันแสนลำบากยากแค้นนี้
ท่านตายเสียดีกว่าเป็นอยู่ ดังนี้ เธอมีจิตอย่างนี้ มีใจอย่างนี้ มีความ
หมายหลายอย่าง อย่างนี้ พรรณนาคุณในความตายก็ดี ชักชวน
เพื่ออันตายก็ดี โดยหลายนัย แม้ภิกษุนี้ก็เป็นปาราชิก หาสังวาสมิได้.
( พระวินัยปิฎก เล่ม ๒ มหามกุฏฯ ตติยปาราชิก )
คำว่า จะประโยชน์อะไรแก่ท่าน ด้วยชีวิตอันแสนลำบากยากแค้นนี้ ท่านตายเสียดีกว่าเป็นอยู่ ดังนี้ นั้น อธิบายว่า ชีวิตที่ชื่อว่ายากแค้น คือเทียบชีวิตของคนมั่งคั่ง ชีวิตของคนเข็ญใจ ก็ชื่อว่ายากแค้นเทียบชีวิตของคนมีทรัพย์ ชีวิตของคนไร้ทรัพย์ ก็ชื่อว่ายากแค้น เทียบชีวิตของเหล่าเทพเจ้า ชีวิตของพวกมนุษย์ ก็ชื่อว่ายากแค้น ชีวิตของคนมีมือขาดมีเท้าขาด มีทั้งมือทั้งเท้าขาด มีหูขาด มีจมูกขาด มีทั้งหูทั้งจมูกขาด ชื่อว่าชีวิตอันแสนลำบาก จะประโยชน์อะไรด้วยชีวิตอันแสนลำบากและยากแค้นเช่นนี้ ท่านตายเสียดีกว่าเป็นอยู่ ดังนี้.
บทว่า พรรณนาคุณในความตายก็ดี ได้แก่ แสดงโทษในความเป็นอยู่ พรรณนาคุณในความตายว่า ท่านตายจากโลกนี้แล้ว เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก จักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ จักได้รับบำเรอเพรียบพร้อมอิ่มเอิบด้วยเบญจกามคุณอันเป็นทิพย์ ในสุคติโลกสวรรค์นั้น.
และในหน้าที่ ๒๗๒ แสดงดังนี้
พรรณนาด้วยหนังสือ
ที่ชื่อว่า พรรณนาด้วยหนังสือ ได้แก่ภิกษุเขียนหนังสือไว้ว่า ผู้ใดตายอย่างนี้ ผู้นั้นจะได้ทรัพย์ ได้ยศ หรือไปสวรรค์ ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏทุก ๆ ตัวอักษร ผู้ใดผู้หนึ่งเห็นหนังสือแล้วคิดว่า เราจักตาย แล้วยังทุกขเวทนา ให้เกิด ภิกษุผู้เขียน ต้องอาบัติถุลลัจจัย เขาตาย ภิกษุผู้เขียน ต้องอาบัติปาราชิก.
หลักฐานที่นำมาแสดงนี้จะเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่า การพูดพรรณนาให้ผู้ใดตายซะดีกว่าอยู่ มีชีวิตอยู่ก็ทรมานให้ตายซะดีกว่า หากผู้ฟังตายไปด้วยคำพูดที่พูดลักษณะนี้ ผู้พูดก็ชื่อว่าทำปาณาติบาต ชื่อว่าฆ่ามนุษย์เช่นกัน ถ้าเป็นพระก็ต้องอาบัติปาราชิก คือขาดจากความเป็นพระภิกษุ นอกจากนี้ท่านยังรวมถึงการพรรณนาด้วยท่าทางทางกาย พรรณนาด้วยการส่งทูต หรือให้ใครบอกแทน พรรณนาด้วยการเขียนเป็นหนังสือ ผู้สนใจในรายละเอียดอื่นๆเพิ่มเติม ก็ให้ไปค้นจากหลักฐานที่นำแสดงนี้
นอกจากนี้ในหน้าที่ ๔๐๗ แสดงถึงโทษของการเขียนหรือพิมพ์การพรรณนาคุณของความตายเพิ่มเติมดังนี้
แต่เมื่อภิกษุเขียนหนังสือเจาะจง ตนเขียนเจาะจงบุคคลใด, เพราะผู้นั้นนั่นแลตาย เป็นปาราชิก, เมื่อเขียนหนังสือเจาะจงบุคคลหลายคนเป็นปาณาติบาต มีประมาณเท่าจำนวนคนที่ตายไป, เพราะมารดาและบิดาตายเป็นอนันตริยกรรม. แม้ในหนังสือที่เขียนไม่เจาะจง ก็นัยนี้แล. ภิกษุ เมื่อเกิดความเดือดร้อนขึ้นว่า คนสัตว์เป็นอันมากจะตาย จึงเผาใบลานนั้นเสียหรือทำโดยประการที่อักษรทั้งหลายจะไม่ปรากฏ ย่อมพ้นได้
ถ้าภิกษุมากรูปด้วยกันเป็นผู้มีอัธยาศัยร่วมกันว่า พวกเราจักเขียนพรรณนาคุณความตาย ดังนี้, รูปหนึ่งขึ้นต้นตาลแล้ว ตัดใบตาล, รูปหนึ่งนำมา, รูปหนึ่งทำให้เป็นใบลาน, อีกรูปหนึ่งเขียน. อีกรูปหนึ่ง ถ้าเป็นการเขียนด้วยเหล็กจาร ก็เอาเขม่าทา; ครั้นทาเขม่าแล้ว จัดใบลานนั้นเข้าเป็นผูก, เธอทั้งหมดเทียวเอาไปวางไว้ที่สภา หรือที่ร้านตลาด หรือในสถานที่ ๆ ประชาชนเป็นอันมากผู้แตกตื่นเพื่อดูหนังสือประชุมกัน. ประชาชนอ่านหนังสือนั้นแล้ว,ถ้าตายไปคนเดียวไซร้, เป็นปาราชิกแก่ภิกษุทั้งหมด. ถ้าตายไปมากคนไซร้,ก็มีนัยเช่นเดียวกันกับที่กล่าวแล้วนั่นแล. แต่เมื่อเกิดความเดือดร้อนขึ้น ถ้าภิกษุเหล่านั้น เอาใบลานนั้นเก็บไว้ในหีบ, และมีผู้อื่นพบเห็นใบลานนั้นแล้วนำออกมาแสดงแก่ชนเป็นอันมากอีก, เธอทั้งหมดนั้น จะไม่รอดตัวเลย, หีบจงยกไว้, ถ้าแม้พวกเธอเหวี่ยงใบลานนั้นลงไป หรือล้างในแม่น้ำหรือทะเลเสีย หั่นเป็นท่อนน้อยท่อนใหญ่ หรือใส่ไฟเผาเสีย ก็ยังไม่รอดตัวตราบเท่า ที่ตัวหนังสือยังปรากฏอยู่ในใบลาน แม้ที่ยังเชื่อมต่อกันได้ ซึ่งล้างไม่ดี หรือเผาไม่ดี. แต่เมื่อกระทำโดยประการที่อักษรทั้งหลายจะไม่ปรากฏเลย จึงรอดตัวไปได้ แล.
ทีนี้คับวุฒิเลยมีข้อสงสัยคับว่าสมมุติว่า มีคนกระทืบกัน เราเข้าไปช่วย กายกรรมนั้นจะเบียดเบียนเราเป็นบาป เรานิ่งเฉยเราจะรู้สึกผิด มโนกรรมเบียดเบียนเราทำให้เราเป็นบาป โกหกคนอื่นแบบหลวงพี่เท่งทำ แต่การโกหกเป็นบาป แต่วจีกรรมนี้ไม่ได้เบียดเบียนใคร จะเป็นยังเป็นบาปหรือไม่ครับ มีกายกรรม วจีกรรม หรือมโนกรรมใดมั้ยอะคับที่ถูกที่สุดในสถานการณ์นี้