แม่เป็นมะเร็ง ผมกับพ่อกับน้า ช่วยกันดูแม่ มาหลายปี ตอนนี้แม่ตายแล้ว ผมไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตต่อไป
ผมเสียใจมาก เวลาเห็นของใช้ เสื้อผ้า ที่นอน อะไรที่เป็นของแม่ ผมจะร้องไห้ตลอด ใจหายวูบ
ผมเครียด ปวดหัวมาก ผมรู้ว่า คนเราเกิดมาต้องตาย ทุกคน แต่ผมทำใจไม่ได้
ผมจะทำบุญให้แม่แบบ ไหนได้บ้าง ผมจะสวดมนต์ แผ่เมตตา นั่งสมาธิ ให้แม่ได้มั้ย
ตอนนี้ผมเพิ่ง ไปทำงาน ราชการ พ่อผมอยู่คนเดียว อายุมากแล้ว ไม่มีคนคอยดูแล
ผมจะลาออกจากงาน มาดูแลพ่อดีมั้ย พ่อเป็นข้าราชการบำนาญ
ผมรู้ผมต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเอง วันหนึ่งพ่อตายไป ใครจะเลี้ยงผมใช่มั้ยครับ
ผมอยากมีคน พูดคุย คอยให้คำปรึกษา ครับ
ผมอยากขอคำแนะนำ จากทุกท่านด้วย ขอบคุณมากครับ
ถ้ามีเวลาว่างอยากให้ไปหาสถานที่ปฏิบัติกรรมฐานครับ
เพื่อทำกุศลสูงสุดให้กับตัวเองและจะได้อุทิศให้กับแม่ครับ
อ่านแล้วก็เห็นใจ...
การแก้ทุกข์ ตนเป็นทุกข์ ตนก็ต้องแก้เอง ใครมาช่วยแก้ช่วยแบ่งเบาไมได้
ถ้าได้ พระพุทธเจ้า ก็คงแก้ให้สัตว์โลกทั้งหลายไปนานแล้ว
ทุกข์จากการพลัดพราก ตายจาก เป็นทุกคนไมมียกเว้น
ธรรมที่พระองค์ตรัสไว้ เพื่อแก้ทุกข์เรื่องนี้ก็มีอยู่
"การพลัดพรากจากของรัก ของชอบใจ เป็นทุกข์"
การแก้ "ทุกข์" ต้องแก้ด้วย "ปัญญา" ด้วยการคิด การพิจารณาไตร่ตรอง
ด้วยเหตุด้วยผลว่า คนเราเกิดมาต้องตาย ต้องพลัดพราก
ต้องประสบความชอบใจและความไม่ชอบใจเสมอ
"เมื่อใจยอมรับความจริงจากปัญญา" ใจก็ไม่ยึดมั่น ใจก็ปล่อยวาง
เมื่อมีปัญญา ทุกอย่างก็แก้ได้
คนเราก็สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเข้าใจ แต่ไม่น้อมมาประพฤติปฏิบัติ
ใครบอก ใครแนะนำ ก็บอกว่า "รู้แล้ว" "เข้าใจแล้ว"
แล้วก็แบกทุกข์ ยินดีจมอยู่กับทุกข์นั้นต่อไป
"ทุกข์มีไว้ให้แก้ ไม่ได้มีไว้ให้แบก"
เจริญธรรม
ขอบคุณแทนเจ้าของกระทู้ด้วยนะคับสำหรับกระทู้ก่อนผมดีมากคับถูกต้องคับเอาล่ะมาดูความคิดเห็นผมบ้างนะคับผมเข้าใจดีคับว่าแม่ท่านเสียท่านเองเสียใจมากท่านครับแม่ผมกเสียครับเสียมา17ปีแล้วคับเสียตอนผมอายุแค่14ปีตอนนั้นผมเด็กครับแต่ผมไม่ได้คิดนะคับว่าชีวิตผมต้องทำอย่างไรทุกวันนี้ผมเองก็อยู่ได้ปกติครับแต่แผมไม่มีวันไหนที่ผมจะเคยลืมท่านเลยผมรักแม่มากนะคับอย่างที่พูดกันและพระพุทธเเองก้เคยกล่าวไว้ว่า...เราจักพลัดพรากจากของที่รักและชอบใจทั้งสิ้น.....ขอบอกไว้ก่อนนะคับว่าเป็นความคิดของผมเองว่าท่านคิดดีแล้วคับเวลาเราเป็นเด็กเราไม่สามารถดูแลตัวเองได้ซึ่งตอนนี้และในวันข้างหน้าพ่อและแม่ก็ไม่สามารถดูแลตัวท่านเองได้เช่นกันเพราะท่านแก่มากขึ้นทุกทีถ้าเป็นไปได้ก็ควรให้เวลาท่านมากที่สุดเท่าที่จะทำได้อย่ามาทำให้ตอนที่ท่านไม่อยู่กับเราแล้วเพราะนั่นท่านอาจจะไม่ได้รับก็ได้...ผมเคยทราบมาว่ากรรมเป็นของใครก็ของคนนั้นแบ่งหรือทำแทนกันไม่ได้....(เหมือนกับเวลาที่เราหิวเราให้เขากินแทนเราถามว่าเราจะอิ่มไหม)เช่นกันการทำบุญให้กันไม่ได้หมายความว่าคนที่รับบุญจากเราจะได้100เปอร์เซ็นต์เพียงแต่เราได้ความสุขสบายใจและเป็นการณ์แบ่งความตระหนี่ที่เรียกกันว่าการทำบุญ(กุศล)ไงก็ขอเป็นกำลังใจให้นะคับฝึกจิตเยอะๆๆแล้วจะรู้ว่าจิตเราสงบไหม
รู้ทันความเสียใจครับ (มีสติ และเข้าใจและรู้ทันความเป็นไปของโลก)
เสียใจได้นะครับ เครียดได้ครับ พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ห้าม แต่พระพุทธเจ้าสอนว่าเมื่อเสียใจ หรือเครียดให้รู้ทันครับ
พระพุทธเจ้าสอนให้เรารู้ทุกข์นะครับ ไม่ใช่ให้หนีทุกข์ พระพุทธเจ้าสอนให้เราเข้าใจในความจริงของความทุกข์ครับ ***มารดา บิดา บุตร ภรรยาล้วนแต่เป็นบ่วงนะครับ*** ถ้าเรายึดมั่นถือมั่นกับสิ่งที่สูญเสียไปแล้วมันก็ไม่ได้อะไร สู้เอาเวลาหันกลับมาอยู่กับกาย กับใจของตัวเองดีกว่าครับ เพราะคนที่ทุกข์อยู่นี้คือเรา ไม่ใช่คนอื่นเลยครับ แล้วที่เราทุกข์นี้ก็เพราะว่ามารดาของเราตายครับ แต่ถามว่าทำไมมารดาคนอื่นตายเรายังไม่เสียใจมากเท่ากับเวลาที่มารดาคนอื่นตายล่ะครับ ก็เพราะว่าเรายึดมั่นว่านี่เป็นมารดาของเราครับ ถ้าไม่ใช่แม่เราเราก็จะไม่เสียใจหรอกครับ เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าท่านจึงสอนไม่ให้ยึดมั่นถือมั่นครับ เพราะจะเป็นทุกข์เปล่าๆ หรือที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ครับ
ผมอยากให้คุณ black ลองเจริญสติ รู้ทันอารมณ์ที่เกิดขึ้นในกายในใจดูครับ เช่นความเครียดเกิดเราก็รู้ทันครับว่าความเครียดเกิดแล้ว แล้วความเครียดจะดับครับ (เพราะความเครียดมันไม่มีหรอกครับ มันคือสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในจิตใจของเราแค่นั้นเอง จนทำให้จิตของเราเปลี่ยนไปเป็นแค่ความเครียดเองครับ) ตอนนี้คือเวลาที่เราต้องรักษาใจของเราครับ ไม่ใช่เอาใจไปพัวพันกับสิ่งที่หายไปแล้วครับ
เราควรทำเรื่องของปัจจุบันให้ดีก่อน (เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดครับ )
อนาคตเมื่อเราคิดไปมันก็จะทุกข์เปล่าๆ ครับ (เพราะมันยังไม่เกิดขึ้น) บางคนเตรียมการเพื่ออนาคตมากมาย แต่เมื่ออนาคตมันไม่ได้มาในรูปแบบที่เราเตรียมการไว้เราก็จะทุกข์ยิ่งกว่าเดิมเสียอีกครับ
ส่วนอดีตก็คงแก้ไม่ได้แล้ว (คิดไปก็แก้อะไรไม่ได้ มัวแต่รำพึงรำพันก็จะทุกข์เปล่าครับ)
พระพุทธเจ้าสอนให้รู้ทุกข์ (รู้ทันกายกับใจของตนเอง) สิ่งที่คุณ black ควรทำตอนนี้
ละสมุทัย (เมื่อคุณ black รู้บ่อยๆ แล้วจะเห็นความจริงก็จะละเหตุแห่งทุกข์ได้เองครับ)
แจ้งในนิโรธ
เจริญในมรรคครับ
ผมอธิบายให้เห็นคุณ black ได้เห็นตามความเป็นจริงตามที่มนุษย์ทุกคนควรจะรู้นะครับ รู้ทันจิตของตัวเองครับ (เกิดความรู้สึกอะไรให้รู้ทันครับ)
หากผมกล่าวผิดในธรรมดังกล่าวก็ขออภัยนะครับ (เชิยผู้รู้แก้ไขให้ถูกต้องตามสมควรครับเพื่อความถูกต้องในพระธรรม)
ถ้าคุณ black สงสัยในการรู้ทันจิตก็ถามได้นะครับ ไม่ช้าไปหรอกครับ ผมยังเด็กๆ อยู่ก็ยังฝึกได้เลยครับ ยืนยันครับ
เจริญในธรรมครับ
เหมือนกัลค่ะแม่เอ๋ท่านจากไปเดือนเมษาตอนนี้จิตใจแย่มากวันก่อนิตะเวนทำบุญให้ท่านแม่จากไปอย่างกะทันหันมากยังไม่ได้มีโอกาสได้ตอบแทนบุญคุณท่านเลยตอนนี้เป็นห่วงแม่มากกลัวแม่จะลำบากแม่เอ๋ท่านน่าสงสารมากค่ะท่านอยู่บ้านคนเดียวท่านล้มแล้วจากไปอย่างไม่มีวันกลับถ้ามีคนอยู่กลับแม่แม่คงไม่เป็นไรเอ๋รู้แึกผิดทุกวินาทีภาพแม่อยู่ในความทรงจำร้องไห้ทุกวันค่ะทำใจไม่ได้เลยพยายามสวดมนต์นั่งสมาธิส่งผลบุญให้แม่หมดเลยทำได้แค่นี้แล้วใช่มั๊ยค่ะตอนแม่อยู่ไม่ค่อยได้ดูแลแม่เลยตอนนี้อยากดูแลอยากโทรหาแม่อยากคุยด้วยก็ไม่มีโอกาสอิกแล้วแม่จ๋าหนูรักแม่อยากกอดอยากหอมอยากคุยกับแม่อยากพาแม่ไปเที่ยวไปกินข้าวหนูเป็นห่วงแม่นะค่ะแต่แม่ไม่ต้องห่วงหนูกับน้องกับพ่อนะทุกคนสบายดีแม่ไปสู่สุขตินะค่ะแม่รักแม่ที่สุดแม่อยู่ในใจหนูตลอดไป
ดิฉันก็เหมือนกันค่ะ เพิ่งเสียสามีอย่างกะทันหันด้วยวัยเพียง 38 ปี โดยอุบัติเหตุรถตู้โดยสารชนกับรถเทเลอร์เมื่อเดือนสิงหาคม 55 ที่ผ่านมา ยังทำใจไม่ค่อยได้เพราะสามีเป็นคนดีมาก เป็นลูกกตัญญูของพ่อแม่ และคอยดูแลลูกและภรรยา เป็นอย่างดี มองเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างก็คิดถึง ร้องไห้ทุกครั้ง สงสารลูกลูกก็ยังเล็ก 4 ขวบ เขาดูเหงาๆไปรอคอยพ่อมาหา เราเองก็เหงาโดดเดียวความสุขที่เคยมีหายไปเลย ไม่คิดว่าชีวิตจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เพราะครอบครัวเราก็ทำดีไม่เคยคิดร้ายกับใคร ทุกข์มากทุกข์มากที่สุด มืดมนกับชีวิตเหมือนกัน ยังคิดถึงเขาอยู่ทุกวัน ยังจำภาพที่ไปรับศพเขาน้ำตาและความเศร้าใจก็เข้ามาทุกครั้งเหมือนเป็นความฝัน รับไม่ได้ แต่ก็พยายามลุกขึ้นเพื่อลูกที่เป็นที่รักของเรากับเขา...ตอนนี้เริ่มเข้าถึงสัจจะธรรม ใช้ธรรมะประคับประคองจิตใจให้เข้มแข็ง ต่อสู้กับความทุกข์เพราะอยากให้คนที่จากไปสุข หมดห่วงเรากับลูก พยายามทำอยู่ แต่ยากมากๆค่ะ...เป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่มีทุกข์จากการพลัดพลากนะค่ะ
พ่อเราเพิ่งเสียไปได้เกือบจะปีแล้ว แล้วเราเพิ่งเรียนจบและกำจะทำงานเราว่าเราจะทำงานที่ กรุงเทพ เพราะ บ้านอยู่ ตจว. มันไม่มีงานที่เราเรียนจบมาจะทำได้ค่ะ มันมีแต่งานราชการ ซึ่งเราไม่ชอบเลย และตอนนี้เราก็ปล่อบแม่อยู่คนเดียวที่บ้านเราเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่มีน้องมีแต่พี่น้องต่างมารดา แม่เราก็อายุมากแล้วค่ะ 60 กว่าๆ เราควรทำยังไงดีค่ะ อยากทำงานเลี้ยงตัวเองและแม่ให้ได้ แต่ถ้าทำงานราชการก็ไม่มีเงินพ่อที่จะเลี้ยง ทั้งสองคนอะค่ะ แต่เราก็ไม่อยากทิ้งแม่ไว้คนเดียว เราจะทำยังไงดี