คือว่า ต้องการจะบวชชีแบบปลงผมน่ะค่ะ แต่เพื่อนๆ ไม่เห็นด้วย เพราะอีก 6 เดือนจะแต่งงานแล้ว กลัวผมขึ้นไม่ทัน เพื่อนบอกว่าสามารถบวชชีพราหมณ์ก็ได้ ไม่ต้องปลงผม แต่ความรู้สึกอยากบวชชีปลงผมมากกว่า เพราะรู้สึกว่าต้องการปฏิบัติธรรมแบบเต็มที่ แต่ไม่ทราบว่าระหว่างบวชชีพราหมณ์กับแม่ชี (ปลงผม) ปฏิบัติหรือถือศีลต่างกันหรือเปล่าคะ จะได้อธิบายเพื่อนให้เข้าใจน่ะค่ะ รบกวนชี้แนะด้วยค่ะ
ก่อนอื่น ขอให้ท่านผู้ถามทำความเข้าใจที่มาของการบวชชีเสียก่อน
ในสมัยพุทธกาล ไม่มีการบวชชีหรอกครับ...มีนักบวชก็ได้แก่ พระภิกษุ พระภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา
ในกรณีที่ต่อมาพระภิกษุณีก็หมดไปจากศาสนาพุทธแล้ว กระนั้นคนในสมัยก่อนก็เคร่งครัดในศีล เข้าใจเหตุผลในเรื่องการรักษาศีล ประพฤติเพื่อพรหมจรรย์ ดังนั้นอุบาสิกาผู้ใคร่จะถือศีลให้สะดวก หนักแน่นกว่าการเป็นฆราวาส จึงกระทำตนให้เป็นนักบวช เรียกว่า บวชชี โดยฐานะนั้นไม่ใช่นักบวชในพระศาสนา แต่เป็นเพียงอุบาสิกาที่เพียรประพฤติศีลให้เข้าถึงความมั่นคงนั่นเอง
ดังนั้นจึงปลงผม ถือการนุ่งห่มด้วยผ้านุ่งห่มสีขาว แล้วเพียรในการรักษาศีลแปด นี่คนโบราณท่านฉลาดจึงตั้งเอาธรรมเนียมนี้มา
ดังนั้นศีลที่แม่ชีถือ ก็ได้แก่อุโบสถศีล คือ ศีลแปดนั่นเอง ...
ผู้ที่ปลงผมนั้น จะเป็นผู้ที่ตั้งใจอยู่ประพฤติพรหมจรรย์แบบถาวร ส่วนผู้ที่ยังไม่ถาวรก็ไม่ปลงผมครับ แต่หากมีศรัทธาแรงกล้าจริงดังที่ตั้งใจไว้ แม้ไม่บวชนานถาวรก็เป็นเจตนาที่ประเสริฐครับ ขออนุโมทนาด้วยครับ
ถ้ามีเวลา ก็ลองไปสำนักปฏิบัติธรรมก็ได้ครับ แบบสวนโมกข์ หรืออะไรประมาณนั้น ไม่จำเป็นต้องปลงผม
สำนักปฏิบัติ 3วัน 7วัน อาทิดนึง เดือนนึง ก็มีเยอะครับ เรายังต้องอยู่ทางโลกยังไงก็ต้องทำหน้าที่ ถ้ามีโอกาสได้ปฏิบัติเต็มตัวถึงขั้นบวชก็ดี เพราะถึงอย่างไรเราก็ปฏิบัติจากข้างใน ไม่ใช่ข้างนอกครับ
มีอาจารย์ผมสอนไว้ว่า ทางโลกอย่าให้ช้ำ ทางธรรมอย่าให้่เสื่อม ^^
ดิฉันเพิ่งกลับจากการบวชชีพรามณ์มาค่ะ แม่ชีปลงผมกับไม่ปลง รักษาศีลแปดเหมือนกัน ไม่แตกต่างกัน อยู่ที่ความตั้งใจในการปฏิบัติมากกว่า ให้เดินสายกลางนะเจ้าค่ะ อาภรณ์ข้างนอกมิใช่เป็นเครื่องยืนยันความตั้งมั่น อยู่ภายในมากกว่าเจ้าค่ะ อย่าตึงหรือหย่อนจนเกินไป ธรรมะสอนให้เดินในสายกลางค่ะ จิตที่ได้มาจะเบาสบายมากกว่าจิตที่ตึงเครียด เพียงเราตั้งมั่นก็คิดว่าเป็นบุญกุศลแล้วค่ะ ขออนุโมทนาสาธุด้วยนะค่ะ