ถึงผู้ภาวนาทุกๆท่าน

 dhammajakr    

หลังจากที่ข้าพเจ้าคิดอยู่นานหลายปี เกี่ยวกับการภาวนา ปรารถนาเพื่อพ้นทุกข์ แต่ในทางของฆราวาสนั้นเป็นทางแคบ จะภาวนาอย่างไรนั้นก็คงจะทำได้ไม่เต็มที่ บัดนี้เห็นแล้วว่าโอกาศเหมาะนักที่จะสละความสุขทางโลกทั้งหลาย เพื่อออกบวช ในวัดป่า ต่างจังหวัดแห่งหนึ่ง ตั้งใจเพื่อว่า เวลาที่เหลืออยู่จะได้ภาวนาอย่างเต็มที่ ให้ถึงที่สุดของธรรม ตามแต่บุญวาสนาที่มี ก่อนลมหายใจจะหมด เพราะข้าพเองก็ไม่แน่ใจว่าต่อไปเหตุการณ์ต่างๆจะเปลียนแปลงไปอย่างไรบ้าง ขอให้ท่านนักภาวนาทั้งหลาย จงตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และบุญกุศลที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้า จงได้รับถึงท่านทั้งหลายทึ่มีจิตกุศลด้วยกันทั้งหมด........เทอญ






     ขออนุโมทนา      สาธุการ      กับท่านด้วย
บุญจงช่วย      ให้กระทำ      สำเร็จผล
พระไตรรัตน์      จงสว่าง      กลางกมล
เกิดมัคคผล      ภูมิสี่      ที่ต้องการ

     ขอให้ได้      อาจารย์ดี      ที่สอนตรง
ไม่สอนหลง      ผิดทางแท้      แก่ตัวท่าน
สอนตามมรรค      แปดองค์      ตรงนิพพาน
และตัวท่าน      ฝึกได้งาม      ตามมรรคจริง



     " จิตที่ตั้งมั่นไม่หวั่นไหวดั่งภูเขาศิลา
     ไม่กำหนัดในอารมณ์
     อันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด
     ไม่โกรธในอารมณ์
     อันเป็นที่ตั้งแห่งความโกรธ
     จิตของบุคคลใดอบรมได้ดั่งนี้
     ความทุกข์จักมีมาแต่ที่ใดเล่า ? "




     ขออนุโมทนาสาธุการกับการก้าวไปสู่สมณะเพศของท่านเจ้าค่ะ



     เจริญในธรรมเจ้าค่ะ



ขออนุโมทนาด้วยครับ




ขอร่วมอวยพรให้ท่านได้พบที่สุดแห่งพุทธรรมได้ในเร็ววันครับ อนุโมทนาสาธุ


ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ




อนุโมทนาครับ: dhammajakr

ขอให้ความตั้งใจท่านสมประสงค์


ขออนุโมทนาด้วยครับ



ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ




ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ


ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ



ข้าพเจ้ายินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่หลายๆท่านร่วมกัน อนุโมทนา ผลบุญผลกุศลในครั้งนี้ วันนี้เป็นวันทำงาน วันสุดท้ายของข้าพเจ้า เข้ามาเคลียร์งาน และเก็บข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการปฎิบัติ แต่ก็ยังมีไม่มากเท่าไหร่ หาก กัลยาณมิตร ท่านใด มีหนังสือที่พอเป็นความรู้ทั้งทางด้าน ปริยัติ และ ปฎิบัติ ขอช่วยเเนะนำด้วย เพื่อที่ข้าพเจ้าจะได้ศึกษาอย่างเต็มที่ และจะได้สอนให้คนทั่วไปเขาแจ้งในพระพุทธศาศนาด้วย ขออนุโมทนาสาธุการ




ปริยัติและปฏิบัติที่ถูกต้องคือญาณ 73 ประการเหล่านี้เจ้าค่ะ .


1.ปัญญาในการทรงจำธรรมที่ได้ฟังมาแล้ว เป็นสุตมยญาณ [ญาณอันสำเร็จมาแต่การฟัง]

2. ปัญญาในการฟังธรรมแล้ว สังวรไว้ เป็นสีลมยญาณ [ญาณอันสำเร็จมาแต่ศีล]

3. ปัญญาในการสำรวมแล้วตั้งไว้ดี เป็นภาวนามยญาณ[ญาณอันสำเร็จมาแต่การเจริญสมาธิ]

4. ปัญญาในการกำหนดปัจจัย เป็นธรรมฐิติญาณ [ญาณในเหตุธรรม]

5. ปัญญาในการย่อธรรมทั้งหลาย ทั้งส่วนอดีตส่วนอนาคตและส่วนปัจจุบันแล้วกำหนดไว้ เป็นสัมมสนญาณ [ญาณในการพิจารณา]

6. ปัญญาในการพิจารณาเห็นความแปรปรวนแห่งธรรมส่วนปัจจุบันเป็นอุทยัพพยานุปัสนาญาณ [ญาณในการพิจารณาเห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อม]

7. ปัญญาในการพิจารณาอารมณ์แล้วพิจารณาเห็นความแตกไป เป็นวิปัสนาญาณ[ญาณในความเห็นแจ้ง]

8. ปัญญาในการปรากฏโดยความเป็นภัย เป็นอาทีนวญาณ[ญาณในการเห็นโทษ]

9. ปัญญาในความปรารถนาจะพ้นไปทั้งพิจารณาและวางเฉยอยู่ เป็นสังขารุเบกขาญาณ

10. ปัญญาในการออกและหลีกไปจากสังขารนิมิตภายนอก เป็นโคตรภูญาณ

11. ปัญญาในการออกและหลีกไปจากกิเลส ขันธ์และสังขารนิมิตภายนอกทั้งสอง เป็นมรรคญาณ

12. ปัญญาในการระงับประโยคเป็นผลญาณ

13. ปัญญาในการพิจารณาเห็นอุปกิเลสนั้นๆ อันอริยมรรคนั้นๆ ตัดเสียแล้ว เป็นวิมุติญาณ

14. ปัญญาในการพิจารณาเห็นธรรมที่เข้ามาประชุมในขณะนั้น เป็นปัจจเวกขณญาณ

15. ปัญญาในการกำหนดธรรมภายใน เป็นวัตถุนานัตตญาณ [ญาณในความต่างแห่งวัตถุ]

16. ปัญญาในการกำหนดธรรมภายนอก เป็นโคจรนานัตตญาณ [ญาณในความต่างแห่งโคจร]

17. ปัญญาในการกำหนดจริยา เป็นจริยานานัตตญาณ [ญาณในความต่างแห่งจริยา]

18. ปัญญาในการกำหนดธรรม ๔ เป็นภูมินานัตตญาณ [ญาณในความต่างแห่งภูมิ]

19. ปัญญาในการกำหนดธรรม ๙ เป็นธรรมนานัตตญาณ [ญาณในความต่างแห่งธรรม]

20. ปัญญาที่รู้ยิ่ง เป็นญาตัฏฐญาณ [ญาณในความว่ารู้]

21. ปัญญาเครื่องกำหนดรู้เป็นตีรณัฏฐญาณ [ญาณในความว่าพิจารณา]

22. ปัญญาในการละ เป็น ปริจจาคัฏฐญาณ [ญาณในความว่าสละ]

23. ปัญญาเครื่องเจริญ เป็นเอกรสัฏฐญาณ [ญาณในความว่ามีกิจเป็นอันเดียว]

24. ปัญญาเครื่องทำให้แจ้ง เป็นผัสสนัฏฐญาณ [ญาณในความว่าถูกต้อง]

25. ปัญญาในความต่างแห่งอรรถ เป็นอัตถปฏิสัมภิทาญาณ

26. ปัญญาในความต่างแห่งธรรม เป็นธรรมปฏิสัมภิทาญาณ

27. ปัญญาในความต่างแห่งนิรุติ เป็นนิรุตติปฏิสัมภิทาญาณ

28. ปัญญาในความต่างแห่งปฏิภาณ เป็นปฏิภาณปฏิสัมภิทาญาณ

29. ปัญญาในความต่างแห่งวิหารธรรม เป็นวิหารัฏฐญาณ [ญาณในความว่าธรรมเครื่องอยู่]

30. ปัญญาในความต่างแห่งสมาบัติ เป็นสมาปัตตัฏฐญาณ [ญาณในความว่าสมาบัติ]

31. ปัญญาในความต่างแห่งวิหารสมาบัติ เป็นวิหารสมาปัตตัฏฐญาณ [ญาณในความว่าวิหารสมาบัติ]

32. ปัญญาในการตัดอาสวะขาด เพราะความบริสุทธิ์แห่งสมาธิอันเป็นเหตุไม่ให้ฟุ้งซ่าน เป็น อานันตริกสมาธิญาณ [ญาณในสมาธิอันมีในลำดับ]

33. ทัสนาธิปไตย ทัสนะมีความเป็นอธิบดี วิหาราธิคม คุณเครื่องบรรลุ คือวิหารธรรมอันสงบ และปัญญาในความที่จิตเป็นธรรมชาติน้อมไปในผลสมาบัติอันประณีต เป็นอรณวิหารญาณ [ญาณในวิหารธรรมอันไม่มีกิเลสเป็นข้าศึก]

34. ปัญญาในความเป็นผู้มีความชำนาญ ด้วยความเป็นผู้ประกอบด้วยพละ ๒ ด้วยความระงับสังขาร ๓ ด้วยญาณจริยา ๑๖ และด้วยสมาธิจริยา ๙ เป็นนิโรธสมาปัตติญาณ [ญาณในนิโรธสมาบัติ]

35. ปัญญาในความสิ้นไปแห่งความเป็นไปแห่งกิเลสและขันธ์ของบุคคลผู้รู้สึกตัว เป็นปรินิพพานญาณ

36. ปัญญาในความไม่ปรากฏแห่งธรรมทั้งปวง ในการตัดขาดโดยชอบและในนิโรธ เป็นสมสีสัฏฐญาณ [ญาณในความว่าธรรมอันสงบและธรรมอันเป็นประธาน]

37. ปัญญาในความสิ้นไปแห่งกิเลสอันหนา สภาพต่างๆ และเดช เป็นสัลเลขัฏฐญาณ [ญาณในความว่าธรรมเครื่องขัดเกลา]

38. ปัญญาในความประคองไว้ซึ่งจิตอันไม่หดหู่และจิตที่ส่งไป เป็นวิริยารัมภญาณ

39. ปัญญาในการประกาศธรรมต่างๆ เป็นอรรถสันทัสนญาณ [ญาณในการเห็นชัดซึ่งอรรถธรรม]

40. ปัญญาในการสงเคราะห์ธรรมทั้งปวงเป็นหมวดเดียวกันในการแทงตลอดธรรมต่างกัน และธรรมเป็นอันเดียวกัน เป็นทัสนวิสุทธิญาณ

41. ปัญญาในความที่ธรรมปรากฏ โดยความเป็นของไม่เที่ยงเป็นต้น เป็นขันติญาณ

42. ปัญญาในความถูกต้องธรรม เป็นปริโยคาหนญาณ [ญาณในความย่างเข้าไป]

43. ปัญญาในการรวมธรรม เป็นปเทสวิหารญาณ [ญาณในวิหารธรรมส่วนหนึ่ง]

44. ปัญญาในความมีกุศลธรรมเป็นอธิบดีเป็นสัญญาวิวัฏฏญาณ [ญาณในความหลีกไปด้วยปัญญาที่รู้ดี]

45. ปัญญาในธรรมเป็นเหตุละความเป็นต่างๆ เป็นเจโตวิวัฏฏญาณ [ญาณในการหลีกออกจากนิวรณ์ด้วยใจ]

46. ปัญญาในการอธิษฐาน เป็นจิตตวิวัฏฏญาณ [ญาณในความหลีกไปแห่งจิต]

47. ปัญญาในธรรมอันว่างเปล่า เป็นญาณวิวัฏฏญาณ [ญาณใน ความหลีกไปด้วยญาณ]

48. ปัญญาในความสลัดออก เป็นวิโมกขวิวัฏฏญาณ [ญาณในความหลีกไปแห่งจิตด้วยวิโมกข์]

49. ปัญญาในความว่าธรรมจริง เป็นสัจจวิวัฏฏญาณ [ญาณในความหลีกไปด้วยสัจจะ]

50. ปัญญาในความสำเร็จด้วยการกำหนดกาย [รูปกายของตน] และจิต [จิตมีญาณเป็นบาท]เข้าด้วยกัน และด้วยสามารถแห่งความตั้งไว้ซึ่งสุขสัญญา [สัญญาประกอบด้วยอุเบกขาในจตุตถฌานเป็นสุขละเอียด] และลหุสัญญา [สัญญาเบาเพราะพ้นจากนิวรณ์และปฏิปักขธรรม] เป็นอิทธิวิธญาณ [ญาณในการแสดงฤทธิ์ได้ต่างๆ]

51. ปัญญาในการกำหนดเสียงเป็นนิมิตหลายอย่างหรืออย่างเดียวด้วยสามารถการแผ่วิตกไป เป็นโสตธาตุวิสุทธิญาณ [ญาณอันหมดจดแห่งโสตธาตุ]

52. ปัญญาในการกำหนดจริยาคือ วิญญาณหลายอย่างหรืออย่างเดียว ด้วยความแผ่ไปแห่งจิต ๓ ประเภท และด้วยสามารถแห่งความผ่องใสแห่งอินทรีย์ทั้งหลาย เป็นเจโตปริยญาณ [ญาณในความกำหนดรู้จิตผู้อื่นด้วยจิตของตน]

53. ปัญญาในการกำหนดธรรมทั้งหลายอันเป็นไปตามปัจจัย ด้วยสามารถความแผ่ไปแห่งกรรมหลายอย่างหรืออย่างเดียว เป็นบุพเพนิวาสานุสสติญาณ [ญาณเป็นเครื่อง ระลึกถึงชาติก่อนๆ ได้]

54. ปัญญาในความเห็นรูปเป็นนิมิตหลายอย่างหรืออย่างเดียว ด้วยสามารถแสงสว่าง เป็นทิพจักขุญาณ

55. ปัญญาในความเป็นผู้มีความชำนาญในอินทรีย์ ๓ ประการ โดยอาการ ๖๔ เป็นอาสวักขยญาณ [ญาณในความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย]

56. ปัญญาในความกำหนดรู้ เป็นทุกขญาณ

57. ปัญญาในความละ เป็นสมุทยญาณ

58. ปัญญาในความทำให้แจ้ง เป็น นิโรธญาณ

59. ปัญญาในความเจริญ เป็นมรรคญาณ

60. ทุกขญาณ [ญาณ ในทุกข์]

61. ทุกขสมุทยญาณ [ญาณในเหตุให้เกิดทุกข์]

62. ทุกขนิโรธญาณ [ญาณในความดับทุกข์]

63. ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาญาณ [ญาณในข้อปฏิบัติ เครื่องให้ถึงความดับทุกข์]

64. อรรถปฏิสัมภิทาญาณ

65. ธรรมปฏิสัมภิทาญาณ

66. นิรุตติปฏิสัมภิทาญาณ

67. ปฏิภาณปฏิสัมภิทาญาณ



68. อินทริยปโรปริยัติญาณ [ญาณในความยิ่งและหย่อนแห่งอินทรีย์ของสัตว์ทั้งหลาย]

69. อาสยานุสยญาณ [ญาณในฉันทะเป็นที่มานอนและกิเลสอันนอนเนื่องของสัตว์ทั้งหลาย]

70. ยมกปาฏิหิรญาณ [ญาณในยมกปาฏิหาริย์]

71. มหากรุณาสมาปัตติญาณ

72. สัพพัญญุตญาณ

73. อนาวรณญาณ

ญาณเหล่านี้รวมเป็น 73 ญาณ ในญาณทั้ง 73 นี้ ญาณ 67 [ข้างต้น] ทั่วไปแก่พระสาวก

ญาณ 6 [ในที่สุด] ไม่ทั่วไปด้วยพระสาวก เป็นญาณเฉพาะพระตถาคตเท่านั้น ฉะนี้แล ฯ .


ศึกษารายละเอียดที่ถูกต้องเพิ่มเติมได้จากพระไตรปิฎกออนไลน์เจ้าค่ะ


[url] http://www.tipitaka.com/tipitaka31.htm [/url]


เจริญในธรรมเจ้าค่ะ



ขออนุโมทนา...สาธุ...ครับ


อนุโมทนาด้วยค่ะ


อนุโมทนา ด้วยครับ ปรารถนาสิ่งใดในทางที่ดีทางที่ชอบ ขอให้ได้สิ่งนั้นนะครับ


ขออนุโมทนาด้วยครับ ขอให้สำเร็จในธรรมที่ยังไม่สำเร็จครับ สาธุ


 4,111 

  แสดงความคิดเห็น


RELATED STORIES




จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย