สมัยนี้ดูเหมือนว่า ฝ่ายปฎิบัติ กับ ฝ่ายปริยัติ เหมือนจะแยกออกจากกัน พระป่าปฎิบัติก็ไม่ค่อยรู้เรื่องของปริยัติทำให้การสอนไม่ค่อยเข้าใจ ส่วนพระที่เรียนปริยัติ ก็ไม่ค่อยได้ปฎิบัติ ส่วนใหญ่ก็มีแต่ทฤษฏี จึงจำเป็นหรือไม่ที่ต้องเรียนทั้งปฎิบัติและปริยัติ
จำเป็นอย่างที่สุดครับ
สวัสดีครับ ขออนุโมทนาสาธุการในกุศลจิตของท่านครับ
TOOMAIN ม.1/1
ผมคิดว่า ไม่ซ้าย ไม่ขวา ควรประกอบด้วยทั้งสองอย่างด้วยวิธีที่ถูกต้องและัมีสติระงับควบคุมใจ
กลางๆ ดีที่สุดครับ
การเรียนปริยัตินี่ก็จำเป็นเหมือนกันนะคะ เพราะอย่างผู้ที่ปฏิบัติเองหลาย ๆ ท่าน ไม่มีโอกาสได้พบครูบาอาจารย์บ่อย ๆ การเข้าใจปริยัติบ้างก็จำเป็นเผื่อว่าเราไปหาหนังสือหนังหามาอ่านมาศึกษาเมื่อเค้าพูดภาษาบาลี หรือแนวปริยัติมาก็จะได้เข้าใจได้ทันที คำบางคำถ้าต้องแปลบาลีเป็นไทยมันก็เสียเวลายืดยาวอ่ะค่ะ
ส่วนแนวปฏิบัตินี่ไม่รู้ไม่ได้เลยค่ะก็เป็นทางสำคัญให้เกิดปัญญาเลยอ่ะค่ะ
ศึกษาควบคู่กันไปค่ะ หาอ่าน ติดข้องตรงไหนก็ไปหาความหมายของคำนั้น ๆ ดู แรก ๆ อาจจะดูยากซักหน่อย แต่นานเข้า ๆ ก็อาจชินไปเองอ่ะค่ะ
ตัวกระผมศึกษาปริยัติเน้นธรรมที่เป็นอุปการะแห่งการพ้นทุกข์ แล้วนำมาปฎิบัติ
ส่วนตัวผมเองนะครับ ปฏิบัติอย่างเดียวก็พอแล้ว แต่ๆๆช้าก่อน ถ้าท่านยังคิดจะสอนใครถ้าท่านไม่รู้ปริยัติเลย ก็ยากที่จะสอนคนอื่นได้เพราะขนาด พระปัจเจกพระพุทธเจ้าก็ยังหาคำมาสอนให้คนพ้นทุกข์ได้ยากเลย นับภาษาอะไรกับคนอย่างผม ส่วนตัวผมแยกดังนี้ครับ
ปฏิบัติ -- เพื่อตนเอง
ปริยัติ -- เพื่อผู้อื่น
ปฏิบัติ+ปริยัติ -- เพื่อตนเอง+ผู้อื่น
ถึงอย่างไรก็ปฏิบัติกันเถอะครับ เลี้ยงสติไม่ให้เผลอคิดเรื่องไม่ดี หรือข่มใจไม่ให้ทำเรื่องไม่ดีก็สุดยอดแล้ว อย่างน้อย...ศีล5