ทำตัวเราให้ดี แก้ไขตัวเราดีกว่า ง่ายกว่า
ผมก้เคยพยามจะเอาธรรมะไปบอกคนอื่นนะ คนใกล้ตัวอะคับ
เคยพยามแก้ไขคนอื่นเหมือนกันเพราะตันหาอยากทำดีของเรา เลยพยามเอาธรรมะไปยัดเยียดคนอื่นเพื่อหวังให้เขาดีขึ้น
(พูดง่ายๆว่า อยากให้เขาเป้นคนดีอย่างที่ใจเราอยากจะเห็น)
ผมเลยพยามแก้ไขตัวเองตามพระพุทธเจ้าบอก
ให้ตัวเรา วัตรของเรา มันแสดงธรรมเอง
ตัวเรานี่แหละ หมั่นเจริญธรรมต่างๆให้มันรุ่มรวยขึ้น
พยามศึกษาธรรมต่างๆให้มาก ไม่ต้องเอาวิจิตรพิศดาร
เอาแค่ธรรมะที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
อย่างศีล 5 นี้ ทำความเข้าใจให้กว้าง ลึกซึ้ง แล้วถือให้มันได้
หมั่นเจริญ...
พรมวิหารธรรม
ฆราวาสธรรม
สัปปุริสธรรม
สมรสธรรม
กตัญญุตาธรรม
ทำได้ดังนี้แล้ว
เราจะอยู่ตรงไหนก็จะเป้นอิสระจากความเศร้าหมอง
ให้การกระทำต่างๆของเรามันแสดงธรรม
คนไม่ดี มันจะทนไม่ได้ มันจะหน่าย มันจะหนีไปจากเรา
คนดีๆ ก็จะชอบเรา เข้าหาเรา
ถ้าเป้นคนในครอบครัว ความไม่ดีในใจเขาก้จะคลายไป หนีไปเอง
ความดีจะเข้ามาแทนที่
ให้เพียรทำไป โดยไม่ต้องตั้งความหวัง
ทำดีเพราะเรารับมันมาเป้นหน้าที่ของชีวิตก็พอ
www.wimutti.net
คุณพ่อ คุณแม่ ถ้ายังตกอยู่ใน มิจฉาทิฏฐิ เราจะตามใจท่านกระทำการมิจฉาฯแล้ว
ให้ท่านดีใจ ก็ไม่ใช่ว่าจะถูกต้องนะคะ
ถูกต้อง กับ ถูกใจ นั้นต่างกันนะคะ
ถูกใจ มักจะเป็นไปตาม รัก ชอบ ชัง อันประกอบด้วยความโลภ โกรธ หลง
ถูกต้อง ต้องประกอบด้วยการอยู่ในศีล ในธรรม
***น้องantant อย่าเพิ่งกินลูกท้อซิคะ..@^_^@..
ท่านทั้งสองถูกมิจฉาทิฏฐิครอบงำอยู่ เราจึงต้องเป็นหลักเป็นกำลังใจพาท่านออกจาก
มิจฉาทิฏฐิ สู่ สัมมาทิฏฐิค่ะ....
เพราะท่านไม่มีกำลังปัญญา(ทางธรรม)พอ ที่จะเป็นกำลังใจเราได้ เราต่างหากซิคะ
ต้องเป็นหลัก เอาความดี สิ่งที่เป็นกุศลผลบุญมาเป็นกำลังใจให้ตัวเอง และเผื่อแผ่
ไปถึงท่านทั้งสองค่ะ
ถ้าใจร้อน โกรธ พูดจากระแทก ประชดประชันฯ ต่อหน้าพ่อแม่ ก็บาปอยู่นี้ไงคะ
คือ มีความร้อนรุ่มใจ กังวลเป็นทุกข์ ....
ค่อยๆคิด ค่ะ...ตัวเราต้องเย็นก่อนนะคะ ไม่ขี้โกรธ ไม่หน้าดำหน้างอใส่ท่าน
ไม่พูดกระแทกกระทั้น ทำตนให้เย็นสม่ำเสมอ อดทนนะคะ...ถ้าทนท่านบ่นไม่ไหว
ก็หลีกไปก่อนนะค่ะ แล้วค่อยๆทำความเข้าใจว่า เรามีความเชื่อ ความศรัทธาใน
บุญในกุศล ถ้าท่านไม่ทำไม่เป็นไรค่ะ แต่หนูเป็นลูก ทุกครั้งที่ทำ ก็ระลึกถึงแม่-พ่อ
เสมอ เพราะหนูรักท่านทั้งสอง
ใช้ความอดทนนะคะ การเปลี่ยนแปลงจะค่อยๆเกิดขึ้นค่ะ เพราะทำบุญย่อมได้บุญ
แต่จะเปลี่ยนคนหนึ่งที่เคยคิดผิดมานานเป็นหลายสิบปี ปุ๊บปั๊บเร็วตามใจอยากอย่าง
ที่เราคิด ก็ไม่ใช่ "อนัตตา" อย่างที่พระพุทธองค์สอนซิคะ
อนัตตา ความไม่ใช่ตัวตน ไม่เป็นไปตามอย่างที่อยาก อย่างที่คิด แต่จะเป็นไปตาม
เหตุ ตามปัจจัยปรุงแต่งนะค่ะ....นี่หระ อยู่เหนือความอยากจะให้เป็นของเราค่ะ
ความเจริญรุ่งเรือง ก็เช่นกันค่ะ..ไม่ได้เป็นไปตามปากของใคร
แต่อยู่ที่เคยกระทำเหตุในอดีต และเหตุปัจจัยในปัจจุบันค่ะ เราทำเหตุดีเป็นบุญกุศล
มีปัจจัยคือทำความดีสม่ำเสมอ จิตใจผ่องใส ไม่ขี้โกรธ ไม่นินทาว่าร้ายใคร
เสวนาแต่ในหมู่คนดี เป็นบัณฑิต ไม่คบหาคนพาล มีความพอเพียง เหล่านี้พาตน
เจริญรุ่งเรื่องได้แน่นอนค่ะ
บุญรักษานะคะ