เรียนถามเรื่องผลของการอุทิศร่างกาย

 asd    

ผู้ที่อุทิศร่างกายให้แก่โรงพยาบาลเพื่อประโยชน์แก่วงการแพทย์หลังถึงแก่กรรมไปแล้ว จะได้รับผลบุญอย่างไร




บุญบาปเป็นสังขตธรรม
หมายถึง โดยธรรมชาติแล้วเกิดจากจิตที่ปรุงแต่งขึ้นมา
ภาษาปริยัติเรียกว่าเป็งสังขารชนิดหนึ่ง
เฉกเช่นเดียวกับความริษยา ความรัก ความชอบ ความดีใจ ความเสียใจ
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของที่ถกูปรุงขึ้นโดยจิตใจทั้งสิ้น

ถ้าเราปรุงจิตเป็นบุญขึ้น เราก็ได้บุญ เกิดบุญในใจ
ถ้าเราปรุงจิตเป็นบาปขึ้น เราก็ได้บาป เกิดบาปในใจ

เช่นองคุลีมาล ตอนยังไม่พบพระพุทธเจ้า
เขาเชื่อว่าการตัดนิ้วคนเป็นมหากุศล เลยทำไป
ในใจเขาก็ปรุงบุญขึ้นอย่างมากมาย เขายึดถือว่าคิดนั้นว่าเป็นมหากุศล

ต่อมาพบพระพุทธเจ้า ได้รับการแก้ไขความคิดที่หลงผิด
บรรดามหากุศลที่สะสมไว้ กลับกลายเป็นบาปอย่างมากมายมหาศาล
เกิดความรู้สึกผิด เกิดหิริโอตัปปะขึ้นอย่างมากมายมหาศาล
เลยละเลิกกิจกรรมโหดร้ายนั้น แล้วบวช

ดังนั้น การบริจาคศพนั้น ถ้าคนที่กำลังจะตาบ ได้ทราบว่าตนจะได้บริจาคร่างกาย
แล้วเจ้าจองก้ยินดีที่จะทำอย่างนั้น
เขาย่อมเกิดกุศลขึ้นในใจ
แต่ถ้าไม่ทราบเลย เขาย่อมไม่ได้กุศล

ส่วนพวกเรา ที่ได้รับทราบการกระทำดังนี้แล้วเกิดมุทิตาจิต
เกิดอนุโมทนาขึ้น ยินดีที่ได้เห้นความดี ก็เป็นการปรุงบุญขึ้น
บุญจึงสำเร็จด้วยการอนุโมทนา (บุญกิริยาวัตถ 10 - อนุโมทนามัยบุญ)

หรืออีกตัวอย่าง เช่น
ถ้ามีคนกำลังทำบุญอยู่ แล้วเราเดินผ่านไป
แต่คนทำบุญนั้น ในใจเขากำลังกังวลเรื่องเงินที่กู้มาทำบุญ
แต่เราเดินผ่านไปไม่ได้ออกเงินสักแดงเดียว แล้วเราเห็นคนทำบุญ เราก้ยินดีในบุญ
ที่เรียกว่าเกิดอนุโมทนาแล้ว ไม่ต้องยกมือไม่ต้องสาธุก็ถือว่าได้บุญแล้ว
เพราะเราปรุงบุญขึ้นมาแล้ว
แต่คนที่เขากู้เงินมานั้น ทำไปได้หน้า แต่รู้แก่ใจว่ากำลังทุกข์เรื่องเงินกู้มา
ปรากฏว่าในใจมีแต่อกุศลจิต ต่อให้ลงไปพันล้านก็ไม่ได้บุญอะไรขึ้นมาเลย
เพราะจิตที่ทำบุญไม่มี กุศลจิตไม่เกิด





กราบขอบพระคุณที่เมตตาให้คำตอบและพอเข้าใจบ้างแล้วครับ แต่อยากกราบเรียนถามต่ออีกดังนี้ครับ เคยได้ยินมาว่าผู้ที่อุทิศร่างกายให้แก่ทางโรงพยาบาลเมื่อถึงแก่กรรมไปแล้วเพื่อเป็นประโยชน์กับวงการแพทย์นั้นเป็นมหากุศล คำว่ามหากุศลเป็นกุศลแบบไหนอย่างไรครับ ที่ต้องกราบเรียนถามอย่างนี้เพราะไม่รู้จริงๆครับ และเหตุที่กราบเรียนถามเรื่องนี้กระผมเองก็เป็นผู้หนึ่งที่ได้ทำเรื่องอุทิศร่างกายให้แก่ทางโรงพยาบาลไปแล้วหากถึงแก่กรรม กระผมเข้าใจว่าการอุทิศหรือการบริจาคร่างกายก็คือการให้ทานชนิดหนึ่งหรือการให้นั่นเอง การให้ทานต้องไม่หวังผลตอบแทนใดๆกรณีการอุทิศร่างกานนี้ก็เช่นกัน แต่ที่กราบเรียนถามก็เพราะอยากรู้ไว้เท่านั้นเองครับ กราบขอบพระคุณล่วงหน้าในคำตอบครับ


ทำกรรมอย่างไรย่อมได้รับผลอย่างนั้น เราอุทิศร่างกายให้แก่วงการแพทย์ เป็นบุญ ย่อมส่งผลดีในอนาคตชาติ เช่นเกิดในที่ดี มีสุขภาพร่างกายดี เมื่อต้องการความช่วยเหลือทางด้านการรักษา เช่นต้องการเลือด ต้องการอวัยวะส่วนต่างๆ ก็จะได้รับความช่วยเหลือ

อนุโมทนาสาธุในกุศลเจตนาบริจาคร่างกายครับ เจตนาที่ตั้งไว้แล้วย่อมเป็นกุศลแล้วครับ

คำว่ามหากุศลเป็นกุศลแบบไหนอย่างไรครับ

มหากุศลคือเป็นการสนับสนุนแพทย์ให้สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการรักษาโรคได้จากสรีระของ
ผู้บริจาค เพราะแพทย์สามารถสัมผัสถึงร่างกายของมนุษย์ได้ในรายละเอียดทั่วถึงซึ่งโดยปรกติเรียนรู้จาก คนเป็นๆไม่ได้ เมื่อสามารถเรียนรายละเอียดของกาย แพทย์จะสามารถวินิจฉัยโรค ที่เป็นตลอดจนสาเหตุได้แม่นยำ ยิ่งขึ้น จึงเป็นประโยชน์แก่คนไข้มากมายมหาศาล เรียกได้ว่าเป็นสาธารณกุศลที่มีอานิสงค์มหาศาล ในแง่นี้ครับ



เห็นด้วยกับคุณ ddman ครับ

ลองศึกษาลิงก์นี้ดูครับ
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=18132

ลองสังเกตุกรณีที่ว่าด้วยการทำทาน
ถ้าเราเคยทำทานด้วยเครื่องหอม แต่ต่อมาเราไปเกิดเป็นวัวควาย
เราก็จะเป็นวัวควายที่จะได้รับเครื่องหอม

หมายความว่า ทานที่ทำไป ไม่เสียเปล่าแน่ๆ
และพระพุทธเจ้าท่านเทียบเคียงให้ฟังอย่างนั้น

ถ้าเราเทียบเคียงแบบเดียวกับพระพุทธเจ้า กรณีที่คุณ ddman ว่าไว้ว่า
เราก้จะได้รับความช่วยเหลือเมื่อยามต้องการอวัยวะ ก็ไม่เกินความจริง

แต่ถ้าจะต้องการพิสุจน์ทราบแก่ใจ แบบไม่ต้องอาศัยเชื่อพระพุทธเจ้า
ก้ต้องเจริญจิตภาวนาจนได้สิ่งที่เรียกว่า
ปุพเพนิวาสญาณ + ทิพพจักขุญาณ
ก็จะรู้แจ้งในการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์ว่ามันเป็นจริงอย่างที่พระพุทธเจ้าบอกหรือเปล่า
สามารถระลึกชาติได้

ส่วนจะระลึกได้มากน้อย แล้วแต่กำลัง
แต่สำหรับพระพุทธเจ้าท่านสามารถระลึกชาติให้เราได้ไม่จำกัด
ถ้าเราระลึกชาติได้สัก 10 ชาติ หมายความว่า ชาติที่ 11 เราไม่รู้แล้วล่ะว่าทำอะไรไป
ดังนั้น ถ้าวิบากของชาติปัจจุบันนั้น ถ้าเกิดจากเหตุในชาติที่ 11 หรือมากกว่านั้น
เราก็หมดทางจะรู้

จึงกลายเป็นว่า มีญานก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไร อย่างมากก้แค่รู้ว่าทำเคยทำอะไร
แต่แก้ไขอดีตไม่ได้

แต่ที่สำคัญคือทำให้เรารู้ว่าระบบเวียนว่ายตายเกิดมีจริง
เป็นอย่างนั้นจริงๆ
แต่ตอนนี้เราไม่มีญานดังนั้นก็เชื่อพระพุทธเจ้าไปก่อน

ซึ่งก็ตรงกับอจินไตยสูตรที่พระพุทธเจ้าบอกว่า
อย่าไปสงสัยเลยว่าวิบากปัจจุบันนี้ เกิดจากอะไรในชาติก่อนๆ เพราะตัวเราไม่สามารถจะรู้ได้อย่างสิ้นซาก
ยิ่งคิดยิอ่งทำให้กังวล "มีส่วนแห่งความบ้า"
บ้าคิดในเรื่องที่ตัวเองเกินกำลังจะหาคำตอบ

ทีนี้ การบริจาคอวัยวะร่างกายนี้
ขอให้คุณเจ้าของกระทู้ ทำทานเพราะมันเป้นความดี จะดีกว่า
อย่าคิดว่าจะได้ความดีมากเท่าไหร่
แต่คิดว่าบริจาคสิง่ที่ไม่ใช้แล้ว เพราะมันเป็นความดี
ทานนี้มันเกิดประโยชน์กับคนอื่น

ทำความดี เพราะมันเป็นความดี
เราทำได้ เราทำ
ทำแล้วมีคนได้ประโยชน์ ก้ทำไป

ถ้าเราทำความดีเพราะตันหาอยากจะได้สั่งสมความดี
มันจะเป้นความดีที่ไม่บริสุทธิ์ คือมีตันหาเป็นเจตนา

"บางครั้ง"มันเป็นการทำความดีที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน
คือตัีนหา"อยากเป็นคนดี" ของเรามันมาก จนเราไม่สนใจว่าคนอื่นจะเดือดร้อนอย่างไร
เรามุ่งอยากแต่จะสนองตันหา"อยากดี" "อยากได้บุญ"ของตัวเอง
ทำให้ใจเรามันไม่ได้กุศลจริงๆ
จะว่าไปแล้วมันเป้นโมหะจิต ไม่ใช่กุศลจิต

ฝึกทำความดีเพราะมันเป้นความดี เป้นหน้าที่ ไม่เดือดร้อนใคร แม้แต่ตัวเองก็ไม่เดือดร้อน
ฝึกทำอย่างนี้ จะดีกว่าครับ
เป็นกุศลที่ไม่มีความอยากเป้นแรงขับ





ทำแท้งบาปมากไหมค่ะ และมีวิธีแก้กรรมอย่างไร ขอบคุณคะ



ทำแท้งบาปมากไหมค่ะ และมีวิธีแก้กรรมอย่างไร ขอบคุณคะ

บาปมากครับ ลองอ่านที่นี่ครับ

http://larndham.net/index.php?showtopic=29848&st=0


 3,958 

  แสดงความคิดเห็น


RELATED STORIES




จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย