ภัยพิบัติธรรม

 toplenovo    4 มิ.ย. 2554

คำทำนายและพุทธพยากรณ์ภัยพิบัติโลก
“อานนทะ ดูก่อนอานนท์ ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี จะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง จะมีการรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน ฝนเหล็กจะตกจากอากาศ ไฟจะลงมาจากอากาศจะเผาผลาญประชาชนให้พินาศ จะมีการล้มตายซึ่งกันและกันเป็นอันมาก แต่ว่า ดูก่อนอานนท์ ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปีจะถือว่าเป็นเหตการณ์ร้ายแรงหาได้ไม่ ทั้งนี้เพราะว่าหลังกึ่งพุทธกาลไปแล้ว
อานนทะ ดูก่อนอานนท์ จะมีความร้ายแรงมากกว่าก่อนกึ่งพุทธกาลมาก ยักษ์นอกพุทธศาสนาจะรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน ต่างฝ่ายจะล้มตายกันฝ่ายละมากๆ สมณะ ชี พราหมณ์ จะล้มตาย จะตายไปฝ่ายละครึ่ง จึงจะเลิกรากัน สำหรับประเทศไทยที่นับถือพุทธศาสนาจะมีภัยเหมือนกัน แต่ไม่ร้ายแรงนัก”
พระพุทธเจ้าบอกว่า ค.ศ. ๒,๐๐๐ กว่าปี โลกจะไม่สลาย… พระพุทธศาสนาจะทรงอยู่ได้ตลาด ๕,๐๐๐ ปี ทรงตรัสชี้ว่า เขตปประเทศต่าไปนี้จะเป็นประเทศที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก จะสามารถทรงพระพุทธศาสนาครบ ๕,๐๐๐ ปี นี้หมายถึง ประเทศไทย…
ถ้าสงครามใหญ่เกิดขึ้น คนไทยจะมีความมั่นคงในพุทธศาสนามากขึ้น ในเมื่อเห็นการสูญเสียความตายเกิดขึ้น จิตใจก็เริ่มเป็นกุศล เวลานั้นบรรดาพุทธศาสนิกชนก็จะมีความมั่นคงในพระพุทธศาสนามากขึ้น เพราะกลัวตาย…
สำหรับท่านนักปฏิบัติที่เจริญสมาธิจิตก็จะเร่งรัดตัวเอง กำลังใจก็จะมีสมาธิ ในที่สุดอภิญญาก็จะเกิด เมื่ออภิญญาเกิดก็จะใช้ผลของอภิญญาและญาณต่างๆที่ได้จากสมาธิและวิปัสสนายาณเอามาช่วยบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ให้มีความสุข ปลอดภัย ขอให้ทุกท่านยอมรับนับถือความดีของพระพุทะเจ้าที่ให้ไว้ คือ
๑.สังคหวัตถุ ๔ ได้แก่
๑.๑ ทาน การให้มีการสงเคราะห์ซึ่งกันและกัน สร้างความรักเข้าไว้ อย่าได้สร้างศัตรู
๑.๒ ปิยวาจา พูดดี พูดให้คนที่รับฟังมีความสุข เขาจะรักเรา เราก็มีความสุข
๑.๓ อัตถจริยา ช่วยเหลือการงานซึ่งกันและกัน
๑.๔ สมานัตตตา ไม่ถือตัว ไม่ถือตน
๒.พรหมวิหาร ๔ ได้แก่
๒.๑ เมตตา ความรัก
๒.๒ กรุณา ความสงสาร
๒.๓ มุทิตา มีจิตอ่อนโยน เห็นใครได้ดีก็ยินดีด้วย
๒.๔ อุเบกขา วางเฉยเมื่อเหตุร้ายเกิดขึ้นไม่ดิ้นรน ยอมรับตามความเป็นจริง

จงอย่าประมาทในชีวิต จงทรงจิตของท่านให้มีความมั่นคงในคุณพระรัตนตรัย ๓ ประการ คือ คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้มีจิตยึดพระพุทธคุณ ให้ภาวนาว่า “พุทโธ”
ก่อนจะหลับ ให้กำหนดการเข้าออกของลมหายใจ หายใจเข้านึก “พุทธ” หายใจออกนึกว่า “โธ” และเวลานอนใหม่ๆ ทำแบบนี้เป็นปกติเวลาที่ยังตื่นอยู่ ถ้าคิดขึ้นมาเมื่อไร ก็ทำใจให้นึกถึงความดีขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ภาวนาว่า “พุทโธ” เป็นปกติอย่างนี้ ได้ชื่อว่าเป็นผู้เข้าถึงไตรสรณคมน์ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ ทั้ง ๓ ประการ จิตของท่านจะทรงสมาธิ อำนาจบารมีของพระพุทธเจ้า จะทำให้จิตใจของท่านได้เยือกเย็น มีความสุข อันตรายที่จะเกิดขึ้นกับท่านทั้งหลายก็จะพ้นภัยด้วยอำนาจของพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ สังฆานุภาพ
ถ้าจิตของเราไม่นิยมในขันธ์ ๕ หรือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา จิตเราเกาะองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าพระองค์อยู่ที่ไหน เราจะไปที่นั่น ท่านจะพ้นจากกิเลส จะเข้าถึงพระนิพพานได้…
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง
การเตรียมตัวรับมือภัยธรรมชาติครั้งใหญ่
๑.ก่อนการเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ ๑๕ วัน โลกจะเอียงก้มหัวให้ดวงอาทิตย์มากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้น้ำแข็งจากขั้วโลกเหนือละลาย จะนำไปสู่คลื่นยักษ์ถาโถมเข้าสู่แผ่นดิน (ปัจจุบันเริ่มมีปรากฎการณ์ขึ้นแล้ว)
๒.เกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่เป็นเวลา ๔๙ วัน ในระหว่างเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน
๓.ฝนตกครั้งใหญ่ทั่วโลก (ระยะชำระล้างเป็นเวลา ๗ วัน)
ระยะเวลาการเกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรงของโลก รวมแล้วมีระยะเวลาทั้งสิ้น ๕๖ วัน
ใน ๓ วันแรกจะเกิดสงครามนิวเคลียร์ที่ทวีปเอเชียในประเทศที่เป็นอริต่อกัน
ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
๑. เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่
๒. พายุถล่มในทุกๆ ส่วนของโลก
๓. แผ่นดินแยกและแผ่นดินไหวตามที่ต่างๆ
๔. ภูเขาไฟระเบิด (จังหวัดทางภาคกลาง ๒ ลูก ภาคเหนือตอนล่าง ๓ ลูก อีกทั้งที่จังหวัดราชบุรี น่าน แพร่ อำเภอร้องกวาง)
๕. คลื่นยักษ์จากทะเล
๖. โรคระบาดที่ร้ายแรงที่สุดจะเยียวยา ได้แก่ VIRUSTERIA อหิวาตกโรคสายพันธ์ใหม่ ผู้ได้รับเชื้อจะเสียชีวิตทันที ภายใน ๖ วัน
๗. คลื่นเสียงที่รุนแรง ตั้งแต่เกิดมาใช้ชีวิตยังไม่เคยได้ยินเสียงที่ดังขนาดนั้นมาก่อน
๘. อดอยากขาดแคลนอาหาร ในหลายประเทศ
การเตรียมตัวและปัจจัยเพื่อตนและครอบครัว
๑.เตรียมอาหารและน้ำดื่มไว้ที่บ้านอย่างน้อยให้พอใช้ในระยะเวลา ๓-๖ เดือน
๒.เครื่องนุ่งห่มเพื่อความอบอุ่นของร่างกายได้แก่ เสื้อ ผ้า กระเป๋าน้ำร้อน ผ้าห่ม ฯลฯ เพราะในช่วงเวลานั้นอากาศจะหนาวเย็นจับขั้วหัวใจ
๓.เครื่องใช้ที่จำเป็น ฯลฯ
๔.ที่อยู่อาศัย
๕.ยารักษาโรค
๖.ด่างทับทิมและคาราไมล์(จำเป็นมาก) ห้ามกินอาหารที่ไม่ได้ล้างด้วยด่างทับทิม เพราะจะมีทั้งเชื้อโรค และสารกัมมันตภาพรังสี ส่วนคาราไมล์จะมีไว้รักษาโรคทางผิวหนังที่ดูเหมือนจะยากต่อการรักษาแต่เมื่อทาคาราไมล์แล้ว จะหายได้อย่างน่าอัศจรรย์
๗.ยานพาหนะ เช่น เรือ เสื้อชูชีพ
๘.อุปกรณ์เครื่องช่วยชีวิตต่างๆ
๙.แสงสว่าง เช่น เทียน ตะเกียง ไฟฉาย (เพราะเวลานั้นท้องฟ้าจะมืดมิด ๗ วัน เท่ากับ ๑ ราตรี และจะมืดมิดรวม ๗ ราตรี หรือ ๔๙ วัน ไฟฟ้าจะดับทั่วโลก)
๑๐.เตรียมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
การดูแลตัวเองในช่วงเวลาเกิดวิกฤติการณ์
๑.ห้ามออกนอกบ้านโดยเด็ดขาด ใครมาเคาะประตูบ้านก็ห้ามเปิด ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นญาติสนิทหรือคนที่รู้จักก็ตาม
๒.ห้ามตากฝน เพราะในฝนจะมีพิษทั้งเชื้อโรคและสารเคมีที่มนุษย์สร้างขึ้น
๓.ห้ามลุยน้ำหรือแช่น้ำนานๆ แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องใช้ด่างทับทิมล้างทุกครั้ง
๔.ห้ามเปิดประตูต้อนรับผู้อื่น เพราะช่วงเวลานั้นประตูมิติของโลกทั้งสามภพจะถูกเปิดเป็นครั้งแรก ผู้ไม่เชื่อเรื่องผีสาง จิตวิญญาณ ก็จะได้เห็นคนที่มาเยือนอาจเป็นเปรต ผีโขมด ที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรของเราจำแลงมาเป็นได้ และห้ามอยากรู้อยากเห็นโดยเด็ดขาด
๕.ห้ามกินเนื้อสัตว์ทุกชนิด
๖.ห้ามกินผักที่ยังไม่ได้แช่ด่างทับทิม
๗.ฝึกการกินน้อย ถ่ายน้อย
๘.ระวังอากาศที่หนาวเย็น
๙.ระวังสัตว์ร้าย สัตว์มีพิษ เช่น งูพิษ จระเข้
๑๐.ห้ามอยู่ตึกสูงเกิน ๓ ชั้น เพราะตึกสูงเกิน ๓ ชั้น จะพังทลายราบเป็นหน้ากลอง
การเตรียมจิตวิญญาณ
๑.ชำระกรรมให้เบาบางโดย หยุดโลภ โกรธ หลง ทำจิตใจให้สงบ เบิกบาน เพราะวันนั้นจะมีผู้ที่เส้นโลหิตในสมองแตก เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เพราะเสียงที่ดังกึกก้อง ไปกระตุ้นเส้นเลือดในสมองให้แตก ดังนั้นต้องปล่อยวาง ทำจิตให้เป็นบวก จะช่วยได้มาก
๒.มีสำนึกทางจิตวิญญาณ
๓.ฝึกการละวาง
๔.มีสติรู้ตัวตลอดเวลา
๕.ฝึกการทำโฆษกรรม ขออภัยต่อเจ้ากรรม นายเวร หรือผู้ที่เราเคยล่วงละเมิด
การดูแลแก่นแท้ยามมีภัย
๑.ได้ยินเสียงใด ให้ละวางเสียงนั้น รู้เห็นสิ่งใด ให้ละวางสิ่งนั้น ต้องไม่รับรู้ ไม่รับเห็น ไม่รู้ ไม่ชี้ ไม่ว่า จะได้ยินเสียงคนข้างบ้านร้องเพราะกำลังจะตาย หรือ ได้ยินเสียงใดที่น่าหวาดกลัว ต้องได้ยินแล้วผ่านเลยไป หากละวางไม่ได้ จะเกิดอาการ “ตายก่อนตาย” (รู้ว่าตนเองจะต้องตายแน่ๆ หรือการตายทั้งเป็น)
๒.ยอมรับให้ได้ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องมีสติตลอดเวลา
๓.อย่าอยู่นิ่งเฉย เพราะจะทำให้กลัวมากขึ้น ควรหากิจกรรมทำ เช่น อ่านหนังสือธรรมะ เพื่อให้จิตเป็นบวก เกิดความอิ่มเอิบ
๔.สังเกตธรรมชาติก่อนนาทีวิกฤติเกิดขึ้น
ลางบอกเหตุก่อนเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ (ระยะ ๒)
ท้องฟ้ามืดมิดผิดปกติ ใบไม้จะพลิกคว่ำพลิกหงายแลดูหดหู่ สัตว์ทั้งหลายจะไม่ปรากฏกายให้เห็น แต่ถ้ามีสัตว์เลี้ยงอยู่ในบ้าน จะเห็นมันวิ่งลุกลี้ลุกลนผิดปกติหรือบางตัวจะนอนนิ่งน้ำตาซึม
เรื่องเวลาที่แน่นอนนั้นขอบอกตามตรงว่าไม่ทราบเพราะจริงๆแล้วน่าจะเกิดตั้งแต่ ค.ศ. ๑๙๙๙ ตามที่นอสตราดามุสทำนายเอาไว้ แต่เมื่อดูจากเหตุการณ์ในปัจจุบันแล้ว ภัยธรรมชาติที่รุนแรงอย่างไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิตนี้ และจากคำบอกเล่าของครูบาอาจารย์ต่างๆคิดว่าจะเกิดภายใน ๑-๓ ปีนี้
เป็นกรรมของสัตว์โลกนะ ครูบาอาจารย์ท่านเคยบอกว่าระบบจะเริ่มล้างมนุษย์ปลายปี ๔๗ (ทีแรกคิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น จิตเกือบเผลอปรามาสครูบาอาจารย์) แล้วจะหนักขึ้นเรื่อยๆ ด้วยระบบภัยพิบัติทางดิน น้ำ ลม ไฟ โรคระบาดและอุบัติภัยสงคราม และจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนพระจักรพรรดิลงมา ภัยพิบัติจึงจะสงบ


ต่อไปที่จะวิบัติหนักๆ ก็คือ ประเทศจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อเมริกา ฯลฯ เคยถามครูบาอาจารย์ว่า ไม่เคยมีใครเปลี่ยนได้เลยหรือ ท่านบอกว่า “ไม่ได้” ท่านว่า “ปูยีเว้า ก็ปานพระเจ้าเว้านั่นแหละ ในโลกนี้ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ เพราะกรรมของมนุษย์เป็นแบบนั้น”
สำหรับเมืองไทย ต่อไปกรุงเทพฯก็มิใช่จะปลอดภัย เพราะฝ่ายรักษาภายในของ กทม. เริ่มถอนระบบออกไปมากแล้ว และต่อไปภาคใต้แทบจะไม่เหลือ จะเป็นเกาะเป็นแก่งทั้งหมด เราเข้าใจว่าภัยพิบัติในภาคใต้ เป็นสัญญาณของยุคจักรพรรดิที่กำลังจะเริ่มต้น ที่จริงมีสัญญาณอย่างอื่นด้วย แต่เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล เช่น เรื่องธาตุแก้วเจ็ดประการที่เริ่มเข้ามาสู่ระบบแล้ว และมีสิ่งของอื่นๆ อีกหลายประการที่กระจัดกระจายกันอยู่ในหลายประเทศ เป็นต้น
ผู้ที่ไม่มีหน้าที่และเข้าไม่ถึงระบบธาตุเหล่านี้ก็จะไม่สามารถเข้าใจได้ ถ้าใครมีจิตเอกซเรย์ธาตุได้ ก็จะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร อย่างแก้วมังกรและแก้ววิเศษของเทวดาก็อาจเป็นของไร้ค่าในโลกมนุษย์ เพราะความไม่รู้
ครูบาอาจารย์เคยเล่าว่า แค่นาคโก่งหลังขึ้นมามนุษย์ก็ตายเป็นเบือแล้ว ต่อไปบางทีก็จะหายไปทั้งเกาะ นี่ยังไม่นับภัยพิบัติจาก ท้าวกกนาค แถวลพบุรีที่ในไม่ช้า(ช่วงท้ายๆของภัยพิบัติ) จะลุกขึ้นมา (ภายใน) เพื่อไปรอรับพระจักรพรรดิ์ ขณะที่ทหารลิง ๑๘ กองพลที่เคยเฝ้ายักษ์ตนนี้อยู่ที่อื่น ครูบาอาจารย์ท่านว่า ยักษ์กกนาค ตนนี้มีพิษมาก แค่พลิกตัวพิษของยักษ์ก็จะเกิดโรคระบาดร้ายแรงได้ มนุษย์จะตายไปครึ่งโลก แต่คนที่มีศีลก็ไม่เป็นไร
เราค่อนข้างมั่นใจว่า ภายในปี ๒๕๖๐ ประเทศไทยจะได้เป็นมหาอำนาจ และไทยกับลาวจะรวมกันเป็นหนึ่ง(ประเทศเดียว) ท่านไหนที่ขยันหมั่นเพียรรักษาศีลภาวนา ก็จะได้มีโอกาสอยู่ในยุคใหม่ต่อไป ส่วนท่านที่ยังไม่มีศีลธรรมพอก็คงจะต้องไปตามวิถีกรรมของตนเอง
ศาสนาอื่นนั้นไม่มีเหลือ เมื่อถึงเวลาแล้วจะหนีตายมาพึ่งศาสนาพุทธกันหมด เท่าที่ทราบต่อไปมหาอำนาจอย่างเช่น อเมริกา อังกฤษ ฯลฯ จะต้องมาพึ่งพาไทย ศูนย์กลางโลก ศูนย์กลางศาสนา อยู่ในประเทศไทย ซึ่งต่อไป ที่แห่งหนึ่งในประเทศไทย จะเป็นใจกลางโลก ใจกลางศาสนา
ในยุคจักรพรรดิ ทั้งโลกจะถูกปกครองโดย ๓ ร่มโพธิ์ ศรีอัญญาและอัญญาธรรม พระจักรพรรดิ จะเป็นพระมหากษัตริย์ของโลก อย่างที่พวกยิวเขาคิดจะครองโลกกันนั้น ไปไม่ถึงดวงดาวหรอก เพราะวิทยาศาสตร์ถึงทางตันแล้ว
เหตุที่เกิดในภาคใต้ ซึ่งเป็นเขตพระพุทธศาสนายังไม่รุนแรงมากขนาดนี้ ต่อไปเหตุที่เกิดในเขตศาสนาอื่นๆนั้นจะรุนแรงกว่านี้มาก และความหายนะที่จะเกิดขึ้นนั้นก็จะมากด้วย
ถ้าหากศึกษาถึงเชื้อของจิตวิญญาณของการมาเกิดก็จะเข้าใจว่า อย่างอิสลามและคริสต์นั้น เชื้อจิตวิญญาณเดิมหรือต้นธาตุของจิตวิญาญาณของพวกนี้เป็นพวกยักษ์ตระกูลต่างๆ ดังนั้นที่ครูบาอาจารย์ท่านว่าพวกยักษ์นอกศาสนาเขาตีกันนั้น ก็พวกยักษ์เหล่านี้แหละที่มีปัญหา และพวกยักษ์เหล่านี้ก็มาเกิดมากในยุคนี้ ส่วนใหญ่ในเขตประเทศไทย และประเทศใกล้เคียงจะเป็นเชื้อนาค เชื้อเทวดา เชื้อครุฑ คนในเขตประเทศไทยส่วนใหญ่ก็วนเวียนอยู่กับการเกิดเป็นเชื้อต่างๆเหล่านี้ ขึ้นอยู่กับชาติที่ทำบารมีมาเด่นๆ ว่าเคยทำบารมีในภพภูมิไหนมามาก ก็จะมีความเกี่ยวพันกันกับภพภูมิเหล่านั้น และเมื่อถึงเวลาก็จะเป็นการทำบารมีร่วมกันระหว่างภพภูมิเหล่านั้น และบางครั้งการทำงานจากภายใน ก็จะส่งผลออกมาสู่ภายนอก แต่คนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นภายใน ที่เห็นก็คือผลที่แสดงออกมาภายนอก และพยายามอธิบายกันด้วยเหตุและผลทางวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นการรู้นอกแต่ไม่รู้ใน คล้ายๆกับวิทยาศาสตร์ พยายามอธิบายเหตุผลภายนอก แต่ไม่เข้าใจถึงกฎแห่งกรรม ซึ่งเป็นเหตุอยู่ภายใน เป็นต้น นี่คือรู้ไม่แจ้งในเรื่องนั้นๆก็เลยเกิดความ “ประมาท” ต่อไปจะมีพระจักรพรรดิ์เป็นผู้ปกครองโลก พระยาธรรมิกราชจะคล้ายพระสังฆราช และจะมีพระโพธิสัตว์อีกองค์หนึ่ง จะทำหน้าที่คล้ายกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งสามร่มโพธิ์ศรีก็คือ สามโพธิสัตว์ ที่ลงมาทำหน้าที่ดูแลพระพุทธศาสนานั้นเอง และก็มีเหล่าอัญญาสิทธิ์ อัญญาธรรม ที่ตามลงมาทำหน้าที่อีกจำนวนหนึ่ง บางครั้งก็รู้ตัวแล้ว บางก็อาจยังไม่รู้ตัวเอง ถึงเวลาแล้วก็คงจะได้เห็นว่าของจริงนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งบางท่านจะมีชื่อเสียงในหมู่เทพ เทวดา นาค ครุฑ กุมภัณฑ์ ฤาษี มุนี ดาบส ฯลฯ พวกเขาเหล่านั้นก็รอยุคพระยาธรรมิกราช แต่พวกมนุษย์ไม่รู้จัก เพราะท่านเหล่านี้จะอยู่อย่างเงียบๆ และลี้ลับ ครูบาอาจารย์ท่านเคยเปรยๆ ให้ฟังว่า สำหรับผู้ทำบารมีเข้มข้นแล้วนั้น “ดังบ่ดี ดีบ่ดัง”
จากที่ครูบาอาจารย์ท่านเล่าสู่กันฟัง สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ไม่มีใครที่สามารถหลีกเลี่ยงเพราะกรรมเป็นตัวกำหนดและยุคพระยาธรรมิกราช ก็เป็นพุทธประเพณี เป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกึ่งกลางพุทธศาสนา ในยุคของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ อย่างในยุคของพระเวสสันดร (ซึ่งเป็นช่วงประมาณกึ่งกลางศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง) หลังจากพระเวสสันดรได้พรแปดประการจากพระอินทร์แล้ว หลังจากนั้นไม่นาน ก็เกิดยุคพระยาธรรมิกราชหรือยุคพระจักรพรรดิขึ้น ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าลูกชายพระเวสสันดรจะเป็นพระจักรพรรดิในสมัยนั้น ในยุคร่วมสมัยในปัจจุบันนี้มีบุคคลผู้หนึ่งทำทานบารมี จนได้พรแปดประการจากพระอินทร์แล้วเช่นกัน ก็พอจะอนุมานได้ว่ายุคพระยาธรรมิกราชนั้นเข้ามาใกล้ถึงปลายจมูกแล้ว
ใครที่คิดจะทำบุญกุศลอะไร ก็ให้รีบเร่งทำ หากเมื่อใดที่เขาได้พรพระอินทร์ เขาทำอธิษฐานบารมีเพื่อดูแลพระศาสนา (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรารถนาพุทธภูมิ) ระบบที่เขาทำหน้าที่ภายในเขาก็จะทำงานตามลำดับ เมื่อถึงตอนนั้นจะเห็นคุณค่าของศีลธรรมของศีลห้า ศีลแปด ของบุญบารมีที่แต่ละท่านบำเพ็ญเพียรสั่งสมมา
ให้ลองนึกถึงเหตุการณ์คลื่นยักษ์ในภาคใต้ดูว่า คลื่นยักษ์ขนาดไหนที่จะทำให้ด้ามขวานไทยเหลือเป็นเกาะเป็นแก่ง และคลื่นยักษ์ขนาดไหนที่จะสามารถทำให้เกาะขนาดประเทศไต้หวันหายวับไปได้พริบตา เมื่อไรก็ตามที่นาคใหญ่ทำงาน จะสั่นสะเทือนไปทั้งโลก หากจะเทียบเหตุการณ์ในภาคใต้ที่ผ่านมา เป็นแค่นาคใหญ่โก่งหลังหรือสะดุ้งเพียงเล็กน้อย ลองจินตนาการดูว่า หากพวกนาคบางมีหน้าที่ทำฤทธิ์ เพื่อล้างพวกผู้มีศีลธรรมไม่เพียงพอ สำหรับอยู่ในยุคพระธรรมบนโลกนี้ก็จะเหลือคนไม่มากอย่างที่พระสูตรบอกไว้

รายละเอียดของมหันตภัยที่จะเกิดขึ้น
สถานที่แห่งแรกในประเทศไทยที่จะได้เผชิญกับลาวาร้อนจากไฟใต้โลก จะเกิดขึ้นจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดแรกในภาคอีสาน ตามรอยต่อของจังหวัดที่ติดกันเป็นแนวยาว เริ่มแรกจะมีลักษณะเป็นแนวแยกของแผ่นดินคดเคี้ยวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ธารโลหะร้อนจะไหลลามแผ่ออกไปเป็นบริเวณกว้างข้ามวันข้ามคืนติดต่อกัน จากนั้นพายุที่รุนแรง จะนำน้ำมาดับไฟก่อให้เกิดน้ำท่วมและโรคร้ายที่จะระบาดอย่างรุนแรงจนสุดที่จะเยียวยาได้โดยเฉพาะอหิวาตกโรคสายพันธุ์ใหม่ ที่มนุษย์เชื่อว่าได้กำจัดจนหมดไปจากโลกนี้แล้ว แต่หารู้ไม่ว่ามันกำลังฟักตัวและจะมีฤทธิ์ร้ายแรงกว่าเดิม ซึ่งสามารถคร่าชีวิตผู้รับเชื้อได้ในเวลาเพียงวันเดียวเท่านั้น
ท้องฟ้ามืดมิด ฝนจะเริ่มตกหนักทั่วโลกอย่างไม่หยุดยั้ง น้ำจะเอ่อขึ้นเรื่อยๆจนเข้าท่วมแผ่นดินในหลายๆพื้นที่ พายุไซโคลน จะพัดกระหน่ำและจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วประมาณ ๑๖๐ กม./ ชั่วโมง พัดผ่านกรุงเทพฯ ผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา ตึกแห่งหนึ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่ใกล้กับสะพานกลางเก่ากลางใหม่ในย่านฝั่งธนบุรีจะพังทลายลงมาจากการโหมกระหน่ำและความบ้าคลั่งของลมพายุ มีผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า ๖๐๐ คน ในเวลาหลังจากนั้นไม่นานนัก ตึกสีขาวที่อยู่ริมแม่น้ำฝั่งตรงข้ามจะพังทลายลงมา ยอดตึกที่พังทลายจะแลโผล่เหนือน้ำให้เห็นเป็นอนุสรณ์ของคราบน้ำตา หลังคาบ้านเรือนในบริเวณใกล้เคียงจะปลิวว่อน เสาไฟฟ้าจะล้มระเนระนาด ด้วยความรุนแรงของลมพายุ ผนังตึกส่วนหนึ่งจะรูดลงมากองกับพื้น ลมพายุที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงจะสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนในบริเวณใกล้เคียงอย่างเหลือคณานับ
…ทุกจังหวัดในประเทศไทยต่างก็ได้รับความบอบช้ำด้วยกันทั้งสิ้น จะมากน้อยต่างกันไป บริเวณใดที่มีผู้คนที่มีศีลธรรมอาศัยอยู่ อาจได้รับการปกป้องบรรเทาภัยพิบัติให้เบาบางลงไปได้บ้าง…
ข้อมูลทุกอย่างที่กล่าวมานี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่ระดับความรุนแรงจะไม่เปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน ดังเช่น ภูเขาไฟที่กล่าวว่าจะเกิดในสถานที่หลายๆแห่งนั้นอาจเกิดระบาดกึกก้องกัมปนาทรวมกัน ในสถานที่แห่งเดียวกันแต่จะมีความรุนแรงมากกว่าปกติ กล่าวคืออาจมีลาวาพุ่งสู่ท้องฟ้าสูงเป็นพิเศษถึง ๖ กิโลเมตร เป็นต้น
เหตุการณ์ต่างๆ ที่กล่าวมานั้น จะมีอยู่วันหนึ่งที่เหตุการณ์รุนแรงที่สุด คลื่นพลังมหาศาลจากจักรวาลจะกระแทกลงมายังโลก เป็นพลังงานที่เกิดจากลมพายุสุริยะอันเนื่องมาจากจุดดับบนดวงอาทิตย์จุดที่ ๑๑ มนุษย์ทุกคนบนโลก จะได้พบกับเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว บรรยากาศช่วงแรกๆ จะรู้สึกหดหู่ เวิ้งว่าง ท้องฟ้าจะวังเวงพิกล หลังจากนั้นไม่นานัก ลมจะแรงขึ้นแรงขึ้น เสียงฟ้าเสียงลมจะแผดเสียงกึกก้องดังที่สุด ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้ยินเสียงที่ดังขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เป็นเสียงของพญามัจจุราชที่พิพากษาโลกในด้านความเป็นมนุษย์ คนชั่วทุกคนจะถูกประหารชีวิตและจะตายอย่างทรมาน ไม่เว้นแม้แต่ผู้นำสังคม ผู้นำเศรษฐกิจ ผู้นำลัทธิ ฯลฯ ส่วนคนดีจะได้รับการยกเว้นเอาไว้ให้ได้ทำความดีดดยไม่มีอุปสรรคต่อไป
ปลายปี พ.ศ. ๒๕๔๘ นี้ จะเริ่มเกิดสงครามครั้งยิ่งใหญ่ของโลก ซึ่งจะส่งผลให้มีคนตายจำนวนมหาศาล ส่วนผู้ที่รักษาศีล ๕ ขึ้นไปจะรอด และอีก ๕ ปีต่อไป น้ำจะท่วมภาคใต้ และจะร้ายแรงมากกว่าสึนามิหลายเท่า ผู้คนที่รอดชีวิตจำต้องเดินทางขึ้นเหนือเพื่อให้พ้นภัย โดยระหว่างทางจะพบกับคนนอนตายเกลื่อนกลาดจำนวนมาก
คนที่ไม่เคยเข้าวัดก็รีบเข้าวัดซะตอนนี้ก็ยังทน รีบหาของดี วัตถุมงคลติดตัวไว้ แต่ถ้าเป็นคนดีมีศีลดีอยู่แล้วก็ยิ่งดี และสุดท้ายให้นั่งสมาธิ เพราะไม่มีสิ่งใดจะช่วยเราได้นอกจากสมาธิ และผู้ปฏิบัติสมาธิที่ได้จากอภิญญา เรียกว่าให้อยู่ใกล้คนดีเข้าไว้และปีหน้า (พ.ศ.๒๕๔๘) พระศรีอารย์ซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์อยู่สวรรค์ชั้นดุสิตในตอนนี้จะลงมาเกิดเป็นมนุษย์ (ท่านลงมาเกิดในคราวนี้ไม่ใช่จะมาเป็นพระพุทธเจ้า แต่เพื่อช่วยให้ผู้คนรอดพ้นจากเหตุการณ์อันเหลือที่มนุษย์จะรับมือได้ไหวครั้งนี้ เพื่อช่วยให้พ้นจากภัยสงครามครั้งมหึมา ที่จะทำให้คนตายมหาศาลที่กำลังจะเกิดขึ้น ท่านอาจจะเกิดเป็นมนุษย์แล้วก็ได้ แต่ยังไม่แสดงตัวเท่านั้น)
หากท่านไม่แน่ใจว่าตัวท่านมีความดีพอที่จะรอดพ้นจากมหาภัยพิบัติครั้งนี้ละก็ ขอให้หาของดีติดตัวไว้เป็นอย่างดี หรือถ้าหาของดีไม่ได้จริงๆ ก็จงทำตัวของท่านให้เป็นคนดีเพื่อความดีจะรักษาตัวของท่านเอง หากท่านไม่เชื่อก็จงอย่าเพิ่งปฏิเสธ เช่น เชื้อโรคที่ตาเปล่าของเรามองไม่เห็น แต่เราก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันไม่มี เพราะเรามีเครื่องมือคือกล้องจุลทรรศน์ที่จะส่องเห็นแล้ว ส่วนเรื่องอย่างอื่นเช่นที่กล่าวไปแล้ว คือการปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ แต่อยู่ที่ท่านจะใช้เครื่องมือหรือรู้วิธีใช้เครื่องมือนั้นอย่างถูกต้องหรือไม่เท่านั้นเอง
ผู้เขียนเคยอ่านหนังสือที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเขียนไว้ว่า อีกไม่กี่ร้อยปี จะมีพระมหากษัตริย์ท่านหนึ่งเดินทางจากทางเหนือมาบูรณะวัดท่าซุง ขณะนี้วัดท่าซุงก็ยังคงเป็นปกติดี แสดงว่าหลังจากนี้ไม่นานนักคงต้องมีเหตุการณ์ที่ทำให้วัดท่าซุงร้าง ซึ่งปัจจุบันวัดท่าซุงก็ยังมีคนไปทำบุญ ถือศีล ปฏิบัติธรรมอย่างไม่ขาดสาย แต่จะมีเหตุใดเล่าที่ทำให้วัดร้างได้ นอกจาก…(อาจจะเกิดสงครามนิวเคลียร์ระหว่างชาติอาหรับและอเมริกา ซึ่งเป็นชนวนให้เกิดอภิมหาสงครามครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบถึงประเทศไทยก็เป็นได้)
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ จงหมั่นทำดีเพื่อรักษาชีวิตรอด…
ในนิมิตบอกมาว่า อีกประมาณ ๕ ปีจะเกิดเหตุการณ์ดังต่อไปนี้ (ปัจจุบัน พ.ศ. ๒๕๕๑)
วิกฤตการณ์เลวร้ายน่าหวาดหวั่นจะบังเกิดขึ้นทั่วโลก ความหวาดกลัวไม่จำเป็นต้องรับรู้ผ่านหน้าจอทีวี เพราะมนุษย์ทุกคนบนโลก จะได้รับรู้รสชาติแห่งความกลัวตายกันทุกคน
มนุษย์ที่รอดชีวิตไปได้ จะเข้าสู่ยุคใหม่ จะมีจิตใจที่ดีงามและมีอายุขัยที่ยาวจนน่าประหลาดใจ มีอารยธรรมเจริญก้าวหน้า โดยที่ไม่ได้สร้างเทคโนโลยีที่ก่อปัญหาให้กับโลกมากมายเช่นปัจจุบัน นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อสื่อสารกับเพื่อนมนุษย์ต่างด้าวได้ ซึ่งแม้แต่ปัจจุบันบางคนก็ไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้มีอยู่จริงก็ตาม ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของโลก และเป็นประเทศแรกที่มีผู้สร้างยานอวกาศไปท่องจักรวาลได้เป็นแห่งเดียวของโลก โดยใช้พลังจิตในการขับเคลื่อนโดยไม่ใช้เชื้อเพลิงในการเผาไหม้ให้เกิดพลังงานที่ทำลายสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติของโลกให้เสียหายเหมือนอย่างปัจจุบัน นอกจากนี้ ต่อไพนิลหรือตาที่ ๓ ของมนุษย์จะถูกฟื้นฟูขึ้นมาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จนสามารถเข้าถึงสภาวะนิพพานได้ง่ายขึ้นกว่าในอดีตในระยะเวลาไม่นานนัก (ภายใน ๖ ปี)
พระศรีอารยเมตไตรย จะเปิดเผยพระองค์เพื่อปลอบประโลมสร้างขวัญกำลังใจให้กับมวลมนุษยชาติที่มีความบอบช้ำทางจิตใจ ซึ่งในขณะนี้พระองค์ท่านได้เสด็จลงมาบนโลกมนุษย์แล้ว กำลังเป็นสามเณรในพุทธศาสนาและพระองค์ได้มาปรากฏที่ประเทศไทยนี่เอง
ดังเช่นที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านบอกว่าใครบ้ามาลองภูมิท่าน ท่านก็แกล้งทำตัวเป็นคนบ้าตอบเสียเลย เพราะพวกมาลองของกับหลวงพ่อพวกนี้ พอพูดความจริงไม่ค่อยเชื่อ แต่พอโกหกคิดว่าเป็นเรื่องจริง
ขอตัดตอนบางส่วนจาก คัมภีร์ใบลานอักขระธรรมซึ่งได้ทำนายภัยพิบัติโลกไว้ดังนี้
พระอินทร์ พรหม ยมราช ได้สั่งไว้ว่า ถ้าบุคคลใดรู้แล้ว จงรีบร้อนบอกเล่าสู่กันฟังหรือพิมพ์แจกจ่ายตามกำลังศรัทธา จะเกิดมหากุศลช่วยท่านให้หลุดพ้นจากภัยพิบัติทั้งหลายทั้งปวง ถ้าบุคคลใดไม่เชื่อมั่นตามคำสอนของพระพุทธเจ้า จะเกิดเดือดร้อนในปีจอนี้ขึ้น ๔ ค่ำ ผู้มีบุญจะลงมาเกิดพร้อมหนังสือใบลานฉบับนี้ ถ้าไม่มีอยู่ในบ้านเรือนบ้านช่องของผู้ใด จะมีพวกผี ปีศาจร้ายเข้าทำลายอย่างแน่แท้ ในปีจอต่อปีกุนยามเดือนหงายจะเกิดงูพิษอยู่บนหัวกัดฉกให้ตาย และฝูงชนทั้งหลายจะเกิดเดือดร้อนหลายประการ เช่น
๐ทุกยากร้อน เพราะศึกสงครามบ่แล้ว ทุกข์ยากร้อน เพราะมีคนตาย ตามทุ่งไร่ ทุ่งนา
๐ทุกข์ยากร้อน เพราะน้ำและไฟ ทุกข์ยากร้อน เพราไม่มีผู้เฒ่า
๐ทุกข์ยากร้อน เพราไม่มีใครจะดูใคร ทุกข์ยากร้อน เพราะไปต่างประเทศไม่สะดวก
๐ทุกข์ยากร้อน เพราอดข้าวปลาอาหาร
๐ทุกข์ยากร้อน เพราะนอนไม่หลับ
๐ทุกข์ยากร้อน เพราะผัวเมียไม่เห็นหน้ากัน
ในปีจอนี้เมืองเวียงจันทร์ จะมีองค์ฤาษีทองคำสิกขาลาบวชออกมาเป็นพ่อค้า ในปีจอขึ้น ๘ ค่ำ ห้ามไม่ให้ใครตักน้ำ อาบน้ำ กินน้ำตามห้วยหนอง คลองบึงหลังพระอาทิตย์ตกดิน (ก่อนมืดค่ำ) พญายมราชจะนำเอายาพิษพ่นมาใส่โลกมนุษย์
ในปีจอ เมืองกรุงเทพฯ จะแตกพังทลายตอนเวลาไก่ขัน พระแก้วมรกตหัวเมืองเชียงใหม่เม็ดข้าวใหญ่จะได้กลับคืนสู่เมืองเวียงจันทร์
นี่คือพระคาถาของพระอินทร์ พรหม ยมราช ได้เขียนลงในใบลาน จงรักษาเก็บไว้ให้ดี เพื่อช่วยให้รอดพ้นจากภัยพิบัติ ในยามเกิดเหตุการณ์มหันตภัย พระคาถาได้เขียนไว้ดังนี้
“ปะโต เมตัง ปะระชีวินัง สุขะโต จุติ
จิตตะ เมตะ นิพพานัง สุขะโต จุติ
พระคาถาข้อนี้จะเขียนลงใส่ใบลานแผ่นทองหรือแผ่นผ้าก็ดีให้ติดไว้บนประตูห้องเรียนหรือรถพาหนะหรือพันหัวไว้ในยามเกิดเหตุการณ์จะช่วยให้รอดพ้นภัยอันตรายในกาลเวลานี้ เทพเจ้าเหล่าเทวดาผู้ที่คุ้มครองรักษาเหล่ามนุษย์โลก ได้ไปกราบทูลต่อพระอินทร์ว่า มนุษย์โลกทำกุศลผลบุญ(ความดี) เพียง ๓ ส่วนและทำบาปกรรม(ความชั่วร้าย) ถึง ๑๐ ส่วน เมื่อเป็นเช่นนี้พระอินทร์จะได้ลงโทษกับมนุษย์โลก ถึง ๙ ข้อ นับตั้งแต่ปีจอถึงปีกุน คือ
๐จะให้เกิดพายุลมแรง แผ่นดินไหวหวั่น
๐จะให้เกิดสารพิษต่างๆ(อากาศ ~ อาหารเป็นพิษ)
๐จะให้เกิดไฟไหม้(อัคคีภัย)
๐จะให้เกิดกาฬโรคต่างๆ(พยาธิร้าย)
๐จะให้เกิดน้ำท่วม(อุทกภัย)
๐จะให้เกิดอดข้าว ปลา อาหาร
๐จะให้เกิดฟ้าผ่า
๐จะให้เกิดอาฆาตฆ่าฟันกันเองสำหรับคนใจบาป
๐จะให้เกิดร้อนมาก หนาวมาก
มหันตภัยทั้ง ๙ อย่างนี้จะรอดพ้นเฉพาะคนใจบุญคนที่ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น รู้แล้วจงบอกต่อกันไปให้รีบเร่งทำความดีมากกว่าบาปกรรมชั่วร้าย ถ้าผ่านปีจอ ปีกุน ไปแล้ว ทุกคนพร้อมลูก หลาน เหลน จะได้รับความสุขสบายกันทั่วหน้า (เวลาเหลือน้อย) ให้ทุกคนเคร่งครัดถือศีล ๕ ข้อ ให้ขยันไหว้พระ ภาวนา ให้ทาน เพื่อการกุศลอย่างต่อเนื่องศีล ๕ ข้อ ได้แก่
๑.ห้ามเบียดเบียนสิ่งมีชีวิต (ทุกชีวิตใครก็รัก)
๒.ห้ามลักหรือขโมยเอาสิ่งของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง
๓.ห้ามล่วงเกิน เป็นชู้ผู้อื่น เมีย ผัว คนที่มีเจ้าของ
๔.ห้ามพูดปด หลอกลวงคนอื่นในทางที่ไม่ดี ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความแตกแยกสามัคคีหรือสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง
๕.ห้ามดื่มน้ำหรือเสพของมึนเมาทั้งหลายทั้งปวง
นอกจากหนังสืออินทร์ตกที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังมีพระผู้ทรงศีลองค์หนึ่ง ได้พบเห็นเนื้อในอักษรธรรมเขียนจารึกไว้บนก้อนหินศิลาที่พึ่งพ้นจากพื้นดิน ในภูเขาดงแห่งหนึ่ง ที่พระรูปนี้ได้เดินธุดงค์ วิปัสสนากรรมฐานผ่านไป ไม่ขอบอกนามพระและกำหนดสถานที่อย่างแจ้งได้เพราะได้สอบหาข้อมูลละเอียดแล้ว พระผู้ทรงศีลกล่าวว่า “โยมเอ๋ย…ถ้าไม่เชื่อสุดแล้วแต่ดวงจิต เพราะถึงเวลาแล้วที่สวรรค์จะไม่มีความลับ ถ้าโยมเชื่อก็เป็นกุศล ถ้าไม่เชื่อก็เป็นอกุศล” รู้เพียงเท่านั้นจึงขอบอกเล่าสู่ท่านฟังตามคำกล่าวของพระผู้ทรงศีลรูปนี้ว่า ในปีระกา ~ ปีจอและปีกุน เดือน ๙ ~ ๑๐ คนใจบาปหยาบช้าจะถูกล้างผลาญให้หมด
๐มีบ้านก็ไม่มีคนอยู่
๐มีข้าวก็ไม่มีคนกิน
๐มีทางก็ไม่มีคนเดิน
สุดท้ายพระผู้ทรงศีลยังได้กล่าวเน้นย้ำถึงความศักดิ์สิทธิ์ดังหนังสือ “อินทร์ตก” “อินทร์ตื่น”
ถ้าท่านผู้ใดเชื่อ ศรัทธา บูชา เคารพกราบไหว้หรือบนบานว่า จะบอกเล่าถึงผู้อื่นหรือลงพิมพ์แจกให้สาธุชนคนทั้งหลายรับรู้ด้วยแล้ว ท่านจะปรารถนาสิ่งใดจะได้ดังใจนึก พยาธิที่เบียดเบียนก็จะหายขาด …
ดังนั้น ให้บุคคลเจริญด้วย เมตตา กรุณา ไม่เบียดเบียน ข่มเหง อิจฉา พยาบาท และไม่ประทุษร้ายซึ่งกันและกันประพฤติตนอยู่ในศีลธรรมและยึดถือคาถานี้จะพ้นภัยพิบัติ ให้เจริญภาวนาดังนี้ ให้สวดคาถานี้ทุกเช้าเย็นเป็นประจำ
“หิตะชิราทัน มันกะโลอังคะ ศิลากะละสา
สาสะสะ ติโหตะถิโหคุหะคะเน”
ให้ท่องบ่นคาถาภาวนาเป็นนิจให้จดอักษรใส่กระดาษหรือผ้าขาว ปิดไว้หน้าบ้าน หัวนอน หรือพันศีรษะไว้ สารพัดพินาศ สันติประสิทธิ์แคล้วคลาดปลอดภัย









โอวาทธรรม
“คัมภีร์กัปป์สุดท้าย”

องค์พระศรีอาริยเมตไตรย และพระมหาโพธิสัตว์กวนอิม ทรงน้อมสดับฟังพระวจนะแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงเรื่องการประคับประดองช่วยเหลือเหล่าเวไนยสัตว์ที่ต้องผจญกับสิ่งชั่วร้าย ในช่วงวาระกัปสุดท้ายว่า
“ฟ้าเบื้องบนจะทรงบัญชาให้เทพยดาผู้คุมเกณฑ์กำหนด ตารางสวรรค์ลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อสำรวจดูคัมภีร์กัปสุดท้ายนี้ หากพบว่ามีเหล่าสาธุชนเผยแพร่ออกไป ด้วยความเคารพศรัทธา พวกเขาทั้งหลายย่อมสามารถรอดพ้นจากเกณฑ์วาระแห่งมหันตภัยได้และทุกชีวิตในครอบครัวจะไร้ทุกข์โศก”
ผู้ที่ละเว้นกรรมชั่ว ถือศีลกินเจ ประกอบแต่คุณงามความดี จะไม่ต้องเศร้าสลดวิตกกังวลประสบพบเจอภัยพิบัติทั้ง ๑๐ ประการ อันได้แก่
๑.ถูกเพลิงไหม้เผาผลาญ ถูกน้ำไหลบ่าท่วมท้น
๒.ถูกเมฆหมอก ควันพิษ ทำลายล้าง
๓.มึนซึม หลับใหลหมดสติตาย
๔.ถูกสัตว์ร้าย งูพิษ ขบกัด
๕.ถูกประหัตประหารเข่นฆ่า ตายด้วยภัยสงคราม
๖.สามีภรรยา ต้องพลัดพรากหย่าร้าง
๗.ต้องเร่ร่อน อพยพหลบหนี ไม่มีที่อยู่อาศัย
๘.ต้องเผชิญกับอากาศที่ผันแปรทั้งหนาวเหน็บ ทั้งร้อนและแห้งแล้ง
๙.ต้องเศร้าโศก ต่อภาพของซากศพที่กองเกลื่อนกลาดทั่วแผ่นดิน
๑๐.ไม่ได้พบเห็นความสงบสุขและสันติ
หากมนุษย์ในโลก จิตใจชั่วร้าย ต่ำทรามลบหลู่หลักธรรมคัมภีร์ สิ้นศรัทธาในคุณความดี ถึงเกณฑ์ ปีวอก
ปีระกา ปีจอ และ ปีกุน เมื่อใด… เมื่อนั้นมีข้าวก็ไร้คนกิน… มีเสื้อก็ไร้คนใส่… มีถนนก็ไร้คนเดิน… มีบ้านก็ไร้คนอยู่… มีที่นาก็ไร้คนทำ จวบจนถึงวาระเดือนห้าเดือนหก สัตว์ร้ายงูพิษจะออกเพ่นพ่านไปทั่ว เข้าเดือนแปดเดือนเก้า เหล่าคนชั่วร้ายจะตายสิ้น จนซากศพเกลื่อนกลาดเต็มพื้น !
บนท้องถนนคนล้มตายนับไม่ถ้วน… มหันตภัยมาถึง หนึ่งหมื่นคนตายเก้าพัน ! พืชพันธุ์ธัญญาหารเก็บเกี่ยวได้ผลน้อย เกิดลมพายุฝนฟ้าคะนอง เหล่าพญานาคดุร้ายเกะกะระรานไปทั่ว
ถึงกาลเวไนยสัตว์มีภัย องค์เง็กเซียนอ่องเต้ผู้เป็นใหญ่ จึงมีพระบัญชาส่งสองขุนพลจอมเทพผู้พิทักษ์ด่านประตูสวรรค์ ลงสู่แดนมนุษย์เหนือบรรยากาศโลก เทพยาดาที่สัญจรอยู่เหนือโลกมนุษย์จะบัญชาการส่งหมู่ดาว “อ่านชิง” ลงเก็บกวาดคนชั่วร้ายทั้งหมด จะเกิดทุพภิขภัยข้าวยากหมากแพง
องค์พระศรีอารยเมตไตรยจะปรากฏ…
สองขุนพลจอมทัพผู้พิทักษ์ด่านประตูสวรรค์ลงสู่แดนมนุษย์นับจากปีจอ… เริ่มต้นด้วยโรคระบาด… จนถึงปีกุนประชาราษฎร์… ในเก้าคนรอดตายเพียงหนึ่ง !
จะเกิดมหันตภัยใหญ่ ครอบคลุมไปทั่ว อันได้แก่
๑.ภัยจากแรงลมมหาศาล
๒.ภัยจากไฟโหมลุกไหม้
๓.ภัยจากน้ำท่วมใหญ่
๔.ภัยจากการทำศึกสงคราม
๕.ภัยจากโรคร้ายที่ไม่เคยมีมาก่อน
๖.ภัยจากสัตว์ร้ายมีพิษขบกัด
๗.ภัยจากกระแสไฟฟ้า ฟ้าผ่า
๘.ภัยจากอาหารขาดแคลน อดอยาก
๙.ภัยจากการคลอดบุตร ทารกร่างกายผิดปกติ
๑๐.ภัยจากการสูญสิ้นของมวลมนุษยชาติ
องค์สมเด็จพระศากยมุนีย์พระพุทธเจ้าทรงครองธรรมกาล ๓,๐๐๐ ปี… ลุถึงปัจจุบันครบบริบูรณ์ พระศรีอาริยเมตไตรยทรงสืบทอดครองธรรมกาลต่อ
เริ่มเข้าเกณฑ์ ปีวอก… จนถึงปีชวด พืชพันธุ์ธัญญาหารจะไม่สมบรูณ์ ผู้คนจะอดอยากตาย มีภัยสงครามยากจะหลีกหนี !
หากมีคนนำคัมภีร์นี้เผยแพร่ไปถึงพัน… ถึงหมื่น… จะรอดพ้นจากภัยพิบัติเข้าถึงยุคบรรพกษัตริย์ เหยาและชุ่น อันเป็นยุคที่บ้านเมืองเจริญรุ่งโรจน์ สังคมมีความยุติธรรม ผู้คนได้ประสบสุขเกษมสันต์อยู่ร่วมกันในโลก ดอกบัวแห่งมหาสันติเบ่งบาน
คนพาลสันดานหยาบ แม้ล่วงรู้คัมภีร์กลับลบหลู่ ปกปิดมุ่งทำลาย ย่อมประสบกับเภทภัยทั้งสิบประการ ตายแล้วก็ยาก จะได้กลับมาเกิดอีก
สาธุชนคนดี… ประกอบด้วยเมตตาตั้งเผยแพร่คัมภีร์ออกไป เขาเหล่านั้นย่อมประสบแต่ความเป็นสิริมงคล ทุกคนในครอบครัวจะร่มเย็นเป็นสุข สามารถรอดพ้นจากมหันตภัยทั้งหลายได้
พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรได้เข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้าเบื้องบนสูงสุด เพื่อกราบบังคมทูลรายงานถึงความดี ความชั่ว ที่มนุษย์ได้กระทำ ครั้นองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ ทรงทราบข่าวสภาพความเลวร้ายบนโลกมนุษย์ ก็ทรงพิโรธยิ่งนัก และตรัสบริภาษต่อว่าเหล่าเทพยดาทั้งหลายว่า “เสียแรงเปล่าที่ชาวโลกพากันจุดธูปเทียนบูชา กราบไหว้ แต่กลับไม่ยอมอบรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น มาจนบัดนี้… ในโลกมนุษย์จึงเนืองแน่นไปด้วยคนใจบาปหยาบช้า ผู้คนไม่มีมโนธรรมสำนึกหลงเหลืออยู่เลย ดังนั้นจึงต้องมีราชโองการโทษทัณฑ์ให้เกิดภัยพิบัติต่อเนื่องกันหลายปี เพื่อกำหราบคนชั่วช้าสามานย์ และเปลี่ยนแปลงจิตใจชาวโลกเสียใหม่”
ในเวลานั้น… บรรดาเหล่าทวยเทพทั้งหลายได้กราบทูลวิงวอนแม้องค์พระโพธิสัตว์กวนอิมแห่งทะเลทักษิณถึงกับพระวรกายทรุดหมอบลงกับพื้นพระบรมวิมาน ทรงพร่ำทูลขอให้โปรดกรุณาแก่ชาวโลกซ้ำเป็นหลายครั้งว่า
“ผู้ชั่วร้ายสมควรดับ… ผู้ดีงามควรคัดออก.. ๆ …ๆ…”
องค์เง็กเซียนฮ่องเต้จึงทรงมีพระบัญชาชี้ขาดว่า
“ดีชั่ว สองฝ่ายแยกกัน !
ให้สงครามเจาะจงเลือกคนเป็น ! “
และให้จอมเทพพิทักษ์ธรรมจงรับราชโองการกวาดล้างมนุษย์ที่กระทำความชั่ว ดังต่อไปนี้
๑.พวกที่กล่าวโทษ ด่าว่าฟ้าดิน
๒.พวกที่ดำเนินชีวิตปฏิบัติตนผิดหลักฟ้าฝืนหลักธรรม
๓.พวกที่ไม่กตัญญูต่อพ่อแม่
๔.พวกที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ฆ่าเป็นอาชีพ ฆ่าเป็นกีฬา
๕.พวกที่ลักขโมย ปล้นชิง หยิบฉวยทรัพท์สมบัติ สิ่งของของผู้อื่น
๖.พวกที่โกหกมดเท็จ พูดจาหลอกลวงให้คนหลงเชื่อ
๗.พวกที่ประพฤติผิดในกาม มักมากในตัณหาราคะ
๘.พวกที่ชอบดื่มสุรา ยาเมา สูบบุหรี่ หลงใหลสิ่งเสพติดของมอมเมาสติ
๙.พวกที่ไม่ยึดถือศีลธรรม จิตใจขาดหิริโอตัปปะ ไม่สำนึก ละอายใจในการทำชั่ว ไม่เกรงกลัวบาปกรรม
๑๐.พวกที่ทำลายพระศาสนา บิดเบือนหลักธรรม หลอกลวงเทพยดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
๑๑.พวกที่เหยียบย่ำทำลายพระคัมภีร์หลักธรรมะอักษรหนังสือ
๑๒.พวกที่ใจเหี้ยมโหด เข่นฆ่าเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น เพื่อผลประโยชน์ของตน
๑๓.พวกที่ทำลายผู้อื่น เพื่อมุ่งผลกำไรและความสุขส่วนตน
๑๔.พวกที่ค้าขายใช้เล่ห์เหลี่ยม ขูดรีด คดโกงตาชั่ง
๑๕.พวกที่ค้าขายสินค้าปลอม ยาปลอม หลอกลวงชาวบ้าน
๑๖.พวกที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมกลอุบาย ค้าขายเอาเปรียบคนอื่น
๑๗.พวกที่หาประโยชน์จากผู้อื่นด้วยการหลอกลวงต้มตุ๋น
๑๘.พวกที่พูดจาหยาบคาบชอบทุบตีด่าว่าบุพพการี ปู่ย่า ตายาย
๑๙.พวกที่ชอบพูดจาให้ร้ายป้ายสีผู้อื่น
๒๐.พวกที่อารมณ์ร้าย โมโหโกรธา ด่าว่าคนอื่นไปทั่ว
๒๑.พวกที่ชอบว่ากล่าว ตำหนิโทษผู้อื่น ด้วยใจ อคติไม่เที่ยงธรรม
๒๒.พวกผู้ชายที่ไม่จริงใจต่อภรรยา พวกผู้หญิงที่เคารพซื้อสัตย์ต่อสามี
๒๓.พวกที่ชอบยุแหย่ทำลายชีวิตครอบครัวผู้อื่นให้แตกแยกล่มสลาย
๒๔.พวกพี่น้องที่ไม่รักใคร่ปรองดองกัน คอยแต่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นฟ้องร้องแย่งชิงทรัพย์มรดก
๒๕.พวกที่วงศ์ตระกูลเดียวกัน แต่กลับทะเลาะเบาะแว้งไม่สามัคคีกลมเกลียว
๒๖.พวกที่ชอบยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่น ฟ้องร้องคดีความ
๒๗.พวกที่ไม่มีความจริงใจ เป็นคนลวงโลก สวมหน้ากากเข้าหากัน
๒๘.พวกหน้าเนื้อใจเสือ ภายนอกแต่งกายให้ดูดี แต่ภายในสกปรกโสมม
๒๙.พวกที่อาศัยอำนาจหน้าที่ ใช้อิทธิพลในทางที่ผิด
๓๐.พวกที่กดขี่ราษฎร ยักยอกฉ่อราษฎร์บังหลวงโกงกินบ้านเมือง
๓๑.พวกที่ชักศึกเข้าบ้าน ล้างผลาญประเทศชาติ เพื่อผลประโยชน์ของตน
๓๒.พวกผู้ปกครองที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีกลับใช้อุบายวางแผนแก่งแย่งชิงกันเป็นใหญ่
๓๓.พวกทีชอบประจบสอพลอ พะเน้าพะนอ ยกย่องเชิดชูรับใช้คนเลว
๓๔.พวกที่คอยมุ่งร้าย รังแกคนทำงานที่ซื่อสัตย์สุจริต
๓๕.พวกคนพาลสันดานหยาบ ที่คอยก่อกวนให้ ผู้คนเดือดร้อนอยู่ไม่เป็นสุข
๓๖.พวกคนร่ำรวย แต่ใจร้ายข่มเหงคนยากไร้
๓๗.พวกที่ชอบยกย่องคนรวย เหยียบย่ำคนจน
๓๘.พวกที่เห็นคนตกทุกข์ได้ยาก ไม่อยากช่วยเหลือ
๓๙.พวกที่พบเห็นคนอยู่ในฐานะลำบาก กลับเมินเฉยแล้งน้ำใจ
๔๐.พวกที่เห็นผู้อื่นร่ำรวย ก็เกิดความอิจฉาริษยา
๔๑.พวกที่เห็นผู้อื่นในฐานะสูงส่งด้วยชื่อเสียงเกียรติยศ ก็เกิดความโกรธแค้นชิงชัน
๔๒.พวกที่มีจิตใจอาฆาตมาดร้าย ใช้ไสยศาสตร์มนต์ดำสาปแช่งผู้อื่น
๔๓.พวกที่ร่ำเรียนคาถาอาคมทำร้ายผู้อื่น ทำเสน่ห์ยาแฝดฝังรอย
๔๔.พวกที่ชอบฝึกวิชามาร ทำพิธีใช้ภูตผีกลั่นแกล้งทำลายล้างผู้อื่น
๔๕.พวกที่ชอบเผาป่า ทำลายสุสาน บุกรุกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
๔๖.พวกที่กินทิ้งกินขว้าง ไม่รู้จักพระคุณข้าว น้ำ อาหาร
๔๗.พวกที่ทุปตีเด็กเล็กไร้เดียงสาด้วยโทสะข่มเหงรักแกเด็กๆ ผู้ที่ไม่สามารถจะช่วยตนเองได้
๔๘.พวกที่อกตัญญู ไม่รู้คุณคน
๔๙.พวกที่ประพฤติตน คิดแบบอย่างชี้นำสอนให้เด็กอนุชนรุ่นหลังกระทำตามจนต้องกลายเป็นคนเลวชีวิตไร้แก่นสาร
๕๐.พวกที่ถือตัวว่าอาวุโส สูงอายุ ใครว่ากล่าวไม่ได้ ทำผิด ไม่ยอมรับ ตักเตือนไม่ยอมแก้ไข
๕๑.พวกอนุชนรุ่นหลัง ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ ไม่ยึดถือหลักคุณสัมพันธ์
๕๒.พวกที่ไม่พิจารณาสำรวจดูกรรมดีกรรมชั่วของตนเอง
๕๓.พวกที่เคยตักเตือนให้ทำความดี กลับทุ่มเถียงดื้อด้านไม่ยอมฟัง
๕๔.พวกที่คอยเสาะแสวงหาแต่ช่องทางกระทำชั่วอยู่ไม่ว่างเว้น
“นี่คือ ๕๔ ข้อกรรมชั่วที่ผู้ใดประพฤติ ผู้นั่นจะต้องถูกตรวจตราควบคุมเก็บกวาดให้เรียบร้อย ไม่ให้เหลือไว้ในโลก! เมื่อตายลงไปก็ต้องถูกเหวี่ยงเข้าสู่หนทางเปรต สัตว์นรก อสุรกาย ยามยังมีชีวิตอยู่ให้พวกเขาเหล่านั้นมีอันเป็นไป สูญพันธุ์ทั้งตระกูล ให้บ้านแตกสาแหรกขาด ให้นองเลือดท่วมแผ่นดิน ให้กระดูกทับถมในพงพี บ้านเรือนของพวกเขาให้ถูกผู้อื่นอยู่อาศัย ที่นาของพวกเขาให้ไร้คนจะเพาะปลูกทำกินได้ ! หากมนุษย์จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตน ให้ละเว้นความชั่ว สร้างสมคุณความดี ผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วยก็จะหาย อายุจะยั่งยืน”
ครั้นครบกำหนดเวลา ๓ ปี ที่ให้มนุษย์รีบเร่งปฎิบัติแต่ความดีงาม เมื่อกระแสความคิดจิตใจและการกระทำของเหล่าเวไนยสัตว์ ถูกนำขึ้นกราบทูลรายงานเบื้องบน ทันทีที่องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ทรงทราบพระองค์ทรงมีพระราชโองการดังนี้
“ข้าฯ… จะลงมาตระเวนตรวจตราดูทุกแห่งอย่างละเอียดถี่ถ้วน ข้าฯจะดำเนินการพิพากษาตัดสิน ให้เกิดภัยสงครามอีกระลอกหนึ่ง ภายในเวลาไม่กี่เดือนให้เกิดโรคระบาดขึ้นอีกบางส่วน ทุกหนทุกแห่งจะถูกเก็บกวาดให้หมดสิ้น! ต่อให้วิงวอนถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์… สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็มิตอบสนอง ต่อให้กินยารักษาโรคยาก็ไม่ได้ผล ถึงแม้ตำราเสินหนงยังอยู่ ยาวิเศษแค่ไหน ดีชั่วมีผลต่างกัน… คนดีมีคุณธรรม กินยารักษาโรค ก็จะสัมฤทธิ์ผล คนชั่วช้าสมานย์กินยาแล้วก็ไม่อาจรอด
บัดนี้… ข้าเห็นสภาพการณ์ว่า น่าเวทนา… ไม่มีวิธีการใดสามารถช่วยเวไนยสัตว์ได้ทัน ต่อให้จุดธูปบูชาข้าฯก็เสียแรงเปล่า ที่เห็นข้าเป็นเทพยดาน่ากราบไหว้สักการะแต่ปัจุบันมีทุกข์ไม่ยอมช่วย ใช่ว่าข้าฯ จะบิดเบือนต่อเบื้องบน ต่อเบื้องบนข้าฯ ก็ได้กราบบังคมทูลวิงวอนด้วยความเร่งรีบร้อนรนยิ่ง และต่อชาวโลกเบื้องล่าง… ข้าก็ให้ป่าวประกาศเผยแพร่สัจธรรม ชี้นำย้ำเตือนให้ผู้คนได้รับรู้
บัดนี้… ถึงวาระเข้าสู่ปลายกัปป์… เกณฑ์มหันตภัยยุคสุดท้ายปุถุชนธรรมดาให้เก้าคนตายเหลือไว้เพียงหนึ่ง ให้เกิดสงครามอาวุธหอกดาบมีขึ้นรอบด้าน โรคระบาดจู่โจมบุกรุกทุกแห่งหน อสุนีบาดสายฟ้าผ่าฟาดผ่าดังสนั่นสะเทือนเลื่อนลั่น อุทกภัยใหญ่น้ำไหลหลากท่วมท้นบ้านเรือน วาตภัยลมพายุผกผันกวาดไปทุกหนแห่งธรรมชาติแห้งแล้ง ชีวิตทั้งหลายยากจะอยู่รอด พญามารมาเคาะประตูบ้านยามค่ำ โรคระบาดเข้าประชิดตัวใน<


ที่มา : หนังสือธรรมะเล่มหนึ่ง

DT011147

toplenovo

4 มิ.ย. 2554
 เปิดอ่านหน้านี้  5381 

  ความคิดเห็น


RELATED STORIES



จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย