ทิพยอำนาจของในหลวงรัชกาลที่ ๙

“ทิพยอำนาจ” ของ “ในหลวงรัชกาลที่ ๙”!! เหตุการณ์มหัศจรรย์พลันบังเกิด … เมื่อ “ท่านพุทธทาส” ป่วยเข้าขั้นวิกฤติ แล้วได้ยิน “กระแสอาราธนาของในหลวง”!!

ช่วง ๓-๔ ปี ก่อนที่ “ท่านพุทธทาสภิกขุ” จะมรณภาพ หนังสือพิมพ์ต่างประเทศได้ลงข่าวว่า ท่านป่วยหนัก รัฐบาลไทยไม่เหลียวแลเอาใจใส่  หนังสือพิมพ์ไทยได้นำความมาลงตีพิมพ์ เป็นเหตุให้คนไทยได้รับรู้และความทราบถึงเบื้องพระยุคลบาท

ครั้งนั้นท่านพุทธทาสป่วยหนักด้วยโรคน้ำท่วมปอด เส้นเลือดหัวใจตีบ มีอาการหัวใจวายและความดันโลหิตสูงร่วม ๓๐๐  หากเป็นคนทั่วไปก็เห็นได้ว่าเข้าขั้นโคม่า มีความตายเป็นเบื้องหน้าเป็นแน่แท้

ในครั้งนั้นหนังสือพิมพ์ไทยหลายฉบับลงข่าวตรงกันว่า  “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” (รัชกาลที่ ๙) โปรดเกล้าฯ ให้แพทย์หลวงคณะหนึ่งเดินทางไปรักษาท่านพุทธทาสที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และให้นำความไปถวายท่านด้วยว่า

“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขออาราธนาว่า ท่านเจ้าคุณอย่าเพิ่งดับขันธ์ ขอให้อยู่ช่วยจรรโลงพระศาสนาต่อไป”

แล้วหนังสือพิมพ์ก็เสนอข่าวต่อไปว่า  เมื่อคณะแพทย์ไปถึงและท่านพุทธทาสได้รับทราบว่ามีกระแสรับสั่งมาถวายก็ได้พยายามลุกนั่งสมาธิบนเตียงพยาบาล  เมื่อได้ทราบคำอาราธนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ท่านก็นิ่งอึ้งอยู่พักใหญ่แล้วกล่าวว่า

“อาตมารับอาราธนา … แต่จะอยู่ไปเท่าที่สังขารจะทนไหวเท่านั้น”

 

แล้วในช่วงคืนวันนั้น เหตุการณ์มหัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น! … เพราะอาการหัวใจวายและเส้นเลือดหัวใจตีบได้ทุเลาลง น้ำท่วมปอดลดลง ความดันลดลงจนเกือบเป็นปกติ!!

พระซึ่งใกล้ชิดกับท่านพุทธทาสเล่าให้ฟังว่า หลังจากรับอาราธนาแล้ว ท่านเจ้าคุณได้ปฏิบัติสมาธิและอยู่ใน “อานาปานสติวิหาร” ตลอดทั้งคืน

 

ความนี้เป็นเรื่องมหัศจรรย์ เพราะมีข่าวต่อมาว่า หนังสือพิมพ์ต่างประเทศฉบับหนึ่งได้ลงข่าวในเชิงตั้งข้อสงสัยนี้ว่า พระสงฆ์ไทยนี้แปลกที่สามารถผัดผ่อนความตายได้

แต่คนไทยจำนวนหนึ่งมิได้สงสัยเพราะมีความใน “มหาปรินิพพานสูตร” แสดงไว้อย่างชัดเจนว่า

“ผู้ใดได้เจริญอิทธิบาทสี่ให้มากแล้ว มีใจตั้งมั่นบริสุทธิ์ หากปรารถนาจะมีอายุชั่วกัลป์หนึ่งหรือกว่านั้นก็ได้”

ท่านพุทธทาสนั้น คนทั่วไปรู้แต่เพียงว่าท่านทรงปริยัติเสมอด้วยพระพุทธโฆษาจารย์ของลังกาในอดีต  แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้ดีว่าท่านบรรลุภูมิธรรมถึงวิชชาในพระพุทธศาสนา มีทิพยอำนาจอยู่ในตัว และเจริญอิทธิบาทอยู่เนือง ๆ  อาการป่วยขั้นวิกฤติที่ทุเลาเบาบางลงก็ด้วยทิพยอำนาจนั้น ดังที่ปรากฏความในมหาปรินิพพานสูตรนั่นเอง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบว่า ท่านพุทธทาสมีภูมิธรรมเช่นนี้และอยู่ในวิหารธรรมเช่นนี้ ซึ่งมิใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะรู้ได้  หากแต่ต้องมีภูมิธรรมและอยู่ในวิหารธรรมที่ใกล้เคียงกัน

ท่านพุทธทาสบรรลุภูมิธรรมขั้นไหนก็เห็นได้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีภูมิธรรมที่ใกล้เคียงกันนั้นเอง!

ดังนั้น การจะกราบพระบรมฉายาลักษณ์ครั้งใด ความรู้สึกหนึ่งที่เกิดขึ้นก็คือกำลังกราบพระอริยบุคคลนั่นเอง!!

 

.

ที่มา : http://panyayan.tnews.co.th/contents/210133/

.

Copyright © 2019. All rights reserved.
ข้ามไปยังทูลบาร์