สภาวะธรรมที่ควรรู้
๑.สมถะ สมถะมี ๕ สภาวะต่างกัน
๑.๑.สมถะที่ประกอบด้วยกามสัญญา ในอกุศลจิตและอกุศลวิบากจิต มีโลภะ โทสะ และโมหะเกิดขึ้นในจิต
๑.๒.สมถะที่ประกอบด้วยกามสัญญา ในกามาวจรกุศลจิตและกามาวจรกุศลวิบากจิต ขณะให้ทาน รักษาศีล เจ...ริญเมตตาธรรม เกื้อกูลแบ่งปัน มี อโลภะ อโทสะและอโมหะในจิตขณะนั้น
๑.๓.สมถะที่ประกอบด้วยรูปสัญญา ใน รูปาวจรกุศลจิตและรูปาวจรกุศลวิบากจิต ขณะเจริญรูปฌาน ๔ จิตนั้นเป็นจิตที่สงัดจากกามสงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย
๑.๔.สมถะที่ประกอบด้วยอรูปสัญญา ในอรูปาวจรกุศลจิตและอรูปาวจรกุศลวิบากจิต ขณะเจริญอรูปฌาน ๔ จิตนั้นเป็นจิตที่สงัดจากกามสงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย
๑.๕.สมถะที่ประกอบด้วยปัญญาเครื่องทำลายกิเลสสังโยชน์ ๑๐ ในโสดาปัตติมัคคจิต โสดาปัตติผลจิต สกทาคามีมัคคจิต สกทาคามีผลจิต อนาคามีมัคคจิต อนาคามีผลจิต อรหัตตมัคคจิต อรหัตตผลจิต ขณะเจริญมัคค ๔ ผล ๔ จิตนั้นเป็นจิตที่สงัดจากกามสงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย.
# 1 / มหาราชันย์ / 18 ม.ค. 2554 เวลา 10:12 น.
สภาวธรรมที่ควรรู้
๒.วิปัสสนา วิปัสสนามี ๔ สภาวะต่างกัน
๒.๑.วิปัสสนาที่ประกอบด้วยกามสัญญา ในกามาวจรกุศลจิตและกามาวจรกุศลวิบากจิต ขณะให้ทาน รักษาศีล เจริญเมตตาธรรม เกื้อกูลแบ่งปัน มี อโลภะ อโทสะและอโมหะในจิตขณะนั้น วิปัสสนาคือปัญญาเครื่องทำลายกิเลสที่ทำหน้าที่ละ โลภะ โทสะและโมหะอย่างหยาบได้
๒.๒.วิปัสสนาที่ประกอบด้วยรูปสัญญา ใน รูปาวจรกุศลจิตและรูปาวจรกุศลวิบาก ขณะเจริญรูปฌาน ๔ จิตนั้นเป็นจิตที่สงัดจากกามสงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย วิปัสสนาคือปัญญาเครื่องทำลายกิเลสที่ทำหน้าที่ละนิวรณ์ ๕ ได้สำเร็จ
๒.๓.วิปัสสนาที่ประกอบด้วยอรูปสัญญา ใน อรูปาวจรกุศลจิตและอรูปาวจรกุศลวิบาก ขณะเจริญอรูปฌาน ๔ จิตนั้นเป็นจิตที่สงัดจากกามสงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย วิปัสสนาคือปัญญาเครื่องทำลายกิเลสที่ทำหน้าที่ละนิวรณ์ ๕ ละรูปสัญญา ละปฏิฆะสัญญา และละนานัตตสัญญาได้สำเร็จ
๒.๔.ที่ประกอบด้วยปัญญาเครื่องทำลายกิเลสสังโยชน์ ๑๐ ในโสดาปัตติมัคคจิต โสดาปัตติผลจิต ละนิวรณ์ ๕ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา และสีลพตปรามาสได้หมดสิ้น สกทาคามีมัคคจิต สกทาคามีผลจิตละนิวรณ์ ๕ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลพตปรามาสได้หมดสิ้น และละกามราคะ ละปฏิฆะอย่างหยาบได้ อนาคามีมัคคจิต อนาคามีผลจิต ละนิวรณ์ ๕ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลพตปรามาสได้หมดสิ้น และละกามราคะ ละปฏิฆะทั้งหยาบและละเอียดได้หมดสิ้น อรหัตตมัคคจิต อรหัตตผลจิต ละนิวรณ์ ๕ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลพตปรามาสได้หมดสิ้น ละกามราคะ ละปฏิฆะทั้งหยาบและละเอียดได้หมดสิ้น ละรูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ และอวิชชาได้หมดสิ้น ขณะเจริญมัคค ๔ ผล ๔ จิตนั้นเป็นจิตที่สงัดจากกามสงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย
สภาวะธรรมที่ชื่อว่า วิปัสสนา ไม่มีใน อกุศลจิตและอกุศลวิบากจิต.
# 2 / มหาราชันย์ / 18 ม.ค. 2554 เวลา 10:15 น.
สภาวธรรมที่ควรรู้
๓.สติ มี ๔ สภาวะต่างกันทำนองเดียวกันกับวิปัสสนา
๓.๑.สติที่ประกอบด้วยกามสัญญา
๓.๒.สติที่ประกอบด้วยรูปสัญญา
๓.๓.สติที่ประกอบด้วยอรูปสัญญา
๓.๔. สติที่ประกอบด้วยปัญญาเครื่องทำลายกิเลสสังโยชน์ ๑๐ ในมัคค ๔ ผล ๔
สภวะธรรมที่ชื่อว่า สติ ไม่มีใน อกุศลจิตและอกุศลวิบากจิต.
# 3 / มหาราชันย์ / 18 ม.ค. 2554 เวลา 10:17 น.
สภาวธรรมที่ควรรู้
๔.ปัจจุบันขณะ
๔.๑.ปัจจุบันขณะในเหตุ และปัจจุบันขณะในผล
๔.๒.ปัจจุบันขณะที่ประกอบด้วยกามสัญญา ในกามาวจรอกุศลจิตและกามาวจรอกุศลวิบากจิต สักกายะทิฏฐิในทุคติภพย่อมเกิดขึ้น
๔.๓.ปัจจุบันขณะที่ประกอบด้วยกามสัญญา ในกามาวจรกุศลจิตและกามาวจรกุ...ศลวิบากจิต สักกายะทิฏฐิในสุคติภพย่อมเกิดขึ้น ได้แก่เกิดการเป็นมนุษย์ และสวรรค์ ๖ ชั้น
๔.๔.ปัจจุบันขณะที่ประกอบด้วยรูปสัญญา ใน รูปาวจรกุศลจิตและรูปาวจรกุศลวิบากจิต ขณะเจริญรูปฌาน ๔ จิตนั้นเป็นจิตที่สงัดจากกามสงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย
๔.๕.ปัจจุบันขณะที่ประกอบด้วยอรูปสัญญา ในอรูปาวจรกุศลจิตและอรูปาวจรกุศลวิบากจิต ขณะเจริญอรูปฌาน ๔ จิตนั้นเป็นจิตที่สงัดจากกามสงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย
๔.๖.ปัจจุบันขณะที่ประกอบด้วยปัญญาเครื่องทำลายกิเลสสังโยชน์ในโสดาปัตติมัคคจิต ต้องเจริญตรงนี้
๔.๗.ปัจจุบันขณะที่ประกอบด้วยปัญญาเครื่องทำลายกิเลสสังโยชน์สำเร็จแล้วในโสดาปัตติผลจิต
๔.๘.ปัจจุบันขณะที่ประกอบด้วยปัญญาเครื่องทำลายกิเลสสังโยชน์ในสกทาคามีมัคคจิต ต้องเจริญตรงนี้
๔.๙.ปัจจุบันขณะที่ประกอบด้วยปัญญาเครื่องทำลายกิเลสสังโยชน์สำเร็จแล้วในสกทาคามีผลจิต
๔.๑๐.ปัจจุบันขณะที่ประกอบด้วยปัญญาเครื่องทำลายกิเลสสังโยชน์ในอนาคามีมัคคจิต ต้องเจริญตรงนี้
๔.๑๑.ปัจจุบันขณะที่ประกอบด้วยปัญญาเครื่องทำลายกิเลสสังโยชน์สำเร็จแล้วในอนาคามีผลจิต
๔.๑๒.ปัจจุบันขณะที่ประกอบด้วยปัญญาเครื่องทำลายกิเลสสังโยชน์ในอรหัตตมัคคจิต ต้องเจริญตรงนี้
๔.๑๓.ปัจจุบันขณะที่ประกอบด้วยปัญญาเครื่องทำลายกิเลสสังโยชน์สำเร็จแล้วในอรหัตตผลจิต.
# 4 / มหาราชันย์ / 18 ม.ค. 2554 เวลา 10:29 น.
สภาวธรรมที่ควรรู้
ปัจจุบันขณะ ที่ผู้ปฏิบัติธรรม ต้องเจริญ เป็นปัจจุบันขณะ คือ
1.เจริญโสดาปัตติมัคคจิต เป็นปัจจุบัน
หรือ 2.เจริญสกทาคามีมัคคจิต เป็นปัจจุบัน
หรือ 3.เจริญอนาคามีมัคคจิต เป็นปัจจุบัน
หรือ 4.เจริญอรหัตตมัคคจิต เป็นปัจจุบัน
เจริญในธรรมครับ.
# 5 / มหาราชันย์ / 18 ม.ค. 2554 เวลา 10:33 น.