กลอนธรรมะอ่านง่าย ๆ เรื่อง ลีลาวดี ตอนที่ 3
กลอนธรรมะอ่านง่าย ๆ เรื่อง ลีลาวดี ตอนที่ ๓
ความเดิมตอนที่แล้ว เรวตะเมื่อหนีออกมาจากบ้านสุมังคละเศรษฐีก็เข้าสู่วงการโจรจนเป็นคนเหี้ยมโหด พลาดพลั้งเนรคุณปล้นเจ้านายเก่าโดยไม่รู้ตัวจึงไปหาคนมาสังเวยเจ้าแม่กาลีแทนเพื่อช่วยเศรษฐีให้พ้นจากความตาย ก็ไปพบนักบวชหัวโล้น จึงนำมายังลานประหาร ได้สนทนากันดังนี้
หัวหน้าโจร ร้องถาม ท่านเป็นใคร
เพราะเหตุใด โกนหัว ห่มผ้าหมอง
แต่กิริยา กลับองอาจ ดูน่ามอง
ฐานะของ ท่านนี้ คืออะไร
นายโจรเอ๋ย คนทั่วไป เรียกเราว่า
ผู้บวชมา เป็นบรรพชิต ผู้ผ่องใส
บางคนว่า เป็นสมณะ ก็เข้าใจ
บางคนไซร้ เรียกภิกษุ ผู้สุขเย็น
บรรพชิต แปลว่า ผู้เว้นแล้ว
ผู้คลาดแคล้ว การทำชั่ว ให้มัวหมอง
สมณะนั้น คือผู้สงบ น่าชวนมอง
ธรรมคุ้มครอง ให้ประพฤติ ดีมีมงคล
คำภิกษุ นั้นแปล ได้ความว่า
ผู้มีตา เห็นภัย ความเศร้าหมอง
เห็นความทุกข์ เห็นกิเลส ไม่น่ามอง
ไม่ครอบครอง ของสวยงาม ตามใจตน
หรือแปลว่า ผู้ขอ นั้นก็ได้
อุ้มบาตรไป แล้วแต่ใคร ให้อาหาร
แค่พอเพียง ไม่เลิศหรู อลังการ
ใช้อาหาร ดำรงกาย ไปวันวัน
นายโจรถาม ท่านเห็นภัย อันใดหรือ
คำตอบคือ เราเห็นภัย ในสังขาร
หนึ่งชาติภัย คือการเกิด ตลอดกาล
ผจญมาร ผจญภัย ในโลกา
สองนั้นคือ พยาธิภัย ได้เจ็บป่วย
ประกอบด้วย โรคมากมาย ในกายหนอ
ความพิการ เพราะการเกิด เป็นต้นตอ
อุบัติเหตุก่อ ให้ล้มหมอน หรือนอนตาย
สามนั้นคือ ชราภัย ในวัยแก่
เจอแน่แน่ ทุกคน หนีไปไหน
ความแก่นั้น ก็ติดตาม ตัวเรื่อยไป
กินอะไร ไม่หายแก่ อย่างแน่นอน
ห้านั้นก็ มรณะภัย ใช่เรื่องเล่น
ทุกคนเห็น คนใกล้ตาย ได้ทุกเมื่อ
ถึงคราวตน ลนลาน เสียงสั่นเครือ
ตายเป็นเบือ ทุก ทุกวัน พากันลืม
พระอานนท์ เคยถาม พระพุทธเจ้า
ระลึกเอา ความตาย ยังไงหนอ
วันละร้อย หรือพัน จะเพียงพอ
พุทธองค์ก็ ตอบว่าทุก ลมหายใจ
นายโจรนั้น อุทาน ว่าดังนี้
คำตอบดี ทั้งถูกตรง หายสงสัย
มิน่าเล่า ท่านผู้ มองเห็นภัย
ไม่ตกใจ ไม่สะท้าน ยามใกล้ตาย
ในวันนี้ ท่านต้อง ถูกข้าเชือด
เพื่อให้เลือด ไหลนอง กอง หมักหมม
ปลิดชีวิต เชือดคอ ด้วยมีดคม
เอาเลือดพรม ทั่วรูปปั้น แม่กาลี
พระภิกษุ ย้อนถาม ความสงสัย
เหตุอันใด เพื่ออะไร ให้ตอบฉัน
หัวหน้าโจร ก็ตอบ มาเร็วพลัน
เจ้าแม่นั้น ช่วยให้ข้า ปล้นได้ชัย
พระภิกษุ ย้อนถาม ได้ความว่า
ทรัพย์ได้มา เพราะเจ้าแม่ ร่วมปล้นหรือ
รูปปั้นนี้ ช่วยปล้นฆ่า ด้วยดาบมือ
หรือนางถือ ทรัพย์พ่อค้า มาประเคน
หรือว่านาง ดลใจ ให้พ่อค้า
วางศาสตรา ไม่ต่อสู้ อยู่เฉยเฉย
หัวหน้าโจร ตอบไม่ใช่ อย่างนั้นเลย
นางไม่เคย ขยับเขยื้อน ไปที่ใด
ภิกษุถาม ว่าใครเล่า ที่เข้าปล้น
หัวหน้าโจร ก็ตอบว่า ลูกน้องข้า
ต้องเสี่ยงตาย กว่าจะได้ ทรัพย์นั้นมา
พวกพ่อค้า ก็ป้องกัน อย่างมั่นคง
ถ้าอย่างนั้น รูปปั้นนี้ ไม่มีสิทธิ์
ไม่มีฤทธิ์ อันใด มาช่วยท่าน
ไม่ได้ทำ สิ่งใด สมรางวัล
ที่พวกท่าน จะมอบให้ ไม่สมควร
ภิกษุนั้น ถามนายโจร เรื่องเลือดสด
ที่มารด ลงรูปปั้น นั้นไฉน
รูปปั้นนี้ เคยกินเลือด ให้หมดไป
หรือปล่อยให้ ไหลลงพื้น ปฐพี
นายโจรตอบ ว่ารูปปั้น นั้นก็เฉย
เพราะไม่เคย เห็นกินเลือด ให้เหือดหาย
แม้นสูบเลือด มารด หมดร่างกาย
เลือดมากมาย ไหลไปกอง นองบนดิน
ภิกษุถาม แล้วทุกครั้ง ที่ออกปล้น
เธอนั้นบน ต่อเจ่าแม่ ของเธอไหม
แล้วทุกครั้ง ที่ออกปล้น จะได้ชัย
หรือบรรลัย พ่ายแพ้ ไม่แน่นอน
นายโจรตอบ ไม่ทุกครั้ง ที่ชนะ
หลายวาระ ที่ล้มเหลว ไม่สมหวัง
ทั้งทั้งที่ บนเจ้าแม่ เต็มกำลัง
ไม่สมหวัง ดั่งที่บน ทุกครั้งไป
ภิกษุบอก การกระทำ ของเธอนี้
เป็นวิธี มอบรางวัล ไม่เข้าท่า
ให้รางวัล กับสิ่งของ ธรรมดา
เสียเวลา เสียของดี ที่สังเวย
ภิกษุถาม นายโจร ต่อไปว่า
ที่ผ่านมา ตอนสังเวย มีบ้างไหม
คนที่ถูก จับมา นั้นเต็มใจ
ให้ท่านใช้ มีดมาเชือด ให้เลือดนอง
นายโจรตอบ ไม่มีเลย ที่ยอมง่าย
ทุกทุกราย ต่างดิ้นรน ให้พ้นมีด
บ้างก็ชัก ตาตั้ง กลัวสุดขีด
ยามที่มีด จ่อลำคอ รอความตาย
ภิกษุบอก สิ่งล้ำค่า คือชีวิต
ทรัพย์น้อยนิด หรือมหาศาล สักแค่ไหน
ก็สามารถ แลกได้ หากไม่ตาย
ทุกทุกราย เลือกชีวิต ไม่คิดนาน
หากเธอปล้น เอาทรัพย์สิน คนอื่นเขา
มิได้เอา ชีวิต ปลิดดับสูญ
เขาสามารถ หาทรัพย์ได้ ทวีคูณ
หากชีพสูญ ก็หมดสิ้น ทุกสิ่งอัน
หากชีวิต ของเธอ ถูกสังเวย
ต้องลงเอย อย่างไร้ค่า น่าสงสาร
เอาเลือดรด รูปปั้น ช่างป่วยการ
จักสำราญ หรือไม่เล่า เอ้าตอบมา
นายโจรตอบ ภิกษุนี้ กล่าวชอบแล้ว
เหมือนเปิดแก้ว เปิดขัน ที่คว่ำหนอ
เปิดให้เห็น ความจริง กระจ่างพอ
เรานี้หนอ ขอกราบไหว้ ขอวันทา
ที่ผ่านมา ตัวข้านี้ ช่างโสมม
หลงนิยม ในทรัพย์ คนอื่นเขา
หลงกราบไหว้ รูปปั้น โง่ไม่เบา
หลงฆ่าเขา เพื่อเอาเลือด มาสังเวย
ต่อไปนี้ ข้าขอ สาบานว่า
ทิ้งศาสตรา ทิ้งรูปปั้น ไม่แยแส
ทิ้งทรัพย์สิน ทิ้งอดีต ไม่เหลียวแล
ขอเพียงแค่ ติดตามท่าน ไปทุกยาม
ภิกษุบอก ที่เธอคิด นั้นดีเลิศ
เธอจักเกิด เป็นคนใหม่ ในภายหน้า
ฉันจะให้ เธอบวช บรรพชา
ถึงเวลา ไปฟังธรรม พระพุทธองค์
จะได้รู้ สิ่งที่สูง กว่าชีวิต
คือแนวคิด ดับทุกข์ ดับโง่เขลา
รู้จักทุกข์ รู้จักเหตุ กิเลสเรา
วิธีเอา ความทุกข์ออก นอกจิตตน
อริยสัจมี ทุกข์สมุทัย นิโรธมรรค
ไม่หลงรัก หลงอวิชชา พาให้เขว
ต้องศึกษา มากมาย ต้องทุ่มเท
อย่าลังเล อยู่เลย ไปเถิดเรา
เรวตะ ก็ติดตาม ไปบวชด้วย
ศีลนั้นช่วย ให้จิตใจ ไม่พลาดหลง
ร่ำเรียนธรรม กับอาจารย์ อย่างมั่นคง
ตั้งใจตรง จนรอบรู้ ในพระธรรม
จึงมุ่งหน้า เพื่อไปหา พระพุทธเจ้า
ทราบเรื่องราว ทรงประทับ สาวัตถี
เกิดชาติหนึ่ง ได้เข้าเฝ้า คงจะดี
รีบเร่งรี่ เดินทาง อย่างตั้งใจ
เมื่อไปถึง วัดเชตะวัน สาวัตถี
มีกุฏี มีวิหาร อยู่มากโข
ท่านอนาถะ บิณฑิกะ สร้างใหญ่โต
มีต้นโพธิ์ ใหญ่ร่มเย็น เห็นมากมาย
ในวันหนึ่ง ในการฟัง พระเทศนา
อุบาสิกา อุบาสก มีมากหลาย
ตั้งใจฟัง พระธรรม กันทุกราย
สงฆ์มากมาย นั่งหันหน้า เข้าหาโยม
ทุกทุกรูป นั่งฟังธรรม สงบนิ่ง
ไม่ไหวติง ตามองต่ำ ทำจิตว่าง
พระเรวตะ อยู่ในที่ อยู่ในทาง
ตามแบบอย่าง พระอริยะ ผู้สำรวม
แต่วันนี้ มีอะไร ให้พลุ่งพล่าน
ไม่เบิกบาน ไม่ซาบซ่าน พระธรรมสอน
เงยหน้ามอง เห็นสายตา แม่งามงอน
เธอไม่ถอน สายตา จ้องหน้ากัน
ลีลาวดี นั่นเอง ท่านจำได้
แม้นอยู่ไกล แค่ไหน พอได้เห็น
ใจที่เคย นิ่งสงบ เคยร่มเย็น
กลับร้อนเป็น ฟืนไฟ มอดไหม้ทรวง
กิเลสรัก มันฟักตัว อยู่ในจิต
ใจยังคิด ถึงนาง ที่ห่างเหิน
จิตไม่หลุด จากรัก มักพาเพลิน
ยามนางเดิน มาให้เห็น เป็นร้อนรน
แม้นบวชไป ร้อยพรรษา หาลืมไม่
ไม่ตั้งใจ ทำความเพียร เวียนคิดถึง
เสน่ห์หญิง ที่เย้ายวน ยังตราตรึง
จิตขาดผึง กิเลสตื่น คืนสันดาน
บางรูปหลง ว่าปลง ได้หมดเกลี้ยง
มันแค่เพียง ซุกซ่อน ไม่ให้เห็น
จนกว่ามี หญิงต้องใจ ผุดผ่องเพ็ญ
ศีลกระเด็น ผ้าเหลืองหมอง ต้องสึกลา
ในตอนเช้า พระเรวตะ บิณฑบาต
ด้วยอำนาจ ของกิเลส และตัณหา
พาสองเท้า ก้าวเดินตาม หนทางพา
เดินมุ่งหน้า ไปทางบ้าน ลีลาวดี
แม่ลีลาวดี ร้องนิมนต์ หน่อยหลวงพี่
ตัวข้านี้ อยากใส่บาตร สร้างกุศล
นิมนต์พระ เรวตะฉัน ในเรือนตน
ทั้งสองคน ได้พบหน้า จ้องตากัน
แม่ของนาง ลีลาวดี นี้จำได้
ไต่ถามไป ได้ความจริง ยิ่งสงสัย
แม่ของนาง เลิกดูถูก นางเปลี่ยนไป
นางกลับกลาย เป็นคนดี ที่น่าชม
กล่าวขอโทษ พระเรวตะ อย่าถือโทษ
ท่านอย่าโกรธ ฉันเลย ที่เคยบ้า
เคยดูถูก เคยกลั่นแกล้ง ทุกเวลา
ต่อนี้หนา แม่จะเลิก ดูถูกเธอ
สุมังคละ เศรษฐี ก็ล่วงลับ
ไปไม่กลับ เพราะหมด อายุขัย
ทิ้งทรัพย์สิน เงินทอง ไว้มากมาย
แม่อยากให้ ลูกสึกมา รักษาเรือน
ให้แต่งงาน กับลีลาวดี ที่ลูกรัก
แม่ไม่หัก ห้ามเจ้า เข้าใจหนอ
อยากให้ลูก กลับมารับ สมบัติรอ
แม่นั้นขอ ยกให้เจ้า เข้ามาครอง
พระเรวตะ ไม่รับคำ ลากลับวัด
ดึกสงัด ยังนึกคิด ยังสับสน
ใบหน้านาง ลีลาวดี ยังวิ่งวน
จิตของตน สับสนนัก เพราะรักนาง
แต่พระธรรม ที่ร่ำเรียน ทำให้รู้
พิจารณาดู เห็นถ่องแท้ คำท่านสอน
อันความรัก นั้นเป็นทุกข์ อย่างแน่นอน
มันจักย้อน ยามพลัดพราก จากตัวเธอ
วันพรุ่งนี้ ตัดสินใจ จะเข้าป่า
ไปค้นหา ความสงบ หลบความหลง
หากอยู่ต่อ คงจะแย่ ไม่มั่นคง
ไม่อยากตรง กลับไปสู่ ทางทุกข์ใจ
วันรุ่งขึ้น มีราชบุรุษ ชุดตำรวจ
เดินสำรวจ มาตามหา ว่าอยู่ไหน
เที่ยวเดินถาม พระเรวตะ อยู่ที่ใด
เที่ยวถามไถ่ หาเรวตะ มารับกรรม
พระเรวตะ มารับหน้า กล้าบอกชื่อ
เรานั้นคือ เรวตะ เป็นโจรเก่า
เราเคยชั่ว เราเคยเลว เคยมัวเมา
บัดนี้เล่า สำนึกตน ค้นหาธรรม
ราชบุรุษ สั่งให้สึก ไปรับโทษ
ไม่ได้โกรธ ท่านหรอก แต่หน้าที่
ใครทำชั่ว ใครทำเลว ใครไม่ดี
เป็นหน้าที่ ต้องตามจับ ไปรับกรรม
ราชบุรุษ นำเรวตะ ไปประจาน
ใส่ขื่อคาน จับขัด มัดลากถู
ลากเดินผ่าน ร้านตลาด ให้คนดู
จะได้รู้ อย่าเอาบ้าง เยี่ยงอย่างเลว
แล้วนำพา เรวตะ ไปประหาร
วิธีการ คือขุดหลุม ฟางสุมหัว
จุดไฟเร้า ให้ลุก สุกทั้งตัว
สมความชั่ว ที่เคยทำ ระยำมา
แล้วเอาโค เทียมไถ ให้หัวขาด
ไม่ให้พลาด เสียบหัวไว้ กับไม้หลาว
ประจานไว้ ให้คนเห็น เป็นเรื่องราว
กฎของชาว เมืองนี้ ชี้ความเลว
เรวตะ ได้ฟังแล้ว เข่าแทบทรุด
ราชบุรุษ เข้ามาหิ้ว ไม่ให้หนี
เรวตะ ทำใจ ไปดีดี
ไม่คิดหนี เพราะสำนึก ในบาปกรรม
พอมาถึง ลานประหาร เขาขุดหลุม
เตรียมจะสุม ด้วยฟางแห้ง ให้ไฟโหม
ป่าวประกาศ ทั้งฆ้อง กลองประโคม
ใกล้กับโดม บ้านของ ลีลาวดี
ติดตามกันต่อฉบับหน้าว่า เรวตะซึ่งกลับตัวกลับใจได้แล้วแต่ต้องถูกจับไปรอการประหาร เพราะกรรมจากการปล้นสะดมและฆ่าคน จะสามารถรอดพ้นการประหารชีวิตได้หรือไม่เพราะเหตุใด
เปิดอ่านหน้านี้ 4455