หัวใจ อาบน้ำมนต์ เกิดอานุภาพ


<
หัวใจ อาบน้ำมนต์ เกิดอานุภาพ

การอาบน้ำมนต์จากพระแม่คงคา คือ การขอบารมีท่านในการขจัด ชำระล้างอวิชชา บาป ให้เกิดเป็นสัมมาปัญญาที่จะแก้ไขทุกข์ เกิดสันติสุข ด้วยคำกล่าวหัวใจแห่งคาถา มนต์ชำระล้างของพระแม่คงคา ว่า

"โอม ขจัดอวิชชา เสริมปัญญา แก้ทุกข์ สันติสุข"

การอาบน้ำมนต์ของพระแม่คงคา สามารถชำระล้างอวิชชา บาป ความอาฆาต แค้น พยาบาท อกุศลกรรมของเราได้อย่างไร

การอาบน้ำมนต์ชำระล้างอวิชชาฯ ตรงที่ทำให้เราเกิดวิชชาปัญญา เพื่อไปชำระล้างอวิชชา

อาบน้ำมนต์จะเกิดปัญญาตรงไหน

การอาบน้ำเป็นจุดเริ่มต้นในการรับพลังปัญญา มารับปัญญาจากครูบาอาจารย์ จากผู้ทำพิธี ประกอบพิธี เจ้าพิธี เพื่อเราจะได้มีเส้นทาง จะได้มีบันไดขั้นแรกเป็นพื้นฐานรองรับปัญญา การอาบน้ำเหมือนกับการเตรียมตัวให้พร้อมที่จะมารับปัญญาจากครูบาอาจารย์

สมมติว่าผู้มาทำพิธีมีความแค้นพยาบาท อาฆาต จองเวร เป็นอวิชชา เป็นมิจฉา สิ่งที่ไม่ดี ต้องการจะแก้ไขตรงนี้ จะแก้ไขอย่างไร จะเอาความอาฆาตพยาบาทออกอย่างไร

ครูบาอาจารย์ก็จะซักถามผู้มาทำพิธีว่า จะเอาออกหรือไม่ ถ้าเขาต้องการเอาออก ในระหว่างประกอบพิธี เจ้าพิธีก็จะต้องบอกเขาว่า

จงกำหนดจิต ที่เราจะเอาออก ( เช่น พยาบาท อาฆาต แค้น พยาบาท อวิชชา มนต์ดำ พลังดำ ราคะมิจฉา) ให้นำความคิดนี้ พฤติกรรมนี้ ให้ไหลไปกับสายน้ำพระแม่คงคา

ให้เปลี่ยนความคิดตรงนี้ ให้ใหลออกมา เหมือนกับปล่อยอุจจาระ ปัสสาวะออกมา ของเสีย ของที่ไม่ดี พอปล่อยออกมาแล้ว แล้วก็มานำเอาสิ่งที่ดีเป็นสิริมงคลเข้าไปสู่ตัวของเรา สู่จิตวิญญาณของเรา กินของดีเข้าไป เดี๋ยวอาจารย์ท่านก็จะให้ปัญญาเรากลับบ้านไป

อวิชชา คือ ความไม่รู้ สิ่งที่ไม่รู้ สิ่งที่เรากระทำไปโดยไม่รู้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี เป็นบาป พอเราไม่รู้ ไม่เข้าใจ เราจึงไปติด ยึดติด

วิชชา คือ ความเข้าใจถึงสิ่งนั้นๆ ถึงภาวะธรรมนั้นๆ รู้แล้ว เข้าใจแล้ว เกิดความรู้ว่าตรงนี้ดี หรือไม่ดี เช่น สิ่งนี้ไม่ดี เราไม่รู้ แล้วเราทำลงไป ผลเสียก็ตามมา แต่พอเรามีวิชชา คือเรารู้แล้วเราก็จะไม่เอา ไม่ทำสิ่งที่ไม่ดีนั้นๆ

แล้วเราจะเข้าใจว่าเป็นวิชชาได้อย่างไร เข้าใจถึงสิ่งนั้นๆ ได้อย่างไร สิ่งที่จะทำให้เราเข้าใจถึงสิ่งนั้นๆ ได้ก็คือสัมมาปัญญา

เมื่อเรารู้ว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิดแล้ว เราจะต้องเอาไปเจริญ วิวัฒน์พัฒนาให้ดีขึ้น เราต้องมีหัวใจธรรมจักร ประกอบไปด้วย สัมมาปัญญา สัมมาวิริยะ สัมมาตบะ เราจะมีหัวใจธรรมจักรได้อย่างไร เราก็จะต้องมี สุ.จิ.ปุ.ลิ

สุ ย่อมาจาก สุตะ แปลว่า ฟัง

จิ ย่อมาจาก จินตะ แปลว่า คิด

ปุ ย่อมาจาก ปุจฉา แปลว่า ถาม

ลิ ย่อมาจาก ลิขิต แปลว่า เขียน

สุ.จิ.ปุ.ลิ กับอิทธิบาท ๔ มีแตกต่างกันตรงไห ถ้าเราไม่มีอิทธิบาท ๔ สุ.จิ.ปุ.ลิ ก็ดำเนินต่อไปไม่ได้

สุ.จิ.ปุ.ลิ เป็นเบื้องต้น เป็นพื้นฐาน เป็นเครื่องมือ ในการก่อให้เกิดตัวอิทธิบาท ๔ เป็นพลังขึ้นมา เป็นพลังทั้ง ๔ คือ ฉันทะ (ความพอใจ ปรารถนาในสิ่งนั้น) วิริยะ (หมั่นพากเพียรขยัน) จิตตะ (เอาใจฝักใฝ่) วิมังสา (พิจารณาใคร่ครวญ ตรวจสอบ) พลังทั้ง ๔ นี้รวมเป็นหนึ่ง ทำให้เกิด สุ.จิ.ปุ.ลิ เจริญ พอเจริญแล้วจึงจะเกิดมรรค ผล เปรียบเหมือนกับ เรามีสว่านเจาะกำแพง แต่ไม่มีกระแสไฟฟ้า เราก็เจาะกำแพงไม่ได้

ฉะนั้น เราควรมาอาบน้ำมนต์ของพระแม่คงคา เพื่อชำระล้างจิตวิญญาณอันประกอบไปด้วยอวิชชาคืนสู่ธรรม เพื่อให้เกิดวิชชาปัญญา
   




 6,522 

  ความคิดเห็น


RELATED STORIES



จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย