อนุสาวรีย์มีจิตวิญญาณ


<
อนุสาวรีย์มีจิตวิญญาณ


อนุสาวรีย์พระเจ้าพรหมมหาราช อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งราย หรืออนุสาวรีย์ต่างๆ รวมทั้งรูปปั้นเจ้าพ่อ เจ้าแม่ ต่างๆ ท่านมีจิตวิญญาณ คือ สิ่งที่เรารับรู้ แต่ไม่ใช่วิญญาณแบบเป็นผี

แต่ถ้ามีวิญญาณอย่างเดียวนั้นเป็นแต่เพียงรูปร่าง

อนุสาวรีย์ยังคงมีพลังอยู่ มีสิ่งที่ท่านสัปปายะอยู่ หมายความว่า คนทั่วไปยังไหว้อยู่ ยังรำลึกอยู่ แต่พลังส่วนหนึ่งท่านไปแล้วตามวาระแห่งวิบากกรรม แต่อีกส่วนหนึ่งก็ยังดำรงอยู่

ยกตัวอย่าง ถ้าเราจะทำบุญกุศลพระราชกุศลส่งไปให้กับพระเจ้าพรหมมหาราช ก็จะส่งกุศลให้กับท่านให้รำลึกถึงตรงที่อนุสาวรีย์ของท่านฯ บุญกุศลก็จะไปยังอนุสาวรีย์ จากอนุสาวรีย์ก็จะส่งต่อไปยังจิตวิญญาณของท่านที่ไปเกิดใหม่อีกทีหนึ่ง

ทำไมเราต้องส่งผ่านทางอนุสาวรีย์ของท่าน เพราะว่าพลังของท่านยังดำรงอยู่ ไม่ว่าพลัง หรือบารมีของท่านที่สั่งสมไว้ยังคงอยู่ ทั้งที่พูดกล่าวถึงท่านด้วย

ส่วนที่ท่านไปเกิดใหม่แล้วก็ไม่เกี่ยว เพราะไปตามวาระกรรมตรงนั้นท่านไปสู่สุคติแล้ว ตามภาวะนั้นท่านไปแล้ว แต่อันนี้เป็นภาวะหนึ่ง ตามที่กล่าวมาข้างต้นว่า เป็นพลังส่วนหนึ่งได้ออกไปแล้ว

เราไหว้ท่าน หรือส่งกุศลให้กับท่านก็ดี ทุกอย่างจะเชื่อมกันหมด พอเราส่งบุญกุศลให้กับท่าน บุญกุศลนี้จะเข้าไปสู่ศูนย์กลางของธรรม แล้วศูนย์กลางถึงจะส่งไปยังท่านที่ไปสู่สัมปรายภพ ถ้ามีเหตุอันควรธรรมก็จะจัดส่งบุญกุศลไปให้ท่าน แต่ถ้าไม่มีอันควรก็จะตัดขาดก็จะตัดขาด ไม่ว่าบุญกุศลนี้จะส่งไปถึงท่านที่อยู่สัมปรายภพเสมอไป

แต่ถ้าไม่มีใครกราบไหว้ รำลึกถึงอนุสาวรีย์ พลังต่างๆ ก็จะถดถอย จิตวิญญาณในองค์อนุสาวรีย์ก็จะเหลือแต่วิญญาณ จิตก็จะคืนสู่ธรรม แม้แต่วิญญาณบางครั้งก็อาจจะไม่มีแล้ว เช่น อนุสาวรีย์บางที่ก็ล้างไปแล้ว บางที่ก็ถูกทุบทิ้งไป เสียไป

ถ้าศาลเจ้าพ่อคำแดงหลักการก็จะเหมือนกับอนุสาวรีย์ที่กล่าวมานี้

แต่ถ้าเป็นรูปปั้นองค์พ่อพรหมธาดา รูปปั้นพ่อศิวะ หรือรูปปั้นองค์เทพเทวดา ก็เหมือนกันหมด

แม้แต่กระดูกคนที่ตายไปแล้ว เช่น ปู่ย่าตายายของเราก็เช่นเดียวกัน ถ้ามีรูปภาพของปู่ย่าตายาย ถ้ามีการไหว้และรำลึกถึงภาพนั้นก็มีจิตวิญญาณ ส่วนดวงจิตวิญญาณนั้นก็ตามภาวะกรรม ท่านก็ไปของท่านตามกรรมวิบากที่ได้สร้างไว้ขณะยังมีชีวิตอยู่ ส่วนที่เหลือจะเป็นยังไงก็แค่นั้น

สมมติว่าเพื่อนของผมกำลังตาย คือ ตายโหง จิตวิญญาณยังไม่สามารถไปเกิดใหม่ สิ่งนี้ก็เป็นหลักการเดียวกันที่กล่าวมา เพราะสิ่งที่เหลือนั้นเหลือเท่าไหร่ ส่วนที่ไม่เหลือก็ต้องคืนสู่ธรรม ไม่ใช่ว่าไปเกิดใหม่ แต่อยู่ที่ว่าคนที่ตายไปเหลือเท่าไหร่ ตามภาวะธรรมนั้น

แล้วคนที่ตายไปแล้วมาปรากฏให้เราเห็น อยากได้บุญกุศล หรืออยากกินนั้นกินนี่ ก็แล้วแต่ภาวะธรรมนั้น ถ้ามีเหตุเพียงพอก็จะปรากฏเพียงพอ แต่ถ้าไม่มีเหตุผลเพียงพอก็จะไม่มี

แล้วถ้าเทวดาดูแลประจำอนุสาวรีย์นี่แหละ ก็เหมือนกัน พอมีอนุสาวรีย์ขึ้นมาก็ต้องมีพนักงาน พนักงานก็คือเทวดา เทวดาก็คือพนักงานของธรรม แล้วพนักงานนี้มาได้อย่างไร ในธรรมก็ย่อมมี เหตุผลเพราะถ้าเรามีจิตวิญญาณตรงนี้ เหมาะสมเช่นนี้ ธรรมก็ส่งมาให้ประจำตรงนี้

ถ้าเราอธิษฐานขอให้มีเทวดาประจำก็เป็นธรรมตัวหนึ่ง เราไม่ได้อธิษฐานขอแต่มีเหตุวิบากตัวหนึ่งก็ต้องมาเหมือนกัน แล้วแต่ธรรมท่านจะจัดการ เราถือว่าถ้าเขาเหมาะสมธรรมก็จะส่งมา ไม่ว่าจะเป็นทั้งเทวดาหรือมนุษย์เรา ให้มีหน้าที่ดูแล รักษาตรงนั้น

ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกมา

อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์   




 6,319 

  ความคิดเห็น


RELATED STORIES



จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย