ผู้บำเพ็ญจะมีเซ็กส์ได้หรือไม่


ผู้บำเพ็ญจะมีเซ็กส์ได้หรือไม่

ถ้าเราเข้าสู่การบำเพ็ญ เราสามารถช่วยเหลือตัวเองได้หรือเปล่า เราต้อง "บำเพ็ญ บรรลุอย่างบำเพ็ญ" บรรลุแห่งความสุข แล้วก็วางความสุขนั้นซะ เราไม่ไประรานชาวบ้านเขา เพราะเราไม่สามารถหนีภูมิแห่งธรรมชาติได้ นี่แหละคือการบำเพ็ญ

การบำเพ็ญแต่ฝืนธรรมชาติของตัวเองไม่ได้ เราจะฝืนธรรมชาติของตนเอง ของภูมิเราไม่ได้

พวกที่หลงภูมิทั้งหลายมักจะมีความทุกข์

ฉะนั้น เซ็กส์เป็นความสุขสมหวังของชีวิต เราจงเรียนรู้ อย่าไปอาย อะไรที่จะให้ความสุข อะไรที่จะทำให้ความปลอดภัย อย่างไหนที่จะทำให้ไม่ต้องเสียหาย ไม่ต้องเดือดร้อน ไม่ต้องไปมีเพศสัมพันธ์นอกบ้าน

บางคนอดไม่ได้ ต้องไปทำเรื่องลับๆ ล่อๆ ข้างนอก ก่อให้เกิดปัญหาตามมา ไม่ว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เสียหายหมดเลย วุ่นวายไปหมดเลย

ผู้หญิงที่เซ็กส์จัดจะอายุอยู่ระหว่าง ๓๕ ถึง ๔๕ จะเซ็กส์จัดที่สุด จะต้องการเรียกร้องจากสามีมากที่สุด

ถ้าอายุเลยกว่านี้ แต่มีความต้องการอยู่ นั่นเป็นเพราะว่า อายุอยู่ช่วงวัยนี้ อารมณ์แห่งความสุขสมยังค้างคาอยู่ ฉะนั้น อายุเลย ๕๕ ก็ยังมีความต้องการอยู่

ฉะนั้น เราต้องเรียนรู้ ไม่ควรอาย ชีวิตจึงจะสมหวัง

และอีกอย่างหนึ่ง ถ้าเรามีอารมณ์ต้องการทางเพศ แล้วผู้หญิงไม่พร้อมที่จะสมสู่ ก็จะเกิดการเดือดร้อนแล้ว ถ้าผู้หญิงให้ก็ให้อย่างไม่เต็มใจ แต่ถ้าไม่ให้ ผู้ชายก็จะมีปัญหา ความเดือดร้อนก็จะตามมา ตรงลงไม่เซ็กส์เลย (อารมณ์ไม่สุขสมหวัง)

คิดอีกอย่างหนึ่ง แล้วเมื่อไหร่สองคนระหว่างชายหญิงจะพร้อมกันได้ มีความต้องการที่พร้อมกัน หายากมาก ถ้าเราไม่รู้จักเซ็กส์เราก็จะทุกข์ แต่ถ้าเรารู้จักเซ็กส์ก็ไม่เป็นปัญหา ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่พร้อม ไม่เป็นไร เรามีวิธีแก้ได้ เรามีเซ็กส์ของเรา เรามีความสุข แล้วเราจะทุกข์ไปทำไม

ถ้าเราเข้าใจสิ่งนี้เหมือนกับการปลดแอก ไม่ตกเป็นทาส สมสู่อย่างบำเพ็ญ บำเพ็ญแล้ววางลงได้

เช่น พ่อศิวะมีภรรยามั้ย มีคือพระแม่อุมาเทวี แต่ทำไมพ่อศิวะถึงบำเพ็ญทั้งวันได้ แล้วมีความสุขได้ พระแม่ท่านมีความสุขได้

จะบอกว่าพ่อศิวะกับพระแม่อุมาสมสู่กันอยู่ตลอดอย่างนี้ไม่ใช่ พ่อศิวะท่านเข้าใจในอารมณ์ที่สมหวัง สมความปรารถนาแล้ว เป็นเพราะว่าเราทั้งหลายหลงในรูป

เราต้องมีหลักของเรา คือ เซ็กส์ อารมณ์ที่สุขสมหวัง

ถ้าสามีเราไม่มีแรง เราก็จะบังคับให้ฝ่ายชายทำให้ได้ แล้วผู้ชายก็ไม่ได้ดั่งใจก็มีปัญหา ฉะนั้น เราก็ต้องรู้จักช่วยเหลือตนเอง เรื่องก็จบ เราไม่ตกเป็นทาส เราก็มีอารมณ์ที่สุขสมหวังแล้ว นี่แหละ เข้าสู่ความว่า หลุดพ้น

พระอรหันต์ท่านมีความสุขกับการนั่งสมาธิ เรื่องเพศสัมพันธ์ท่านจึงปล่อยวางแล้ว แล้วเกิดความปิติ เราปิติเราก็ละจากเรื่องสิ่งเหล่านี้ได้

สมมติว่า เราไม่ต้องมีผู้ชายมาหอมแก้มเรา แล้วเราสามารถมีความสุขอยู่กับสิ่งนั้นได้ แล้วจะมีความจำเป็นหรือไม่ที่จะให้ผู้ชายมาหอมเรา

ถ้าเราไปยึดติดว่า ต้องเป็นชายหญิง แล้วมีเพศสัมพันธ์กัน แล้วเราชื่นชอบอย่างนี้ จึงจะสุขสมหวังได้ นี่แหละเราก็จะเป็นทุกข์ ในเมื่อไม่มีผู้ชายไหนมาจูบเราเกิดความสุขได้ เราก็จะเกิดความทุกข์เดือดร้อน เราก็จะตกเป็นทาส ถ้าเราไม่ทาส เรามีความสุขของเราได้ ทำไมเราต้องไปง้อผู้ชายมาจูบเรา

ถ้าไม่ต้องมีผู้ชายมาจูบเรา เราก็ถึงจุดสุดยอดของเราได้ พระอรหันต์ท่านนั่งสมาธิท่านก็ถึงจุดสุดยอดของท่านได้ ท่านก็มีความสุขของท่าน ท่านก็ไม่จำเป็นต้องมีความสุขแบบโลกิยะ แบบชาวโลกทำกัน

---------------------------

ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกมา

อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์   

7,678







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย