จิตดั้งเดิม หรือจิตประภัสสร


จิตดั้งเดิม หรือจิตประภัสสร

จิตดั้งเดิม คือ จิตที่ไม่มีสิ่งเจือปน เป็นจิตรับรู้ของธรรมชาติ จิตยังว่างอยู่ ยังไม่ถูกอะไรปรุงแต่ง ยังไม่ถูกเจือปนด้วยกิเลสตัณหา จิตดั้งเดิมหรือจิตประภัสสรก็เหมือนกับน้ำกลั่น ที่ไม่ถูกอะไรเจือปนด้วยสิ่งใดๆ

จิตของเราก็เหมือนกับน้ำกลั่นหนึ่งแก้ว ถ้าเราเอากาแฟใส่ลงไปในน้ำ น้ำนี้ก็กลายเป็นน้ำกาแฟ ถ้าเราเอาเหล้าเติมลงในน้ำกลั่นก็จะกลายเป็นน้ำเหล้า ถ้าเราเอายาสมุนไพรใส่น้ำกลั่นก็จะกลายเป็นน้ำยาสมุนไพร ถ้าเราเอาใบชาใส่ลงไปในน้ำกลั่น ก็จะกลายเป็นน้ำชา เป็นต้น

เพราะว่าจิตของเรานั้นโดยดั้งเดิมแท้ไม่สามารถคิดเองได้ จิตไม่สามารถมีพลังได้ เป็นจิตที่ไม่มีปัญญา ไม่มีกิเลส แต่เรานำเอาปัญญาไปใส่ในจิตก็ทำให้จิตมีปัญญาขึ้นมา เอาวิชาไปใส่ในจิตก็ทำให้จิตมีวิชาขึ้นมา เอาแม่สูตรคูณ ท่องจำแม่สูตรคูณเข้าไปในจิต จิตก็รับทราบแม่สูตรคูณ เอาความรู้ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน เข้าไปในจิต ก็ทำให้จิตรู้ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ถ้าเราไม่นำสิ่งต่างๆ นี้เข้าไปในดวงจิต จิตเราก็จะไม่ทราบเลย

บุญ บาป กุศล อกุศล ถ้าเราได้ทำไว้แล้วตายไป ทั้งกรรมดีและไม่ดีจะสั่งสมอยู่ที่จิต เป็นแรงกรรม เข้าสู่ DNA ถ้าเปรียบเสมือน จิตนี้เป็นไมโครชิป หรือแฟสไดร์ฟ เราใส่เพลงอะไรลงไป ถ้าเราเอาไปเสียบเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ไหน คอมพิวเตอร์เครื่องไหนก็จะปรากฏเพลงที่เราใส่ลงไป เหมือนกับแผ่นซีดีเราเขียนบันทึกไรท์แผ่นเพลงหรือหนังลงไป แล้วเราเอาไปเปิดที่ไหนก็แล้วแต่ก็จะปรากฏเพลงหรือหนังที่เราบันทึกไว้ ฉะนั้น บุญ บาป กุศล อกุศล กรรมนี้ก็เหมือนกับสิ่งที่เราจะเขียนลงไป แผ่นซีดีเพลงก็เหมือนกับจิตของเรา เราจะไปเกิดที่ไหนบุญ บาป กรรม ก็จะปรากฏที่แห่งนั้น

และอีกอย่างหนึ่ง ถ้าเราตายไป จุติจิตนี้ไปที่ปฏิสนธิ ณ ท้องของแม่คนหนึ่ง ถ้าหากว่าเรากับแม่ไม่มีวิบากต่อกัน หรือวิบากไม่สัมพันธ์กัน เราก็ไม่สามารถจะไปปฏิสนธิเกิด ณ ท้องของแม่คนนั้นได้ แต่ถ้าเรามีวิบากต่อกัน มีสัมพันธ์ต่อกันก็จะสามารถปฏิสนธิเกิดในครรภ์นั้นได้ เช่นเดียวกับจิ๊กซอว์ ถ้ารอยต่อ รอยักไม่สามารถเข้ากันได้ ใส่ยังไงก็ใส่เข้าไม่ได้ แต่ถ้าเป็นรอยต่อที่เว้นว่างไว้เข้ากันได้ก็สามารถใส่เข้าได้

นิพพาน คือ สภาวะที่รู้เข้าถึงธรรม มีสัมปชัญญะอย่างยิ่งยวดที่จะรับหรือไม่รับกิเลสตัณหา หรือสิ่งแวดล้อมต่างๆ ซึ่งไม่สามารถเข้าไปมีอิทธิพลต่อดวงจิตนี้ได้ หรือจิตนี้อยู่เหนือหรือหลุดพ้นจากอิทธิพลของกิเลสตัณหา จิตนี้อยู่เหนือแต่ไม่ใช่หลุดจากกิเลสตัณหา ดำรงความเป็นสัมปชัญญะอยู่ตลอดเวลานี่แหละคือภาวะแห่งพระนิพพาน นิพพานเป็นธรรมตัวหนึ่ง อยู่เหนือธรรมแต่ไม่ได้หลุดออกจากธรรม ยังอยู่ในภาวะแห่งธรรม นิพพานไม่ใช่เป็นสถานที่ไหนที่หนึ่ง แต่นิพพานเป็นภาวะธรรมภาวะการณ์หนึ่งของธรรม เพราะมีสัมปชัญญะพร้อมที่จะไม่ให้สิ่งแวดล้อมต่างๆ มีอิทธิพลต่อเรา

กิเลสตัณหาไม่ได้หายไปไหน แต่กิเลสตัณหาไม่สามารถมีอิทธิพลเหนือจิตนี้ได้

ถ้าเราสามารถเข้าสู่ภาวะนิพพานนี้ได้ จิตเราก็ไม่เป็นโลดแล่นอยู่กับอะไร ไม่ตื่นเต้นกับอะไร เข้าสู่ความเป็นตถตา (เป็นเช่นนั้นแล)

จึงมีคำถามต่อมาว่า เราสามารถดำรงสัมปชัญญะไม่ให้กิเลสตัณหาครอบงำหรือมีอิทธิพลต่อเราได้หรือไม่ ถ้าได้แค่บางขณะ ก็จะเรียกว่าเป็น "นิพพานลองชิม"

ถ้าเราสามารถดำรงสัมปชัญญะไม่ให้กิเลสตัณหาครอบงำ ๕ นาที เราก็ได้นิพพานลองชิม ๕ นาที แต่หลังจากนี้เราไม่สามารถดำรงสัมปชัญญะได้ เราก็จะหลุดออกจากนิพพาน และไม่ให้ครอบงำ ๑๐ นาที เราก็ได้นิพพานลองชิม ๑๐ นาที เป็นต้น

อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
   

7,680







จีรัง กรุ๊ป    

 ธรรมะไทย