|
ได้มีประกาศแต่งตั้ง "พระมหาชำนาญ
เขมนันโท" เจ้าอาวาสวัดกุยบุรี ต.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
 พระธรรมปริยัติเวที
เจ้าคณะภาค 15 ในฐานะผู้แทนสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง
เดินทางมาที่วัดกุยบุรี เพื่อประกอบพิธีมอบพระบัญชาแต่งตั้งพระมหาชำนาญ
เขมนันโท (ป.ธ.7,พธ.บ.) เจ้าอาวาสวัดกุยบุรี เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
โดยมีนายอยุธยา คล้ายสิงห์ นายอำเภอกุยบุรี
เป็นผู้อ่านพระบัญชาสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ท่ามกลางคณะสงฆ์ ประกอบด้วย เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล
ตลอดจนพุทธศาสนิกชน ร่วมเป็นสักขีพยาน ภายในพระวิหารหลวงพ่อในกุฏิ
พระธรรมปริยัติเวที กล่าวสัมโมทนียกถา
ว่า คณะสงฆ์ได้มีการปกครองและปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ตามกฎหมาย ตามกฎมหาเถรสมาคม
โดยมีการแต่งตั้งรองเจ้าคณะจังหวัด เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ได้เนรมิตขึ้นมาได้ตามที่ได้ตั้งใจหรือตามความชอบใจของผู้ใดผู้หนึ่ง
กฎหมายได้มีตราไว้ว่า ผู้ที่จะดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด จะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร
และผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัด ให้เอาคุณสมบัติของเจ้าคณะจังหวัดนั้นมาพิจารณา
ท่านก็ให้คุณสมบัติไว้หลายประการ คือหากคุณสมบัติไม่ถึง จะไม่ได้รับการพิจารณา
จึงต้องแจ้งให้พุทธศาสนิกชนได้ทราบ ให้หายสงสัยว่า การที่จะเป็นพระสังฆาธิการ
ตั้งแต่เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาค หรือรองเจ้าคณะ
ก็จะได้รับแต่งตั้งไปตามกฎหมาย ไม่ได้มีสิ่งอื่นใดๆ
"คณะสงฆ์ที่ปกครองกันตามกฎหมายประการสำคัญ
คือดูงาน องค์ไหนเอางาน องค์ไหนมีการพัฒนาให้งานของคณะสงฆ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อยดีงาม
ก็จะพิจารณาผู้นั้น ไม่ใช่ว่ามีคุณสมบัติแล้ว แต่ไม่พัฒนางาน ก็จะไม่พิจารณา
หรือบางรูปพัฒนางานได้ แต่คุณสมบัติไม่พอ ก็ไม่สามารถพิจารณาได้"
พระมหาชำนาญ กล่าวภายหลังได้รับแต่งตั้ง
ว่า ไม่คาดคิดว่าจะได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนี้ เชื่อว่าสิ่งที่ทำให้ได้รับ
คงมาจากปัจจัยหลายประการ อาทิ 1.มีความรู้ปริญญาพุทธศาสตร์บัณฑิต (พธ.บ)
2.จบเปรียญธรรม 7 ประโยค 3.อายุไม่มาก อยู่ในวัยที่ทำงานได้ 4.ตำแหน่งที่ตั้งของวัดกุยบุรี
อยู่กึ่งกลางระหว่างจังหวัด การคมนาคมสะดวก ติดถนนเพชรเกษม วัดมีความพร้อมทั้งอาคารสถานที่
และ 5.ผลงานมากมาย อาทิ การก่อตั้งมูลนิธิกู้ภัยหลวงพ่อในกุฏิ ที่มีอาสาสมัครเกือบ
100 คน ออกให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย การจัดดูแลเด็กเล็กก่อนวัยเรียนในความดูแลของพระพุทธศาสนาปีละกว่า
70-80 คน การจัดครูไปสอนพระพุทธศาสนาตามโรงเรียน หมู่บ้าน และการจัดตั้งสถานีวิทยุชุมชนภายในวัดเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา
พระมหาชำนาญ กล่าวต่อว่า "ในปัจจุบัน การก่อสร้างวัตถุภายในวัด
เริ่มอิ่มตัว วัดบางแห่งมองดูว่าวัดที่เจริญ จะต้องมีถาวรวัตถุ แต่มีข้อด้อยในเรื่องการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ที่ผ่านมา เมื่อเศรษฐกิจดี จะได้บริจาคกันเต็มไปหมด ทำให้วัดใหญ่โตสวยงาม
แต่เป็นที่น่าแปลกใจ ที่ประชาชนไม่เข้าวัด เพราะประชาชนต้องทำมาหากิน
ไม่มีเวลามาเข้าวัด จึงไม่รู้จักพระพุทธศาสนา"
"ดังนั้น พระสงฆ์ต้องไปสอนศาสนา
และผลิตสื่อให้ไปถึงชาวบ้าน เชื่อว่าชาวบ้านจะมีการเรียนรู้ได้ง่ายขึ้นและสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาสังคมในปัจจุบันได้
ในเรื่องนี้จะนำเรียนเจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อประชุมเจ้าคณะอำเภอทุกแห่งในจังหวัด
เร่งพัฒนาความรู้ตามหลักพระพุทธศาสนาให้กับประชาชน และต้องสอดคลองกับความเป็นไปได้ให้เร็ว"
ปัจจุบัน พระมหาชำนาญ เขมนันโท สิริอายุ
39 พรรษา 18 เกิดเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2509 ที่บ้านเลขที่ 406
หมู่ที่ 9 ต.บ่อนอก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์
เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม
2530 ที่วัดปทุมคงคาราชวรวิหาร กรุงเทพฯ โดยมีสมเด็จพระธีรญาณมุนี
เป็นพระอุปัชฌาย์ การศึกษา สอบได้เปรียญธรรม 7 ประโยค และสำเร็จการศึกษา
พุทธศาสตร์บัณฑิต (พธ.บ) จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดกุยบุรี
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2543
ก่อนได้รับแต่งตั้งเป็นรองเจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ในท้ายที่สุด
|
หน้าแรก 
