ยุคแห่งโลกาภิวัตน์ ที่การสื่อสารครอบคลุมทุกพื้นที่ ทำให้การรับรู้ข้อมูลข่าวสารรวดเร็ว และเทคโนโลยีเจริญก้าวหน้า มีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของผู้คนทั้งโลก แต่วิถีชีวิตไทยที่มีรากฐานวัฒนธรรมตามหลักพุทธศาสนา ก็ยังคงยึดเหนี่ยวจิตใจ หากแต่มีการปรับแต่งรูปแบบตามสภาพความเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ เพื่อความเหมาะสมและความอยู่รอด

หากมองย้อนหลังกลับไปในอดีต เมื่อถึงวันสำคัญๆ ทางศาสนา จะเห็นภาพของพุทธศาสนิกชน แต่งกายด้วยเสื้อผ้า อาภรณ์ที่ใหม่เอี่ยม เรียกว่าชุด เอาบุญ ทุกคนเดินทางไปร่วมกันเพื่อทำบุญ ตักบาตรพระสงฆ์ เข้าวัดฟังธรรมอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาแทบทุกๆ ครอบครัว ได้รับบุญกุศล พรอันประเสริฐจากพระสงฆ์ใกล้บ้าน ซึ่งเป็นความอิ่มเอิบในจิตใจทำให้ชีวิตสดใส มีความสุขกันถ้วนหน้า

แต่ปัจจุบัน ด้วยภาวะการเร่งรีบและข้อจำกัดของเวลา โดยเฉพาะในสังคมเมืองใหญ่ ที่กลายเป็นสังคมบริโภควัตถุ หากแต่ยังคงมีประเพณีอันดีงามที่ยึดถือประพฤติ ปฏิบัติทุกวันสำคัญ ซึ่งจะละเลยคุณค่าทางจิตใจไปเสียทั้งหมดก็หาไม่ การเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาก็มีรูปแบบที่หลากหลาย แต่คงไว้ด้วยคุณค่าที่ดีงาม โดยการเข้าร่วมทำบุญกับเพื่อนบ้าน ที่เป็นครอบครัวเล็กๆ แต่อบอุ่นได้เหมือนในอดีต

เมื่อเวลาเป็นข้อจำกัด จากการที่เราเคยทำบุญ ตักบาตร ที่วัดทุกเช้า สำหรับผู้ที่ไม่มีเวลา อาจเปลี่ยนมาทำบุญถวายภัตตาหารเพล หรือนิมนต์พระคุณเจ้ามาที่บริษัท สำนักงาน หรือที่พักอาศัยก็ทำได้ โดยเริ่มต้นจากวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่กำลังจะมาถึง 23 กุมภาพันธ์นี้

"วันมาฆบูชา" ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ ตามธรรมเนียมตะวันตก กำหนดให้มีวันแห่งความรักสำหรับชาวพุทธเรา ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงความรัก ความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ ถือศีล ปฏิบัติธรรม ร่วมกันทำความดี ละเว้นความชั่วทั้งปวง และยังเป็นวาระที่ครอบครัวจะได้ทำบุญเวียนเทียนร่วมกัน ที่สำคัญที่สุดคือพ่อแม่ควรพาลูกเข้าวัด ฟังธรรม เป็นการกล่อมเกลาจิตใจ โปรดอย่าลืมว่า "ตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่าคำสอน" ควรปลูกฝังให้เยาวชนรุ่นใหม่ หันมาให้ความสำคัญในพระพุทธศาสนา แม้ศาสตร์วิทยาการจะเจริญ ล้ำหน้าไปเพียงใด

แต่ความเชื่อมั่น ศรัทธาในหลักศาสนาก็ยังคงฝังรากลึกในจิตใจของชาวไทย และชาวพุทธทั่วโลกมิเสื่อมคลาย

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในกำกับของนายกรัฐมนตรี ได้กำหนดจัดงานเนื่องในวันมาฆบูชาเป็นประจำทุกปี รวมถึงในส่วนของสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทั่วประเทศ